กลิ่นหอมหวนจากข้าวหอมมะลิเพิ่งหุงเสร็จอบอวลห้องนั่งเล่น เรือนร่างบางย่างลงบันไดชั้นสองในตัวบ้าน ใบหน้างดงามยังไม่เต็มตื่นนัก หากต้องบังคับตนเองให้แต่งกายเรียบร้อยเสร็จสรรพ เพราะเมื่อไรเข็มนาฬิกาแตะเลขเก้าต้องไปรับลูกชายที่เพิ่งกลับจากค่ายทัศนศึกษาต่างจังหวัด
“มอร์นิงค่ะพ่อ เตรียมเปิดร้านใช่ไหมมีอะไรให้ปรายช่วยหรือเปล่า”
ปรายดาวโน้มหอมแก้มบุพการี เธอเอียงคอถาม ‘บัญชา’ ตามประสาลูกสาวช่างอ้อน ครั้งหนึ่งบิดาเคยเป็นนายตำรวจยศร้อยตรีธรรมดา
ทว่าหลังเกษียณอายุท่านกลับมาสานต่อร้านขายข้าวห่อหมกสูตรเด็ดของภรรยาผู้เป็นที่รักอย่าง ‘ดุจเดือน’ แม้วันเวลาผ่านไปนานนับเจ็ดปี ความรักที่พ่อมีให้แม่ยังคงไม่เสื่อมคลาย ชายผู้แข็งกร้าวกับใครต่อใครยังคงรำลึกถึงเมียรักทุกค่ำคืน
“ไม่ต้องเฉไฉ เมื่อคืนเราเมามากรู้ไหม ดีนะที่เป็นตารบ ถ้าผู้ชายคนอื่นพ่อละไม่อยากจะคิดภาพ”
“โธ่พ่อ พี่รบนั่นแหละวางยาปราย คนดีของพ่อเอ่ยปากชวนเองเลยนะ ปรายไม่ได้เสนอ” ปรายดาวแกล้งพ่นลมหายใจ ปั้นหน้าบูดบึ้ง ก็บัญชาเล่นเข้าข้างลูกชายคนโปรด แถมโบ้ยให้ตนเป็นคนผิดเต็มประตู
“พูดแล้วจะหาว่าเมาท์ เขาน่ะรินเหล้าให้ปรายเองกับมือ”
“แล้วเราดันไปเมากับเขาทำไมล่ะ”
“พ่อไม่เคยได้ยินเหรอคะ ถ้ารักมันจืดจางให้เทโซดาบ้างจะได้ซาบซ่า”
“เดี๋ยวจะโดน!” ร่างท้วมแทบหมุนกายเขกศีรษะสั่งสอนลูกสาว ปรายดาวแก่นแก้วเกินใคร แม้ผ่านบทเรียนชีวิตครั้งใหญ่ เธอยังเป็นแสงสว่างสุดปลายอุโมงค์ให้พ่อเสมอ
เจ็ดปีก่อนมรสุมหนักหน่วงโถมเข้าใส่ทั้งครอบครัวแบบไม่ยั้ง พวกเขาเสียดวงใจสำคัญ เพราะดุจเดือนจากไปกะทันหันด้วยโรคหัวใจล้มเหลว
“งั้นปรายช่วยพ่อทางนี้อีกนิดหน่อยนะคะ เดี๋ยวใกล้เก้าโมงต้องรีบไปรับเจ้าตัวแสบ” ภูตะวันหรือน้องภู คือลูกชายวัยหกขวบ เด็กน้อยชื่อพระอาทิตย์พูดเก่งช่างฉอเลาะไม่แพ้มารดา จึงได้ฉายาตัวแสบประจำบ้าน ภูตะวันรู้วิธีเข้าหาผู้ใหญ่
เขามีลูกล่อลูกชนทำให้ริ้วความโกรธเคืองหายทันใด รู้ตัวอีกทีทั้งแม่ทั้งตาพ่ายแพ้ต่อแววตาช่างอ้อนจนหมดสิ้น
ปรายดาวช่วยบิดาทำครัวไม่กี่อย่าง ท่านเปิดร้านขายข้าวราดห่อหมกหน้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึกหรือแม้กระทั่งรวม ราคาไม่แพงเริ่มต้นที่หนึ่งหน้ายี่สิบบาท หากต้องการความหลากหลายก็เพิ่มไปหน้าละสิบบาท
เน้นให้ข้าวจานใหญ่กับห่อหมกสมุนไพรที่มีเครื่องแกงเผ็ดร้อนสูตรภรรยา ลูกค้าประจำคือพ่อค้าแม่ขายแถบนี้ หรือไม่ก็ วินมอเตอร์ไซค์ เพราะร้านสะอาด ถูก อร่อยและสดใหม่ส่งผลให้ข้าวห่อหมกแม่ดุจเดือนกลายเป็นที่โจษจันตลอดทั้งซอย ถึงคนขายคือผู้เป็นสามีก็ตาม
“ปรายอย่าลืมพวงมาลัยบนโต๊ะนะลูก”
ท่านหันเตือนเมื่อเห็นลูกสาวเบี่ยงกายออกจากห้องครัว ปรายดาวเผยอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบว่า
“ไม่ลืมหรอกจ้ะ ทุกวันจันทร์วันเกิดแม่ พ่อจะซื้อพวงมาลัยดอกมะลิที่แม่ชอบ” แววตาสุกสกาวอ่อนหวานระริกสั่นหวั่นไหวครู่หนึ่ง กระทั่งเดินไปถึงโต๊ะไม้ใจกลางบ้านก็หยิบพวงมาลัยดังกล่าวขึ้นมา
กระพุ่มมือไหว้ก่อนเขย่งปลายเท้าวางรอบอัฐิมารดาผู้ล่วงลับ
“ปรายไปรับตัวแสบก่อนนะจ๊ะแม่” ยิ้มน้อย ๆ บอกดุจเดือนผ่านกรอบรูปสีดำขาว กลิ่นมะลิผสมผสานดอกจำปีฟุ้งกระจาย ทั่วห้อง เสมือนคนจากไปยังคงอยู่ตรงนี้เหมือนเดิมไม่ไปไหน…อยู่กลางใจเธอกับพ่อตลอดกาล
จากบ้านถึงจุดหมายปรายดาวก็รีบพาเจ้าตัวแสบขึ้นรถด้วยความไวแสง ก้มดูนาฬิกาบัดนี้ใกล้เวลานัดหมาย น้ำหวานบอกว่าวันนี้ต้องไปเจอลูกค้าคนสำคัญ ทว่าเด็กสาวกลับไม่บอกว่าคนคนนั้นคือใคร…
“เป็นอะไรครับแม่”
ภูตะวันหันหามารดา คิ้วเข้มขมวดเป็นปมให้กับท่าทีพิลึกชอบกล ใบหน้างดงามแดงก่ำตั้งแต่คอจรดกกหู มือถูไถยุกยิกไม่เป็นสุขเผยถึงอารมณ์ร้อนรน
“แม่มีนัดลูกค้าครับน้องภู กลัวไม่ทันจัง” ริมฝีปากกระจับบอกลูกชายตรงไปตรงมา ปรายดาวพูดคุยกับภูตะวันเสมือนเจ้าตัวแสบเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ด้วยเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหญิงสาวจึงพร่ำสอนลูกเสมอว่าตัวเธอต้องรับผิดชอบหาเงินเพื่อเลี้ยงปากท้องสมาชิกในครอบครัว
ภูตะวันเองก็เข้าใจง่าย เขาไม่งอแงเหมือนเด็กทั่วไป มีซนบ้างตามประสา เวลาอยู่กับแม่เจ้าตัวแสบมักทำทีประหนึ่งได้ทองก้อนใหญ่
“อีกนานไหมคะพี่”
“อีกสามไฟแดงก็ถึงแล้วครับ” เสร็จเสียงตอบจากพลขับเธอก็พรูลมหายใจประหนึ่งโล่งอกนัก ปรายดาวแย้มยิ้มให้ลูกชายคนเดียว มือลูบไล้เรือนผมลูกลิงแสนน่ารัก
“แม่ปรายอย่าเศร้าเลยนะครับ วันนี้น้องภูเศร้าคนเดียวพอ”
“ทำไมล่ะคะ น้องภูมีเรื่องไม่สบายใจอะไรไหนเล่าให้แม่ปรายฟังสิ” มือบางกระชับเจ้าตัวเล็กเข้าหากาย ตาคู่น้อยเจือแววไม่สบายใจ หรือไปค่ายต่างจังหวัดภูตะวันโดนกลั่นแกล้ง ใครกันนะบังอาจรังแกลูกชาย!
“น้องภูเศร้ามากครับ”
“หืม ?”
“ฟันน้องภูหักแต่ไม่เห็นมีนางฟ้ามาเอาฟันแบบที่แม่ปรายเล่าให้ฟัง” เจ้าตัวเล็กระบายความรู้สึกด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“ไหนแม่ปรายขอดูหน่อยครับคนเก่ง” ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันคล้ายอับอายเมื่อคนเป็นแม่ยื่นหน้ามาใกล้ชิด
“น้องภูเขินครับ” ภูตะวันเกาคอพลางย่นจมูกใส่ มือนิ่มทั้งสองข้างยกปิดปากทันใด เพราะเขาไม่ปรารถนาให้คนเป็นแม่สังเกตฟันที่หลุดร่วงลง
“หรือเพราะฟันน้องภูเหม็นไม่สะอาด นางฟ้าถึงไม่เอาไป”
ได้ยินสิ่งที่ลูกชายเอ่ยแทบสำลักค้างชะงักกลางอากาศ ครั้นภูตะวันอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต เมื่อฟันน้ำนมหลุดร่วงลงเธอจึงไม่อยากให้ลูกชายผวา
ปรายดาวจูงใจลูกชายให้รักษาฟันสวย ๆ โดยเอานิทานนางฟ้าพิทักษ์ฟันเล่าให้เขาฟังตั้งแต่เด็ก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นดาบสองคมให้ภูตะวันรู้สึกไม่มั่นใจตนเอง
“ไม่เกี่ยวครับคนเก่ง คืนนี้น้องภูลองเอาฟันไปปาไว้บนหลังคาดีกว่า แม่ว่านางฟ้าต้องมาเอาฟันน้องภูไปแน่ ๆ”
“จริงเหรอครับ” ภูตะวันทำตาแป๋วใคร่รู้
“จริงสิครับ”
สองแม่ลูกพูดคุยกันเสียงเจื้อยแจ้วน่ารัก จนพี่คนขับ พลอยยิ้มตามไปด้วย บทสนทนาง่าย ๆ สื่อถึงความใสซื่อของหนุ่มน้อยซึ่งเปรียบดั่งผ้าขาวของมารดา ปรายดาวสอนภูตะวันให้รู้จักเข้มแข็งแต่ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมความอ่อนน้อมถ่อมตน
เมื่อล้อหยุดลงพวกเขาจ่ายเงินเสร็จสรรพ สองแม่ลูกก็จูงมือกันข้ามฟุตพาทมาอีกฟากฝั่งทันที ปรายดาวปรี่เท้าก้าวเข้าบริษัทโดยที่ไม่ล่วงรู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบจับจ้องอยู่
นัยน์ตาเรียวเฉียวบนรถคันหรูฉงนใจชั่วครู่แต่ปัดความสงสัยทิ้งไป เด็กผู้ชายที่อดีตคนรักจับจูงอาจจะเป็นลูกของใครสักคนที่นี่
ภวัฒน์เห็นหนุ่มน้อยไม่เต็มตาจึงไม่สลักสำคัญอะไรสำหรับเขา แถมใจก็ไม่คิดว่าปรายดาวจะแต่งงานหรือมีครอบครัว ดังนั้นหนึ่งเดียวซึ่งเป็นเป้าสายตาคือเธอหาใช่คนอื่น…
“คิดอะไรอยู่ รถข้างหลังบีบแตรไล่แล้ว”
อรนิชาสะกิดเรียกภวัฒน์จนหลุดออกจากภวังค์ความคิด เจ้าบ่าวหนุ่มไม่ตอบกลับอะไรทั้งสิ้น มือสากเพียงหมุนพวงมาลัยเหยียบคันเร่งถอยเข้าจอด
ฝ่ายปรายดาวพาภูตะวันมายังชั้นสองบริษัท หนุ่มน้อยยกมือไหว้ทักทายพี่ ๆ รอบข้างจนสายตามาหยุดอยู่ที่น้ำหวาน ร่างเล็กวิ่งเหยาะ ๆ โถมกายหาพี่สาวคนสวย
“คิดถึงพี่หวานค้าบบ” ภูตะวันแสร้งลากเสียงยาวถูไถใบหน้าออดอ้อนน้องเล็กสุดท้องของบริษัท เนื่องด้วยรู้จักมักคุ้นประหนึ่งครอบครัว เด็กหนุ่มจึงไม่เคอะเขินใครยามชิดใกล้
“หวานพี่ฝากน้องภูหน่อยได้ไหม ไหนล่ะลูกค้า”
ปรายดาวว่าพลางเหลือบตาสังเกตรอบข้าง ได้รับโทรศัพท์ว่าพวกเขารีบนักหนาและจะไม่พบใครทั้งนั้นนอกจากมือหนึ่งของที่นี่ กรรมทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เธอ จนต้องรีบบึ่งแท็กซี่แม้ลางานในช่วงเช้าแล้วก็ตามที
“พวกเขากลับไปแล้วพี่ปราย หนูรับหน้าแทนก่อนก็เลยยอมอ่อนข้อนัดเจอพี่ใหม่รอบหน้า”
“งั้นเหรอ โล่งไปที” คำพูดของน้ำหวานทำเอาเธอใจชื้นเปลาะหนึ่ง ปรายดาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เผยรอยยิ้ม บนเรียวปากปรากฏลักยิ้มบุ๋มน่ารัก
“พี่นึกว่า…”
“แต่คุณนิชากับคุณภามจะเข้ามาพบพี่แทน”
“ฮะ ว่าไงนะ!”
โล่งอกได้ไม่ถึงหนึ่งวิด้วยซ้ำไยสวรรค์เบื้องบนถึงส่งเขามาขัดขวางเช้าอันสดใส ความกลัวแล่นพล่านเข้าสู่ร่างกายไม่เว้นแม้กระทั่งจิตใจ เพราะเธอไม่อยากให้ภวัฒน์พบภูตะวัน ถ้าทั้งสองเจอกันจัง ๆ คนฉลาดเป็นกรดเช่นภวัฒน์ต้องรู้แน่ ๆ ว่าน้องภูคือลูกเขา…
ไม่ได้… ปรายดาวไม่มีวันยอม!
“เดี๋ยวคุณภามกับคุณนิชาคงขึ้นมา พี่ปรายไปสแตนด์บายรอที่ห้องประชุมได้เลย ส่วนน้องภูเดี๋ยวหนูดูเอง”
น้ำหวานเสนอตัวก่อนเอื้อมจับมือภูตะวันแกว่งไกวไปมา เด็กหนุ่มยิ้มร่าเพลิดเพลินในท่าทีหยอกล้อของพี่สาวใจดี
“โทร. บอกพวกเขาหน่อยว่าเจอกันที่ร้านลองชุดแต่งงานเถอะ” ได้ข่าวจากน้ำหวานหัวข้อสนทนาคงไม่พ้นชุดเจ้าสาวซึ่งออกแบบอย่างงดงาม แต่ไม่รู้ไปในทิศทางเดียวกับธีมงานหรือไม่ ดังนั้นสมองจึงสั่งการฉับไว เธอยอมลำบากกายพบพวกเขาตามลำพังดีกว่าปล่อยให้เจอลูก
“แต่…”
“น้องภูมาด้วยพี่ไม่สะดวกใจจริง ๆ เดี๋ยวพี่วนกลับไปพบเขาที่นั่นแล้วโทร. ให้พี่รบมารับเจ้าตัวแสบกลับบ้าน”
“เอางั้นเหรอคะ ถ้าพวกเขามาถึง…”
“ก็บอกเขาว่าพี่อยู่ข้างนอก ตามนี้นะน้ำหวาน พี่ขอตัวพาลูกไปก่อน”
“ค่ะ ๆ ก็ได้พี่ปราย” ขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไมพี่สาวคนเก่งต้องทำอะไรให้ยากเย็น แต่น้ำหวานไม่ซักไซ้ให้มากความ เจ้าหล่อนประสานหาภวัฒน์ทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง แถมยังพ่นคำโกหกยกใหญ่แก้ตัวให้ปรายดาวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด…
‘ขอโทษนะคะคุณภาม พี่ปรายติดธุระด่วนเข้าบริษัทไม่ทันวันนี้’
‘งั้นเหรอครับ คุณปรายดาวไปไหนล่ะ’
‘คุยกับลูกค้าอีกท่านค่ะ พี่ปรายเลยเสนอให้นัดคุณภามกับคุณนิชาเจอที่ร้านลองชุด’
‘ครับ เอางั้นก็ได้’
น้ำเสียงเรียบนิ่งของปลายสายตอบกลับแล้วกดวาง ความเย็นชาของภวัฒน์เล่นเอาน้ำหวานขนลุกซู่ ลบเลือนภาพนักธุรกิจยิ้มสวยจากโสตประสาท
ฝ่ายคนถูกปฏิเสธเก็บงำความสงสัยไว้ไม่ไหว ตัดสินใจบอกเจ้าสาวว่าต้องลงไปจัดการค่าใช้จ่ายบางส่วนกับน้ำหวาน ขณะฝีเท้าก้าวลงจากรถ นัยน์ตาคมกริบพลันสะดุดเข้าให้กับอะไรบางอย่าง…
เรือนร่างสง่างามยืนกอดอกพิงขอบประตูรถสปอร์ตหรู ใบหน้าคมคร้ามไม่สู้ดีนัก คิ้วพาดเรียงสวยจับเข้าหาเป็นปมสื่อว่าสุดแสนร้อนใจ
ท่าทางปฏิกิริยาเช่นนั้นภวัฒน์เห็นนับครั้งไม่ถ้วนจนเคยชิน ยามพลรบมีเรื่องให้หัวเสียหรือกลัดกลุ้มในอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มมักแสดงออกทุกความรู้สึกผ่านสีหน้าแววตาแข็งกร้าวตามประสาคนใจร้อน
ภวัฒน์พยายามค้นหาคำตอบจนไปสะดุดตรงที่เธอ… ปรายดาวอุ้มเด็กคนหนึ่งปิดหน้าปิดตาจนมิดชิด หรี่ซ้ายหันขวาเร่งรีบเสียเต็มประดาเล่นเอาเขาฉงนใจ ธุระที่ทำให้ต้องพ่นคำโกหกใส่ลูกค้าคือใคร หมอนี่ใช่ไหม!
ช่างไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาเสียจริง หมายเข้าไปทักทายคู่อริเพราะไม่ได้พบเสียนาน แม้อยู่ในแวดวงสังคมเดียวกัน แต่ไม่เคยมีเหตุต้องข้องแวะยกเว้นเสียแต่เรื่องผู้หญิงที่ชื่อปรายดาว
หากเมื่อเด็กปริศนาขึ้นรถประตูสีดำขลับพลันปิดลง ฝีเท้ายาวต้องชะงักกลางอากาศ
ทีแรกปรารถนายั่วยุพลรบแต่กลายเป็นตนดำดิ่งสู่สนามอารมณ์แทน เมื่อทั้งสองจับไม้จับมือคล้ายกำลังปลอบหรืออะไรสักอย่าง เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้…ภวัฒน์จำไม่ได้ แต่ภาพกระแทกใจพวกนี้เขาเห็นจนชินและชา
นัยน์ตาคุกรุ่นเปี่ยมด้วยเปลวไฟริษยา ยามพลรบหันหน้ามาสบตา ภวัฒน์กำหมัดแน่นส่วนอีกฝ่ายจ้องเขาเขม็งไม่แพ้กัน
เวลานี้เมื่อทั้งสามคนยืนอยู่ห่างกันแค่เพียงพื้นถนนกั้น อดีตทุกอย่างไหลเวียนเข้าสู่โสตประสาทอีกครั้ง จุดเริ่มต้นของตราบาปในชีวิตลูกผู้หญิงที่ถูกผู้ชายสารเลวหักหลังจนเธอจำได้ไม่รู้ลืม!