เจ้ากรรมนายเวร

1326 คำ
ตอนที่ 6 เจ้ากรรมนายเวร “เป็นไงบ้างวะไอ้กล้าไอ้เข่ง!!” คำทักนั้นทำให้ ทั้งสองรีบหันกลับไปยังต้นเสียง ก่อนจะอุทานออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อเห็น ชายรูปร่างสันทัดวัยไล่เลี่ยกับพวกตน ยืนคีบมวนยาสูบควันโขมงอยู่ไม่ห่างนัก “ไอ้แหยม! มึงอยู่แถวนี้รึ เห็นว่าย้ายครัวเรือนไปอยู่เขมรตั้งนานแล้วนิ” กล้า ทักอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยมาแต่เด็กเดินยิ้มอยู่ไม่ห่าง แต่ก็ต้องชะงักมือเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์อัปยศที่มันทำไว้กับพ่อครู ผู้เป็นเจ้านายที่มีพระคุณของพวกมัน ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนเก่าแก่กันมาก่อน กล้าไม่คิดจะทักมันแม้แต่น้อย นึกถึงวันที่พ่อครูรับชุบเลี้ยงเด็กกำพร้าจากวัด และเลี้ยงดูพวกมันอย่างดี ดั่งลูกหลาน แต่สิ่งที่ไอ้แหยมทำกับเมียพ่อครูนั้นถือว่าเลวร้ายนัก แต่กระนั้นพ่อครูก็ยังไม่ฆ่ามันด้วยคาถาอาคม กลับไล่มันออกจากเรือนและคนทั้งจังหวัดก็แสนรังเกียจมันนัก จนต้องระหกระเหินไปหากินยังฝั่งเขมรนับแต่นั้น “กูไปๆมาๆช่วงนี้ ท่านจเรนายกูมีงานฝั่งไทยบ่อย พวกข้าราชการฝั่งนี้เขาเงินหนา จ่ายไม่อั้นกูเลยวิ่งไปมา” แหยมตอบเสียงเข้มก่อนจะยกมือสูดยาสูบเข้าไปเต็มปอดและพ่นควันเทาออกมาเป็นสายยาว ดวงตาที่เหมือนเยี่ยวหรี่มองสิ่งของในมือทั้งคู่อย่างสงสัย “ว่าแต่มึงสองคนมาที่วัดท่ามูลทำไมรึ?” แม้จะพอมองออกว่า นี่ถือเถ้าอัฐที่ทั้งสองเอามาลอยอังคาร แต่มันก็อดที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัยไม่ได้ กล้า กับ เข่ง มองหน้ากันอย่างลังเล ด้วยความจริงภารกิจนี้ พ่อครูไกรศรตั้งใจจะนำมาด้วยตนเอง แต่ภารกิจในการดูแลคุณภพ นั่นก็แสนสำคัญนัก ดังนั้นจึงมอบให้พวกตนที่เป็นคนที่พ่อครูไว้ใจที่สุดให้ การเอ่ยอะไรไปโดยพลการ ไม่น่าจะเป็นการดีเท่าใด “กูเอาอัฐมาลอยอังคาร” กระนั้น กล้า ก็ตอบอย่างเสียไม่ได้ และรีบเดินห่างจากเพื่อนเก่า เพื่อปรี่ไปยังท่าน้ำด้านหลัง ด้วยต้องการให้ภารกิจเสร็จสิ้นโดยเร็ว อีกอย่างพ่อครูเองก็ทำพิธีไว้หมดแล้ว พวกตนแค่หย่อนลงแม่น้ำเท่านั้นก็เป็นอันเสร็จ “อัฐใครรึ?” “...” ทั้งสองไม่ตอบ รีบสาวเท้าถอยห่างอย่างเร็ว แต่ไอ้แหยม เหมือนจะตามมาไม่ลดละ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “อัฐอีแก้วใช่มั้ย?” นั่นไง! มันรู้จนได้ ไอ้กล้าจึงหันหน้ามามองอย่างช้าๆ นั่นทำให้หน้าเกรียมกร้านของ ไอ้แหยมหัวเราะออกมาดังลั่น “ฮ่าๆๆ ไอ้กล้าเอ้ย มึงจะบดกูทำไมวะ หน้าซื่อๆอย่างมึงแค่มองกูก็รู้แล้วว่า ยังไงก็ปิดกูไม่มิด แล้วนี่มึงจะปิดกูทำไม อีแก้วมันก็เป็นเมียกูเหมือนกัน กูนอนกับมันบ่อยกว่าพ่อครูเสียอีก ฮ่าๆๆ” คำบอกนั้นทำให้ ไอ้กล้า หน้าแดงก่ำ ปรี่เข้าไปต่อยหน้าเกรียมของเพื่อนเก่าอย่างฉุนเฉียว พลั่ก!! “ไอ้เหี้ยนี่!! มึงพูดห่าอะไรให้เกียรติแก้วมันบ้างมันตายไปแล้ว อีกอย่างพ่อครูเขาเคยมีบุญคุณกับมึงขนาดนั้น มึงทำเหี้ยขนาดนี้เขาไม่ฆ่ามึงทิ้งก็บุญแค่ไหนแล้ว” ร่างของ แหยม ทรุดลงไปที่พื้น ก่อนที่เข่ง จะปรี่เข้ามาห้ามเพื่อนอย่างกังวล “ช่างมันเถอะพี่กล้า ใกล้จะตะวันตกดินแล้ว ลอยอัฐให้เสร็จเถอะเราต้องสวดอีกสามจบนะ” นั่นทำให้ กล้า ได้สติจึงรีบสาวเท้ากลับ แต่แหยมร้องทักไว้เสียก่อน “เดี๋ยว! กูขอโทษกูปากไม่ดีเอง ให้กูไปลอยอัฐของแก้วด้วยได้มั้ย กูเองก็อยากจะส่งมันเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ถือว่ากูขอโทษละกัน” คำพูดที่แสนอ่อนโยนคล้ายสำนึกผิดนั้น ทำให้ทั้งสองชะงักเล็กน้อย ก่อนที่กล้าจะมองหน้าเข่ง คล้ายกำลังชั่งใจ “งั้นให้มันไปก็ได้ ถือว่าเห็นแก่อีแก้วละกัน” กล้าเอ่ยเสียงเข้ม เพราะต้องการตัดปัญหาและจะได้ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้จบๆ ไป นั่นทำให้แหยมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย “ท่าน้ำตรงนี้เขาปิดทางลงชั่วคราว มึงเดินตามกูทางนี้เดินดีๆ ระวังจะลื่นล้ม” พลั่กๆ ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ ร่างของ กล้าและเข่งก็ลื่นไถลไปตามเนินที่เปียกชื้น เพราะไอน้ำนั่นไปยังด้านล่าง ทำให้ถุงผ้าขาวที่ห่ออัฐกระเด็นกระดอนไปอีกทาง “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวกูหยิบให้พวกมึงลุกขึ้นแล้วรออยู่ด้านล่างนั่นแหละ” แหยม ตะโกนบอกเสียงดัง นั่นทำให้ทั้งสองประคองร่างกันลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ด้วยช่วงนี้น้ำมูลเริ่มหนุนสูงและมีไอชื้นจากอากาศที่หนาวเย็น ริมตลิ่งด้านหลังวัดที่ยังทำไม่เรียบร้อยเท่าใด หากเดินไม่ระวังมีสิทธิ์ตกลงไปในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวนี้ได้ ทั้งคู่จึงชะเง้อคอมอง และเห็นว่าแหยมได้เข้าไปประคองถุงผ้าขาวและนั่งย่อเข่าหันหลังก้มลงหยิบอย่างระมัดระวัง ก่อนจะยืนขึ้นและเดินลงมาพวกตนยังริมตลิ่งน้ำ “เอ๊าได้แล้ว ไปดีเถอะนะแก้วเอ้ย ตั้งนะโมสามจบได้เลย” ห่อผ้าขาวถูกยื่นให้ ทั้งสองจึงรีบทำการตั้งจิตอย่างรวดเร็ว โดยมีแหยมยืนพนมมืออยู่ข้างๆ ก่อนที่ห่อผ้านั้นจะถูกหย่อนลงน้ำอย่างช้าๆ ให้มวลธาราดูดซึมจนชุ่ม แล้วกล้าจึงปล่อยห่อผ้านั้น เพื่อปลดปล่อยวิญญาณของ แก้ว ผ่านพระแม่คงคา โดยหารู้ไม่ว่า ห่อผ้าอัฐนั้นโดนสลับสับเปลี่ยนเมื่อสักครู่ วิญญานของแก้ว จึงไม่ได้รับการปลดปล่อยอย่างที่ตั้งใจ . . แสงสว่างของตะเกียงโคมที่ส่องระยิบระยับริมห้อง ส่งกระทบกับหน้าขาวตี๋ที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนฟูกนุ่มกลางห้องพระ รอบข้างของเขาเต็มไปด้วยสายสินธุ์ระโยงระยาง เปลือกตาหนาของภพ กระพริบถี่เมื่อเห็นประตูห้องเปิดแง้มออก ร่างบางของเด็กสาวรุ่นเดินเข้ามาในห้องพร้อมถาดสำรับ “ทานมื้อเย็นเสียหน่อยจ้ะคุณภพ” คำบอกแสนหวานนั้น ทำให้คิ้วเข้มบนหน้าหล่อตี๋ของ ภพ ขมวดย่นเข้าหากันเล็กน้อย และพยายามพยุงกายลุกขึ้น ด้วยสงสัยว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร เพราะปกติคนยกสำรับมาบนเรือน หากไม่ใช่ไอ้กล้ากับไอ้เข่ง ก็จะเป็นสร้อยกับจำปา แต่นี่ไม่ใช่จำปา แน่นอน ถึงจะหน้าตาคล้ายกันเพียงใด “เธอเป็นใครรึ? แล้วกล้ากับจำปาไปไหนเสีย” ภพ เอ่ยถามเสียงแหบพร่า เมื่อพินิจมองใบหน้าเนียนใสผุดผาด ปากนิดจมูกหน่อย และก้มมองอาหารในถาด มีข้าวหอมมะลิร้อนๆ เนื้อแดดและปลาเดียวทอด กับต้มไก่ใบมะขามอ่อนที่เขาชอบกินหนักหนา “ฉันชื่อจำปี เป็นหลานของพี่จำปาจ้ะ พอดีพี่กล้ากับพี่เข่งยังไม่กลับจากลำมูล พี่สร้อยกับพี่จำปากำลังทอมัดหมี่อยู่ด้านล่างจ้ะ” เธอบอกเขาเสียงหวานใส ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนมองคนตรงหน้าเขม็ง คล้ายกำลังครุ่นคิดและพิจารณาอะไรบางอย่าง ทำให้ทั้งสองสบตากันเนิ่นนาน “จำปีรึ ผมเพิ่งรู้ว่าจำปามีหลานสาวหน้าตาคล้ายกันเช่นนี้” ภพ เอ่ยเสียงอ่อน รู้สึกแปลกใจตัวเองที่รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเมื่อสบตากับเธอ ความร้อนรุ่มในกายที่มีก่อนหน้าเหมือนจะเริ่มทุเลาลง ...เป็นความรู้สึกที่แสนแปลกยิ่งนัก ***********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม