บทที่หนึ่ง

2282 คำ
สายฝนกระหน่ำสาดเทจากฟากฟ้าไม่สงสารพนักงานสาว ปรายดาวยืนมองเบื้องหน้าก็ถอนหายใจแขนดุจเสลาโอบเรือนกายบอบบางไว้ ความเหน็บหนาวเคลื่อนสู่ร่างกายเพราะเครื่องแต่งกายไม่เอื้ออำนวย นิ้วสัมผัสผ่านเม็ดฝนแค่ส่วนปลาย หรือฟ้าร้องไห้วันนี้อาจเพราะสงสารโชคชะตาอาภัพของเธอ คิดดังนั้นเรียวปากพลันแค่นหัวเราะ ไร้สาระที่สุด! ปี๊น! ปี๊น! แตรจากรถยี่ห้อแพงดังกระทั่งต้องเงยหน้าสนใจ แอสตัน มาร์ตินสีสนิมคันละหลายสิบล้าน ลดกระจกลงช้า ๆ เผยวงหน้าหล่อเหลาที่พบเจอตั้งแต่เล็กจนโต “ขึ้นรถ!” คำพูดง่าย ๆ ฟังดูคล้ายคำสั่งพิกล ชายหนุ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อเห็นเธอยืนนิ่งปฏิเสธความหวังดี ‘พลรบ ประภากร’ ลูกชายเพื่อนพ่อซึ่งอดีตปรายดาวเคยขยาดมากที่สุดในโลก เขาคือหนุ่มไฮโซเจ้าของสถานีโทรทัศน์ช่องเก้าสิบสาม ชายผู้มากความสามารถไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจหรือดนตรี “เร็ว ๆ ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ยังทำเก่ง” “พี่รบ!” ได้ยินเสียงต่อว่าก็กอดอกตอบ ไร้มาดขรึมที่ชอบปฏิบัติต่อลูกน้องเพราะกับเธอพลรบแค่คนปากเสีย ไม่ห่วงภาพลักษณ์ซ้ำยังเป็นตัวเองสุด ๆ “ถ้าเราดื้อพี่จะจอดอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน อยากให้คนอื่นเดือดร้อนก็เอาเลย เต็มที่” สิ้นคำขู่ ตาคู่สวยกวาดมองรถเบื้องหลัง ซึ่งมันเรียงรายเสียจนต้องจำยอมเปิดประตูเชื่อฟังคำสั่ง เพราะหนุ่มติสต์คนนี้ทำอะไรมากกว่าแค่พล่ามไปวัน ๆ ได้ติดรถเขากลับบ้านในวันย่ำแย่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร อณูความเงียบปกคลุมสองหนุ่มสาว พลรบเปิดเพลงอะคูสติกแผ่วเบาเคล้าคลอเสียงฝน ดวงตาคมกริบเหลือบมองคนข้างกายก่อนเปิดบทสนทนา “น้องภูกลับจากเข้าค่ายพรุ่งนี้ใช่ไหม” “พี่รบรู้ได้ไงเนี่ยว่าน้องภูไปค่าย ลูกปรายแอบเล่าอะไรให้พี่ฟังอีก” พลรบสนิทกับภูตะวันยิ่งกว่าคนเป็นแม่ ด้วยความเป็นเด็กผู้ชายหนุ่มน้อยจึงมอง ‘ลุงรบเป็นซูเปอร์แมน’ ผู้ชายคนนี้ช่วยเธอเลี้ยงภูตะวันตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบเดือน ไม่สิ… เขาดูแลคุณแม่ลูกอ่อนตั้งแต่ยังไม่คลอดด้วยซ้ำ “แกก็บ่นตามประสาเด็กแหละ ไม่อยากไปค่ายเพราะคิดถึงคุณแม่คุณตา” เขาเกริ่นเพียงเล็กน้อย ปรายดาวก็ระบายหัวเราะ คอยดูนะ อีกไม่กี่นาทีพลรบต้องเร้าหรือขออะไรบางอย่างเพราะเจ้าตัวแสบปรารถนาของรางวัล “น้องภูอยากไปเที่ยวสวนสนุก พี่ให้สัญญากับแกว่าถ้ากลับมาจะพาไป” “ว่าละ แบบนี้ทุกที มารับปรายเพราะหวังผลใช่ไหมพูด!” ส่ายหน้าหรี่มองหางตา ถ้าซื้อลอตเตอรี่เธอคงถูกรางวัลที่หนึ่งเพราะเดาแม่นเหมือนรู้อนาคต “พี่ไม่อยากเห็นมลพิษทางสายตาต่างหาก” “หมายความว่าไง” ปรายดาวขมวดคิ้วมุ่น สัมผัสได้ว่าสิ่งที่เขากำลังเอ่ยเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับเธอ “คิดว่ามาที่นี่เพราะบังเอิญหรือไง โทร. หาปรายก็ไม่รับเลยได้คุยกับเด็กน้ำหวาน” เขาเกริ่นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเสมือนไม่สลักสำคัญอะไร “พี่รู้เรื่องทุกอย่างหมดนะ” “…” กำมือแน่นกลืนน้ำลายลงคอเพราะรู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรต่อ ใจตกลงยังตาตุ่ม ครั้นจำคำพูดในอดีตได้ชัดเจนสุ้มเสียงหนักแน่นท่าทางเอาจริงเอาจังเอ่ยว่า… ‘ปรายคบกับมึงกูไม่ว่า แต่ถ้ามึงทำให้ปรายเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว อย่าหวังว่ากูจะปล่อย!’ และเขาก็ทำอย่างที่ให้สัญญาไว้จริง ๆ… “ขอโทษ…” “พี่รบขอโทษปรายเป็นพัน ๆ ครั้งละมั้ง” ปรายดาวเปรียบเปรย มองออกทะลุปรุโปร่งที่พลรบคอยดูแลอยู่ทุกวันนี้ เพราะเสี้ยวหนึ่งรู้สึกผิด “ถ้าไม่เป็นเพราะพี่ ปรายคงไม่ต้องรู้จักมัน” หนุ่มไฮโซกำพวงมาลัยแน่น เหยียบคันเร่งเร็วขึ้นยามอารมณ์คุกรุ่น พลรบเลือดร้อนตั้งแต่เธอจำความได้ พี่ชายขี้หงุดหงิดยังมีมุมปกป้องน้องสาวราวอัศวินพิทักษ์เจ้าหญิง “ช่างเถอะ มันผ่านไปนานแล้ว ถ้าที่พี่มาดูแลปรายกับลูกเพราะยังคิดว่าเป็นเพราะตัวเองปรายก็เกรงใจพี่นะ” ปรายดาวเม้มริมฝีปากโพล่งตรงไปตรงมาไม่คิดอ้อมค้อม ชีวิตพลรบกับตนต่างกันดั่งฟ้ากับเหว ได้รู้จักมักคุ้นกันเพราะบิดาทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเรียน “อีกอย่างปรายอายุเท่านี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งเท่าไรทำไมแค่นี้จะอดทนไม่ได้” แต่เมื่อเติบโตขึ้นไปทุกคนย่อมมีชีวิตเป็นของตนเอง จะทำตัวอ่อนแอให้พี่รบคอยกางปีกปกป้องดั่งวันวานก็คงไม่ใช่ ยิ่งเป็นแม่คนแล้วต้องรู้จักเข้มแข็ง แม้ข้างในปวดร้าวยามนึกถึงคำพูดทำร้ายจิตใจที่เธอมักจะได้ยินจนชินและชาว่า… ‘ท้องในวัยเรียนก็ตาม!’ “แต่ปรายยังตัวกะเปี๊ยกเหมือนเดิม” “ไอ้พี่รบ!” ปัดมือสากออกแทบไม่ทัน พลรบลงน้ำหนักขยี้หนัก ๆ จนเรือนผมเงางามแทบไม่เป็นทรง “ไปดื่มกันวันนี้พี่เลี้ยงเอง” “แต่…” “ถ้าเมาเดี๋ยวพากลับ หน้ายิ้ม ๆ แบบนี้พี่มองออกนะว่าเราแบกโลกไว้ทั้งใบ” ชายหนุ่มเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจทุกถ้อยคำออกอย่างทะลุปรุโปร่ง สายตาปรายดาวลดมองต่ำปฏิเสธไม่ได้คล้ายน้ำท่วมปาก เพราะทุกประโยคที่กล่าวมานั่นคือความจริง เธอแบกโลกไว้ทั้งใบจริง ๆ อย่างที่พลรบว่า! ไม่นานรถคันหรูชะลอจอดที่ลานกว้าง โต๊ะไม้พร้อมกับไฟเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นมาเพราะลมฝนปลิวหายไปในอากาศ ‘Up twenty one’ ร้านอาหารกึ่งบาร์ลับคือจุดหมายปลายทาง พลรบใช้บริการที่นี่ประจำถึงมาดไฮโซโก้หรูอย่างไรชายหนุ่มก็แค่คนธรรมดา คนหนึ่ง บาร์แห่งนี้สะอาดแถมมีบริการยอดเยี่ยม ความเป็นส่วนตัวแม้มีไม่มาก เพราะมันฮิตเสียจนผู้คนพลุกพล่านไม่มีเวลาสังเกตใครต่อใคร เขาพาปรายดาวนั่งโต๊ะประจำ สั่งอาหารสองสามอย่างพร้อมเครื่องดื่มมึนเมา ทีแรกหญิงสาวทำท่าทีอึกอักไม่กล้าแตะต้องเท่าไรนัก คนมีอายุมากกว่าจึงเลื่อนแก้วกึ่งเชิญชวน ถึงต้องรักษามาดคุณแม่แต่อย่างไรก็เป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ หัวใจ ความรู้สึก… เมื่อความเศร้ามาเยือนจะแปลกอะไรหากอยากระบายกับแอลกอฮอล์ ปรายดาวจึงดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ยิ้มทั้งน้ำตาพรูอารมณ์อ่อนไหว “ฮะ…ฮึก…ปรายมันโง่ ทำไมถึงเป็นคนโง่แบบนี้” เธอทึ้งศีรษะตนเองซ้ำ ๆ หยาดน้ำตาไหลเปื้อนสองข้างแก้ม หยดแล้วหยดเล่าก็ไม่อาจลบเลือนความขมขื่น เรื่องทุกข์ใจมีมากแต่ต้องปั้นหน้ายิ้มเข้มแข็งว่าไม่เป็นไร แม้พลรบเคยถามว่าเหนื่อยไหม ไหวหรือเปล่า ปรายดาวก็พยักหน้าแสร้งยิ้มประหนึ่งคนเดิม แต่เขารู้เธอเปลี่ยนแปลง รอยยิ้มสดใสที่เคยเป็นดั่งโลกทั้งใบของผู้ชายคนนี้หายไปตลอดกาล… หยาดน้ำตาไหลโรยรินมากขึ้นเท่าไร คล้ายทึ้งหัวใจแกร่งฉีกขาดตาม ๆ เธอ สุดท้ายผู้ชายที่คนตัวเล็กชอบด่าว่าปากเสียจะทำอะไรได้…นอกจากอยู่เคียงข้างหญิงเดียวที่รัก “เหล้าเลอะหมดแล้วเนี่ย ยายตัวแสบ!” แกล้งระบายหัวเราะกลบกลืนแล้วหยิบทิชชูเช็ดข้างริมฝีปาก ใช่ว่าเขาสบายใจเสียเมื่อไรยามรู้ข่าวเรื่องภวัฒน์บังเอิญต้องข้องเกี่ยวกับปรายดาวเพราะงาน พลรบกลัวเหลือเกิน… กลัวว่าไอ้สารเลวนั่นจะทำให้ปรายดาวเสียใจไม่แพ้อดีตที่ผ่านมา เวลาผ่านไปกว่าเกือบครึ่งชั่วโมงคนเมาเริ่มไม่ไหว เธอฟุบลงแนบโต๊ะไม้ ใบหน้ากระจ่างใสเปียกชุ่มคราบน้ำตา แพขนตางอนสลวยลีบเมื่อนัยน์ตาคู่หวานปิดลง พลรบแทบแบกร่างเล็กขึ้นหลัง เขาพยุงหญิงสาวเชื่องช้าหลังเคลียร์ค่าเครื่องดื่มและอาหารเสร็จ ความใกล้ชิดเล่นเอาลมหายใจสัมผัสกันและกัน กว่าจะมาถึงรถคันหรูดวงหน้างดงามก็อยู่ห่างจากชายที่แอบรักแค่คืบ “รบบบ…ร้บบบบ” เธอเรียกเขาเสียงยาวไม่มีความเคารพ ใด ๆ หลงเหลือ ช่วงเวลาโรแมนติกหายวับไปกับตา เมื่ออยู่ ๆ คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเบี่ยงกายโก่งคออาเจียน “ปราย!” มือสากรวบผมยาวสลวยไว้ข้างหลัง คนห่ามไม่เคยดูแลใครแทบสบถหยาบคาย เขาไม่น่าพายายตัวเล็กนี่มากินเหล้าจนสภาพดูไม่ได้ “แหวะ!” ทุกอย่างในท้องกองอยู่บนพื้นตรงลานจอดรถ เล่นเอาคนเมาแทบทรุด โชคดีที่แขนกำยำคว้าเอวเธอไว้ได้ทัน ผ่านไปสักพักกว่าพลรบจะพยุงปรายดาวขึ้นยานพาหนะ เขาเคลื่อนรถออกไปโดยไม่รู้ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาคบกริบของใครบางคนตั้งแต่ต้นจนจบ… ภวัฒน์พาร่างสั่นเทาผ่านโถงทางเดิน นัยน์ตาเหลือบมองมารดาชั่วครู่ ก่อนหมุนกายขึ้นบันได ท่านพาเด็กเอนเทอร์เทนมาสำราญนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่บิดาจากไป ‘ราณี’ ไม่เคยว่างเว้นจากหนุ่มคราวลูก แม้เป็นผู้กุมบังเ**ยนใหญ่ของ ‘อลงกรณ์’ ควบตำแหน่งนักธุรกิจหญิงแห่งปี ทว่าตัณหาราคะไม่เข้าใครออกใคร เขาปาสูทสีเข้มกระแทกพื้นพรม ภาพฉากโรแมนติกที่ลานจอดรถติดตาตั้งแต่เมื่อครู่กระทั่งตอนนี้ เรียวปากหยักกัดฟันกรอดเพราะแพ้ให้คู่อริทุกที คำขู่ที่มันเคยประกาศกร้าวว่าไม่ยอมปล่อยปรายดาวอีกนั่นคือเรื่องจริง! หยิบประกาศนียบัตรขึ้นมาเพ่งดูเขม็ง ‘รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งด้านวิชาคณิตศาสตร์’ ‘รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งกีฬาคือยาวิเศษ’ เขาเป็นได้แค่ตัวสำรองเป็นผู้แพ้ตลอดทั้งปี เพราะที่หนึ่งคือพลรบ ประภากร นักเรียนดีเด่นหกปีซ้อน เด็กหนุ่มชื่อกองกำลังที่ใครต่อใครต่างรักจนภวัฒน์หมั่นไส้… คงมีเรื่องเดียวกระมังที่เคยเอาชนะชายผู้เพียบพร้อมอย่างหมอนั่นได้ คือการพรากหญิงซึ่งมันรักมากเสียจนน่าสังเวช คราแรกภวัฒน์ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าปรายดาวมีอะไรดีนักหนา ก็แค่ลูกสาวแม่ค้าธรรมดาส่วนพ่อมีศักดิ์เป็นตำรวจกินเงินรายเดือน ไม่เคยมีแสงสว่างในหัวใจกระด้างเย็นชาจนคนตัวเล็กก้าวเข้ามา ดาวดวงน้อยสาดไออุ่นให้เขาเปลี่ยนไปช้า ๆ แม้เป็นแค่เรื่องราวแสนธรรมดา แต่การได้ยิ้มหรือหัวเราะพร้อมกับเธอนั้นช่างวิเศษเกินใคร ปรายดาวเคยเป็นทุกอย่างสำหรับเขา… เธอเปรียบดั่งน้ำค้างยามเช้าซึ่งภวัฒน์จำได้ไม่รู้ลืม “พี่คิดถึงปราย” แม้วันนี้ความสัมพันธ์ของเราไม่อาจเหมือนเดิมก็ตาม เพราะผู้ชายสารเลวคนนี้ทำร้ายหัวใจ หักหลังแฟนเก่าอย่างเลือดเย็น เขารู้ว่าตนเองผิดแต่ใจดื้อด้านคิดถึงเธออยู่ร่ำไป เจ็ดปีผ่านไปถามว่าทุกอย่างเหมือนเก่าไหม… ก็ไม่ หัวใจไม่เคยเหมือนเดิมเพราะมันหยุดเต้นไปตั้งแต่วันวาน! หยุดเต้นไปพร้อม ๆ กับแผ่นหลังบอบบางซึ่งก้าวเดินไปข้างหน้ากับพลรบ เธอสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดคู่อริ ถ้าพลรบไม่เข้ามาเอาเรื่องเขาวันนั้น ปรายดาวคงเลือนหายไปไร้คำร่ำลา หญิงสาวร้องห้ามดึงท่อนแขนกำยำไม่ให้มีเรื่องกันครั้งที่เท่าไรไม่รู้ ‘ให้มันจบตรงนี้ เรื่องของพี่ปรายจะถือว่าทำบุญ’ เธอผสานมือเข้าหา เงยหน้ากล่าวขณะดวงตาแดงก่ำ ‘ปรายลืมได้เหรอ ลืมมันได้หรือไงเรื่องระหว่างเรา!’ ร้องถามสุดเสียงมองเสี้ยวหน้างามซึมซับไว้กับความทรงจำ เพราะกลัวไม่มีโอกาสได้เห็นอีก ‘ได้ไม่ได้ ปรายก็ต้องลืม…’ น้ำเสียงหวานแข็งกร้าวจนภวัฒน์แค่นยิ้มสมเพชตนเอง ‘เพราะปรายให้อภัยคนหลอกลวงอย่างพี่ไม่ได้’ ‘ปราย…’ ‘พอเถอะ พี่เข้าหาปรายเพราะอะไรใจพี่รู้ดีตั้งแต่ต้น อย่าอ้างถึงความรักเพราะมันไม่เคยมีอยู่จริง’ ‘…’ ‘แค่นิทานหลอกเด็ก พี่คงสะใจ’ เขาเถียงไม่ออก ถ้อยคำปรามาสตัดสินจากริมฝีปากกระจับบาดหัวใจเป็นแผลเหวอะหวะ ที่เธอคิดมันถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมด… เข้าหาเพราะหวังผลคือความจริง แต่ทุกครั้งยามใกล้ชิดไม่ใช่การแสดง! ‘วันนี้พี่ชนะแล้วยินดีด้วย!’ ‘ลาก่อน อย่ามาเจอกันอีกเลย’ ปรายดาวหันหนี ฝีเท้าซวนเซแม้เชื่องช้าทว่าฉายชัดว่าไต่ตรองถี่ถ้วน ‘ที่กูเคยบอกว่าจะไม่ปล่อยถ้ามึงทำปรายเสียใจ’ พลรบชี้หน้าสั่งสอนปิดท้าย ความเดือดดาลแล่นพล่านจุกกลางอกตามประสาหนุ่มเลือดร้อน ‘หลังจากนี้กูจะดูแลปราย ผู้หญิงที่กูรักต้องไม่เสียน้ำตาให้มึงอีก!’ เปิดศึกกันไปแล้วหนึ่งระลอกหลังพลรบรู้เรื่องความระยำที่ภวัฒน์ทำไว้ ลานกว้างคณะบริหารกลายเป็นสังเวียนจนนักศึกษาพากันโจษจัน สองหนุ่มไฮโซถูกสภามหา’ลัยเรียกพบข้อหาทะเลาะวิวาท แต่สุดท้ายก็รอดได้เพราะอำนาจเงินตรา พลรบว่าขณะจ้ำอ้าวโอบกอดปรายดาวซึ่งจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ ทุกย่างก้าวทุกการเคลื่อนไหว เธอจะรู้หรือไม่ว่าเอาหัวใจผู้ชายคนนี้ติดมือไปด้วย… ภวัฒน์เพียงเฝ้ามองเธอ ชายโง่เขลาทำได้เพียงเท่านี้จริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม