เช้าวันถัดมา…
เรือสปีดโบตลำใหญ่หยุดใจกลางทะเลสีคราม พนักงานบางส่วนถูกพาเวียนชมเกาะเล็กเกาะน้อยบริเวณใกล้เคียง ทุกตารางนิ้วเป็นของภวัฒน์ ตระกูลเขาร่ำรวยมหาศาลจึงยังสรุปไม่ได้ว่าสุดท้ายที่ใดจะใช้จัดงานแต่งสุดอลังการ
“เมื่อคืนหลับสบายไหมคะ” ปรายดาวยืนรับลมอยู่บริเวณท้ายเรือ เสียงทักทายอันคุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะจนต้องหันมอง
“ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไรค่ะ คุณนิชาล่ะคะ”
“นิชานอนไม่ค่อยหลับค่ะ” หล่อนจ้ำอ้าวมายืนใกล้ ๆ ว่าพลางระบายลมหายใจ
“พอดีมีเรื่องรบกวนสมองนิดหน่อย” ริมฝีปากเคลือบสีแดงแค่นหัวเราะคล้ายกำลังประชดประชัน
“เป็นคุณปรายนี่ดีนะคะ ง่าย ๆ ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์”
“ก็มาทำงาน จะเรื่องมากได้ยังไงล่ะคะ”
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า อรนิชาเริ่มแผ่รังสีอำมหิตจนเธอรู้สึกตื่นกลัว ยิ่งนัยน์ตาสีนิลเคลื่อนสำรวจทุกสัดส่วนราวตรวจตรา ไม่ต่างกับตำรวจจับผิดผู้ต้องหาสักนิดเดียว
“งั้นปรายขอตัวก่อน…”
“เดี๋ยวสิคะ ชมวิวเป็นเพื่อนกันสักพัก พวกคุณน้ำหวานกำลังสนุกกันอยู่ข้างหน้า ไปตรงนั้นก็อึดอัดสูดอากาศได้ไม่ฉ่ำปอด”
ฝ่ามือนางแบบรั้งท่อนแขนขาวไว้ หล่อนพเยิดหน้าทิศทางที่กล่าว ภาพน้ำหวานยิ้มร่าสุขใจไม่เกินจริงสักนิด วันนี้ถือว่าพักผ่อนเก็บเกี่ยวบรรยากาศรอบ ๆ เพื่อตัดสินสถานที่เหมาะเจาะ ล่องเรือถือเป็นโบนัสจนคุ้มเหนื่อย เพราะเมื่อวานสู้กับอากาศอบอ้าวตั้งแต่ย่างก้าวเหยียบเกาะมุก
“เกาะเขียวขจีนั่นเรียกว่าเกาะมรกต คุณปรายชอบไหมคะ” อรนิชาแนะนำภาพเบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“ปรายไม่ค่อยถูกกับทะเลเท่าไรค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ ไม่ชอบอากาศร้อน ?” นางแบบสาวย่นคิ้วสงสัย
“เปล่าค่ะ” ปรายดาวอึกอักไม่แน่ใจสนิทสนมถึงขนาดต้องเล่าให้ฟังหรือเปล่า
“แล้ว…” ทว่าอรนิชายังซักไซ้ไม่เลิก
“ปรายเคยจมน้ำตอนเด็กเลยขยาดน้ำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
“จริงหรือเปล่า” หล่อนทำเสียงยียวนประหนึ่งสิ่งที่พูดเป็นเรื่องไร้สาระ
“นิชาไม่เชื่อหรอก นอกจากต้องพิสูจน์!”
“คุณนิชา!”
ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกแขนยาว ๆ คว้าหมับบนเรียวไหล่ อรนิชาบังคับทั้งร่างตนเองรวมถึงคู่สนทนาให้ดำดิ่งสู่ผืนน้ำสีฟ้าสะอาดตา
“กรี๊ดดดด!”
เสียงร่ำร้องกระแทกดังถี่รัวเรื่อย ๆ ปรายดาวรู้สึกเหมือนใกล้ขาดอากาศหายอยู่รอมร่อพยายามตีขาพยุงตนเองสุดชีวิต
“คุณนิชากับพี่ปรายจมน้ำ!!”
เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือน้ำหวานซึ่งพุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ นัยน์ตาชุ่มน้ำพร่าเบลอเสียจนมองไม่เห็นทิศทาง อยู่ ๆ ก็ถูกประคองกอดในขณะใกล้หมดลมหายใจ สำลักน้ำไปกว่าหลายอึก แต่สุดท้ายก็ถูกแบกขึ้นมาตรงท้ายเรือ มองอยู่รอบข้างเห็นอรนิชาถูกน้ำหวานประคองด้วยอาการหนาวสั่น ส่วนตนนั้นตกอยู่ใน อ้อมกอดของชายที่ไม่ควร…
ภวัฒน์… เขามาทำอะไรตรงนี้ ทำไมถึงไม่อยู่กับคนรัก
“ปราย… คุณปลอดภัยแล้ว” สุ้มเสียงอ่อนโยนกระซิบบอกข้างหู ประคองกอดร่างน้อยจนเรียกทุกสายตาจากรอบข้าง นัยน์ตาแดงก่ำเพ่งพิศมองเธอชัด ๆ
“คุณภาม…”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” ภวัฒน์ไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้น วินาทีนี้คนเดียวซึ่งพะวงหามีแค่เธอ แตกต่างจากปรายดาวแม้ผ่านวินาทีเฉียดตายหมาด ๆ แม้หวาดกลัวสุดใจแต่ก็ยังหลงเหลือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่
“ปะ…ปล่อยก่อน” ริมฝีปากสั่นระริกแทบไม่เป็นภาษาแต่คนใกล้รับรู้ได้
“นี่คือคำแรกที่คุณพูดกับคนหวังดีงั้นเหรอ”
“คะ…คุณภาม”
“ผมจะอุ้มคุณไปใส่ยา เท้าช้ำขนาดนี้คงกระแทกอะไร หนัก ๆ เมื่อกี้” นักธุรกิจหนุ่มว่าก่อนช้อนอุ้มร่างเล็กช้า ๆ ท่ามกลางสายตาตะลึงของหลายสิบชีวิต ภวัฒน์ใช้ผ้าเช็ดตัวห่อปรายดาวอย่างทะนุถนอม มองเธอด้วยแววตารักใคร่เสียเต็มประดา
ทุกท่าทีอาลัยอาวรณ์ล้วนอยู่ในสายตานางแบบสาวจนเลือนหายไป หล่อนกำมือแน่นได้คำตอบที่ปรารถนา แท้จริงไม่มีเจตนาเลวร้าย เพียงแค่อยากทดสอบใจคนทรยศหักหลังก็เท่านั้น
อรนิชาตามภวัฒน์ตั้งแต่งานจบ หล่อนรอเขาหน้าห้อง ปรายดาวคล้ายใจเย็น แม้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายสุมไปด้วยเปลวเพลิง ความผิดหวังถาโถมสู่ขั้วหัวใจจะโวยวายก็ยังทำไม่ได้ เพียงเฝ้าดูคนรักคอตกร่ำไห้อยู่หน้าระเบียงดาดฟ้า กระทั่งตนเองก็พรูน้ำตาเพราะเจ็บปวดไม่แพ้เขาสักนิดเดียว!
รถคันโตแล่นฉิวบนถนนของตัวเมืองในเวลาคล้อยค่ำ ภวัฒน์บังคับพวงมาลัยปราดซ้ายหลบขวาอย่างฉับไว
เวลานี้มีอรนิชานั่งอยู่เคียงข้าง ส่วนเด็กน้ำหวานก็ประคองปรายดาวเบื้องหลัง เขาได้รับสายจากหล่อนก็ทิ้งทุกอย่างเร่งรีบราวหนูติดจั่น น้ำหวานเล่าว่าปรายดาวไข้ขึ้นสูงแถมยังละเมอพร่ำเพ้อถึงมารดา
“แม่จ๋า…” เสียงเรียกหาปะปนสะอื้นไม่หยุดกระทั่งผ่านไปหลายสิบนาที
“ปรายคิดถึงแม่” นัยน์ตาคมกริบมองผ่านกระจกเงา เพ่งพิศดูถ้วนทั่วดวงหน้างามก็นึกสงสารจับใจ น้ำตาเปรอะเปื้อนข้างแก้มไม่รู้หน่าย มิหนำซ้ำริมฝีปากซีดเซียวยังไร้สีสัน ความทรงจำแล่นเข้าสมองฉับพลัน เคยเจอดุจเดือนเพียงหนึ่งครั้งท่านไม่น่าอายุสั้นด่วนจากไปก่อนเขาได้เอ่ยขอโทษ
“พี่ภาม!” อรนิชาเปล่งเสียงแข็งเรียกให้คู่รักหันหา
“ขับรถก็สนใจถนนสิคะ มองดูแต่อะไรก็ไม่รู้”
หล่อนกระแทกลมหายใจ แสดงอารมณ์ฉุนจัดจนน้ำหวานพลอยสัมผัสได้ ภวัฒน์รู้ดีอรนิชาเจ็บปวดที่เขาเลือกช่วยใครอีกคนทั้งยังทิ้งหล่อนไว้ แต่เวลานั้นโสตประสาทส่วนลึกเชื่อมเข้ากับหัวใจ…
ภวัฒน์คงทนไม่ได้ถ้ารักครั้งแรกตายไปต่อหน้าต่อตา!
ล้อรถหยุดหมุนขณะหักเข้าจอดเสร็จสรรพ วิ่งโล่เรียกบุรุษพยาบาลกระทั่งเตียงเลื่อนสีขาวสะอาดหยุดลงตรงหน้าปรายดาว เขาพยุงร่างบางเชื่องช้าคล้ายกลัวว่าหากออกแรงสักนิดเดียวคนตัวเล็กอาจแตกสลาย
นั่งเฝ้ารอนับยี่สิบนาที นายแพทย์หนุ่มสรุปอาการว่าเธอป่วยเพราะพิษไข้ไล่เล่นงาน แถมพักผ่อนน้อยอาการก็เลยหนักเอาเรื่อง
“กลับหรือยังคะ ถึงมือหมอแล้วนิชาว่าเราในฐานะเจ้านายก็ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสนิทเขา” อรนิชากอดอกลุกขึ้นเหลือบสายตามองน้ำหวาน
“เมื่อกี้ได้ยินเธอโทร. เรียกครอบครัวคุณปราย บินมาพรุ่งนี้ใช่ไหม”
“ค่ะ หวานโทร. รายงานเรียบร้อย คุณนิชากับคุณภามไม่ต้องเป็นห่วง” น้ำหวานตอบกลับโดยไว ทั้งยังแสร้งยิ้มแม้ลำคอรู้สึกตีบตันเหลือทน
“ได้ยินแล้วใช่ไหมคะพี่ภาม กลับเถอะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“แต่พี่ว่า…”
“นิชาก็ตกน้ำเหมือนกันนะคะ เหนื่อยก็เหนื่อยเป็นคนนะไม่ใช่หุ่นยนต์!” อรนิชาเม้มริมฝีปากคล้ายขัดใจ หล่อนห้ามตนให้ริษยาร่างไร้สติไม่ได้ มีดีอะไรนักหนาภวัฒต์ถึงห่วงใยราวจะเป็นจะตาย
“นิชาหยุด คุณหวานก็อยู่เกรงใจเขาบ้าง”
“งั้นพี่ภามเกรงใจนิชาหรือเปล่า เห็นใจนิชาบ้างไหม”
ความน้อยเนื้อต่ำใจผลักดันให้นางแบบสาวไร้เหตุผล หล่อนยืนกอดอกจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แววตาคู่งามระงับความกรุ่นโกรธไว้แทบไม่อยู่
“หรืออยากให้นิชาพูดมากกว่านี้”
“พอ กลับก็กลับ!”
เสียงกร้าวพยายามเบาที่สุด เขาคว้าเรียวแขนว่าที่เจ้าสาวลากหล่อนให้พ้นจากเขตแนวประตู น้ำหวานยกมือกุมมือถอนหายใจแทบไม่หวาดไม่ไหว ความสงสัยพุ่งพรวดสู่ขั้วหัวใจ แต่อย่างไรก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคนนอก
ภวัฒน์กึ่งจูงกึ่งลากพาร่างเปรียวมาที่จอดรถ เขาเหยียบคันเร่งแทบเหาะแวะหาโรงแรมใกล้ ๆ เพราะกว่าจะกลับเกาะคงเสียเวลาร่วมสามชั่วโมง
ชายหนุ่มเปิดห้องเตียงเดี่ยวซึ่งบรรยากาศไม่หรูหรามากนัก ครั้นประตูปิดลงเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ปรี่มากระชากให้คนใจร้ายหันเผชิญเจรจา
“พี่ภามจะไปไหน อธิบายกับนิชามาเดี๋ยวนี้นะ!”
นางแบบสาวเปิดบทสนทนาไม่เหลือมาดผู้ดี ปกติอรนิชานิ่งรักษาท่าทีเรียบโก้เสมอ หากเหตุการณ์ที่เพิ่งพบเจอกลับทำให้หล่อนฟิวส์ขาด
“อธิบายอะไรอีก พี่เหนื่อยได้ยินไหม!”
“เรื่องพี่ภามกับปรายดาวไง มันคืออะไรไปถึงขั้นไหนทำไมต้องห่วงใยขนาดนั้น!”
“นิชา อย่าดูถูกปราย!”
“ปกป้องมากกลัวความจริงปรากฏหรือไงว่าพี่กำลังสวมเขาให้นิชาอยู่!” ดวงตาสีนิลเจือแววแน่วแน่ในสิ่งที่ตนเอ่ย
“เขาดีกว่านิชาตรงไหน ผู้หญิงคนนี้รักพี่ภามไม่พอหรือไง!”
นัยน์ตาหลุบต่ำเล่นเอาความรวดร้าวจุกแน่นใจกลางอก มือดุจเสลาทุบตีบริเวณอกกว้างความเพียรพยายามทั้งหมดกองอยู่บนพื้น
“พี่ขอโทษ ปรายคือรักแรก…” ภวัฒน์ตัดสินใจบอกหล่อนอย่างตรงไปตรงมา เขาเผยความนัยโดยไม่คิดปิดบัง
“เขาเป็นคนแรก เป็นคนที่พี่รักที่สุด”
“ฮะ…ฮึก พี่ภาม”
อรนิชาจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่จนวงแขนกว้างต้องโอบประคอง นี่ใช่ไหมความจริงที่อยากฟังจากปากคนรัก
“ทำไมใจร้ายกับนิชาแบบนี้”
“พี่ขอโทษ…”
หากต้องปลอบโยนคงไม่มีคำไหนเหมาะสมเท่านี้ ภวัฒน์พยุงอรนิชาลงบนเตียง หล่อนหันหน้าหนีเพราะบัดนี้ไม่อาจมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวได้เต็มตา มือหนาสัมผัสเรือนผมดำขลับลูบไล้แผ่ซ่านความอบอุ่น
ยิ่งเขาเข้าใกล้เท่าไรอรนิชายิ่งสะอื้นตัวโยน หล่อนคว่ำปากร้องไห้ไม่เหลือมาดคุณหนูเอาแต่ใจ
ภวัฒน์เฝ้ารอกระทั่งเสียงหอบค่อย ๆ เบาลง เขาย่างก้าวเข้าห้องน้ำเพราะตนก็มีสิ่งที่ต้องทบทวนเช่นกัน เมื่อเห็นว่าร่างสูงหายไป วงหน้าเฉี่ยวหวานยิ่งสะอื้นหนักกว่าเก่า ความสัมพันธ์นับสองปีคล้ายเศษแก้วที่แตกร้าว ปรนเปรอเขาด้วยกายแต่ไม่ได้ครอบครองแม้แต่สักเสี้ยวของหัวใจ
จำครั้งแรกที่เผชิญหน้ากันผ่านมารดาทั้งสองฝ่าย อรนิชาไม่ชอบใจหนุ่มเย็นชาเท่าไรนัก เพราะเขาทำท่ายโสโอหังราวตนเองเพอร์เฟกต์ที่สุดในโลก
แต่พอพบกันบ่อยขึ้นทิฐิแข็งกร้าวภายในกลับค่อยหลอมละลาย หล่อนเคลิบเคลิ้มโอนอ่อนไปกับเขาง่าย ๆ คงเพราะสัมผัสได้กระมังว่าเนื้อแท้ภวัฒน์ไม่ได้แย่ซะทีเดียว
ภายใต้กิริยาดั่งคุณชายซ่อนมาดอบอุ่นเอาไว้จนอรนิชาประทับใจ กับหล่อนภวัฒน์สุภาพเสมอ เขาดูแลหล่อนดีประดุจเจ้าหญิงในนิยาย แต่สุดท้ายเจ้าชายในฝันควรอยู่แค่นั้น… ไม่ใช่ชีวิตจริง
ใกล้กันแค่นี้หากกลับห่างไกลนับพันทวี ลึกแล้วรู้ดีต่อให้เพียรรักเขาแทบตายก็ไม่มีวันได้หัวใจที่ปรารถนา เพราะมีใครบางคนอยู่ภายใน…
คนในอดีตยังตามหลอกหลอนจนชายหนุ่มปิดใจ อรนิชาจะทำเช่นไรเพื่อให้ได้ใจว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งเริ่มต้นด้วยผลประโยชน์หาใช่หัวใจอย่างที่ใฝ่ฝัน ภาพเบื้องหลังของการแต่งงานแท้จริงคือการควบรวมธุรกิจระหว่างสองตระกูลดังระดับประเทศ!
“นิชาจะทำให้พี่เป็นคนใหม่ให้ได้ สัญญา!”
หล่อนจิกผ้าปูที่นอนแน่น ริมฝีปากเคลือบสีหวานปรามาสให้แสงจันทร์เป็นพยาน
นางแบบสาวหมายใช้ทุกสารพัดวิถีทาง เมื่อจุดหมายเดียวที่ต้องการคือใจชายอันเป็นที่รักเท่านั้นเอง!