“ท่านเสี่ยวเอ้อร์ขอรับ ข้ามีม้า 5 ตัวกับอยากได้ห้องพัก 1 ห้อง 1 คืนขอรับข้าจะไปหาญาติที่อำเภอ
เหอหลัว ญาติของข้าทำงานที่ว่าการอำเภอขอรับ แต่ว่าวันนี้เย็นมากแล้วพรุ่งนี้จึงจะเข้าไปสะดวกกว่า” ผิงหยางเลือกจะอ้างพวกเหล่าขุนนาง เพื่อให้เหล่าชาวบ้านยำเกรง พรุ่งนี้เขาจะเอาผลไม้ไปขายที่เหลาอาหารและโรงเตี้ยม ดังนั้นจึงต้องพักเอาแรงให้ดี ขืนไปตอนนี้ก็ไม่ทันร้านปิดแล้ว
“อ่อ...คุณชายน้อยฝากม้าห้าตัว ตัวละ 10 อีแปะ ห้องพัก 30 อีแปะ รวมเป็นตำลึง 80 อีแปะ” เสี่ยวเอ้อร์ที่ได้รับหน้าที่ให้อยู่เย็นเผื่อมีลูกค้ามาพักแรมกล่าวกับคุณชายน้อยวัยราวสิบหนาว ยังคิดชื่นชมที่ขนาดพาม้าทั้งห้าตัว กับน้องสาวเดินทางได้ คงเป็นบุตรท่านแม่ทัพเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นจะเก่งกาจเช่นนี้ได้เช่นไร
“ข้าให้เพิ่มอีก 10 อีแปะขอใช้ครัวด้วยนะขอรับ ข้าจะทำให้อาหารให้น้องสาว แล้วจะเผื่อให้ท่านด้วย ว่าแต่ท่านช่วยไปหาเนื้อหมูมาให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะทำโจ๊กหมูสับให้ทานขอรับ” ผิงหยางเอ่ยอย่างนอบน้อม เพื่อหวังขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวเอ้อร์ และอยากให้เขาดูแลม้าของตนให้ดีหน่อย
“ได้ขอรับ ท่านรอสักครู่ข้าจะไปซื้อหมูมาให้ ที่นี่ขายจินละ 20 อีแปะ คุณชายน้อยรับเท่าไหร่”
“ข้าเอาเนื้อหมู 1 จิน กับไข่อีก 5 ฟองก็แล้วกัน” เขายื่นตำลึงทั้งค่าห้องและค่าอาหารสดที่จะฝากเสี่ยวเอ้อร์ซื้อของให้ และพาน้องสาวขึ้นไปอาบน้ำ
ดีที่เสื้อผ้าที่ใส่นั้นสะอาดสะอ้านจากการที่เขาซักให้น้องสาวเอง แม้จะซีดเก่าแต่ก็ไม่สกปรกทั้งมีกลิ่นหอมอีกด้วย เมื่อจัดการที่หลับที่นอนทั้งกระเป๋าของตนเองแล้ว ก็นำอาหารออกมา มีทั้งไข่เค็มที่หลืออีก 1 ฟอง กุ้งอีกสองตัว กับข้าวสารเขาไปเอาหม้อมาใส่และลงไปทำอาหาร
“ผิงเหยาอาบน้ำให้สะอาดใช้สบู่อันนี้ฟอกตัว แล้วก็ถอดเสื้อผ้าแขวนตรงนี้จะได้ไม่เปียก พี่จะไปทำอาหารไว้รอเจ้า”
“เจ้าค่ะพี่ใหญ่” ผิงเหยารับคำเชื่อฟังพี่ชายแล้วไปจัดการอาบน้ำให้ตัวเอง ส่วนผิงหยางลงไปอยู่ในครัวไม่นาน ก็จัดการต้มโจ๊กและเดินไปหลังครัว พบว่ามันมีผักชีกับต้นหอม เขาจึงเก็บมันมาและใช้กระเทียมในครัวทุบ ๆ และสับให้ละเอียด
เสี่ยวเอ้อร์ไปไม่นานก็ได้ของที่คุณชายน้อยสั่งมา แล้วก็นำมาให้ที่ห้องครัว กลิ่นโจ๊กในหม้อขณะที่ยังไม่ใส่อะไรยังหอมตลบอบอวลได้เพียงนี้ ทำเอาเสี่ยวเอ้อร์เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้กินโจ๊กฝีมือคุณชายน้อยท่านนี้เลยทีเดียว
ผิงหยางสับหมูให้ละเอียดเทลงให้ถ้วยตามด้วยรากผักชี กระเทียมพริกไทย คนให้เข้ากันปรุงด้วยซอสถั่วเหลืองในไหที่เขาชิมแล้วว่ารสชาติเยี่ยมมาก น่าจะหมักเองคงเป็นสูตรของที่นี่
เมื่อโจ๊กหม้อใหญ่ที่เขาทำไว้สุกได้ที่ เขาค่อย ๆ ปั้นก้อนหมูหย่อนลงในโจ๊ก จนหมดถ้วยหมูหนึ่งจินกับโจ๊กหม้อใหญ่นี้สามารถเก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้าด้วยได้อีกหนึ่งมื้อ กลิ่นของโจ๊กเมื่อต้มกับหมูที่เขาหมักไว้ตัดรสด้วยเกลือเล็กน้อยทำให้รสชาติดีเยี่ยมนัก
“อร่อยแล้ว...” เขาตักชิมและเมื่อหันมาอีกทีเสี่ยวเอ้อร์ก็มานั่งรออย่างใจจดจ่อแล้ว พร้อมทานแล้ว
“เสร็จแล้วจริงหรือขอรับคุณชายน้อย”
“อื้ม...เสร็จขอรับ ข้าจับกุ้งแม่น้ำมาอีกสองตัวข้าจะผัดให้ท่านทานด้วย” เขารับรู้ว่ากุ้งแม่น้ำคนที่นี่น่าจะยังไม่รู้จักเอามากินกัน ดังนั้นเขาจะลองทำให้เสี่ยวเอ้อร์ลองชิมดู
“กุ้งหรือขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ถามด้วยความสงสัย ไม่คิดว่ากุ้งที่คุณชายว่ามันจะทำเป็นอาหารได้
“รอชิมนะขอรับ” ผิงหยางพูดด้วยวาจาไพเราะ แล้วเขาก็เด็ดพริกแห้งที่อยู่ในครัวซอยให้ละเอียดกับกระเทียมสับละเอียดเอากระทะตั้งไฟใส่น้ำมันหมูที่อยู่ในครัวไปเล็กน้อย ตามด้วยพริกกระเทียมและเกลือคนให้เข้ากัน จนกลิ่นฉุนทำให้ทั้งคนทำและคนนั่งรอกินจามให้กับความฉุนของเครื่องเทศยามโดนน้ำมันร้อน ๆ
“ฮัดชิ้ว...ฮั้ดชิ้ว” เสียงจามทั้งผิงหยางและเสี่ยวเอ้อร์ดังไปถึงข้างบน ผิงเหยาที่อาบน้ำเสร็จแล้ว และกำลังเดินลงมาด้านล่าง
เมื่อจามแล้วเขาก็เทกุ้งที่สับเป็นท่อน ๆ ผ่าครึ่งแล้วลงในกระทะคนให้เข้ากันใส่น้ำตาล ซอสถั่วเหลืองเล็กน้อยแล้วก็ตักใส่จาน ประจวบเหมาะกับที่ผิงเหยาลงมาพอดี
“พี่ใหญ่ทำอันใดเจ้าคะ กลิ่นหอมไปถึงข้างบนเลยเจ้าค่ะ” ผิงเหยาเรียกพี่ชายของตนเองที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวได้อย่างคล่องแคล่วนัก
“มา ๆ กินกันได้แล้ววันนี้มีโจ๊กหมูสับ อ้อรอสักครู่พี่ทำไข่ลวกไว้ด้วย” เขาต้มน้ำให้เดือดไว้แล้วเมื่อได้ไข่มาเขาก็จับมันใส่ถ้วยเทน้ำที่กำลังเดือดลงไปจนท่วมแล้วปิดฝา น่าจะได้ไข่ออนเซนน่ากินแล้ว
ผิงหยางหยิบถ้วยขนาดใหญ่ที่จะใส่โจ๊กมาสามใบ แล้วใช้ทัพพีตักโจ๊กใส่หมูก้อนกลม ๆ แล้วตามด้วยตอกไข่ลวกลงไป เอาซอสถั่วเหลืองเหยาะอีกหน่อย ก็ยกให้ทั้งสองคนได้กิน
“คุณชายช่างยอดเยี่ยมนัก ทำอาหารได้เก่งกาจยิ่ง” เสี่ยวเอ้อร์สูดดมกลิ่นอาหารก่อนใช้ช้อนสำหรับสดน้ำแกงตักโจ๊กเข้าปาก คำแรกที่กลืนลงคอ ทำให้เขารู้สึกเหมือนสวรรค์มาโปรดอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว
“อร่อยสุด ๆ เลยขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์กล่าว
“อู้หูว...อร่อยมากเจ้าค่ะ” ผิงเหยาพูดออกมาเหมือนกัน ไข่ที่ไม่สุกดีมีไข่แดงเยิ้ม ๆ นี่มันอะไรกันทำไมทำให้โจ๊กของท่านพี่อร่อยได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ
ผิงเหยารู้สึกมีความสุขมาที่ได้กินของอร่อยฝีมือท่านพี่อีกแล้ว
“ทานเยอะ ๆ นะ ท่านเสี่ยวเอ้อร์ด้วยขอรับ ข้าทำไว้มาก ทานพรุ่งนี้อีกหนึ่งมื้อยังได้” ผิงเหยากับผิงหยางกินโจ๊กถ้วยใหญ่กันคนละสองถ้วย ก็เต็มท้องแล้ว ส่วนเสี่ยวเอ้อร์เพิ่มเป็นสามถ้วย แล้วก็ยังกินกุ้งผัดพริกเกลือจนหมดจาน
“คุณชายช่างแสนใจดี ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว กุ้งที่ท่านว่านี่มันก็อร่อยนักขอรับ เอาไว้ผ่านทางมาทางนี้อีก พักโรงพักม้าของข้านะขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์วาดหวังว่าคุณชายน้อยท่านนี้จะแวะเวียนมาอีก
ผิงหยางไม่ได้รับปาก เพราะไม่รู้จะได้ผ่านมาอีกหรือไม่ เมื่อทานเสร็จเสี่ยวเอ้อร์จึงอาสาล้างจานให้เอง และไปเอาน้ำและหญ้าให้กับม้าของคุณชายน้อยท่านนี้
ผิงหยางได้สร้างสัมพันธ์กับคนที่ผ่านทางบังเอิญพบหน้าด้วยอาหารเป็นตัวเชื่อม ทำให้เขารู้สึกมีความสุขนัก ต่อไปนี้เขาคือนักผจญภัยหรือเปล่านะ
เด็กหนุ่มคิดแล้วก็นอนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายอารมณ์แล้วเตรียมตัวเข้านอนเพราะเดินทางมาทั้งวันเริ่มเหนื่อยล้า
วันนี้มีที่นอนนุ่ม ๆ กับผ้าห่มอุ่น ๆ เขาและน้องสาวก็ได้นอนสบายสักคืนแล้ว
ผิงเหยาจัดที่นอนให้พี่ชายและตนเองเสร็จจึงเข้านอน เด็กน้อยมีรอยยิ้มประดับใบหน้า รอคอยพี่ชายอาบน้ำเสร็จก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทั้งยักคอไปมาจนผิงหยางเดินออกมาเห็นอดอมยิ้มไม่ได้
“มีความสุขใช่หรือไม่น้องสาวพี่” ผิงหยางถาม
“มีความสุขมากเลยเจ้าค่ะ ข้ามีพี่ชายร้ายกาจมาก ขี่ม้าก็เก่ง เก็บผลไม้ก็เก่ง ทั้งทำอาหารเก่งด้วยเจ้าค่ะ ต่อไปท่านแม่กับท่านพ่อกลับมาอยู่ด้วยกัน พวกเราก็จะมีความสุขแล้ว”
คนเป็นพี่ได้ยินคำพูดน้องสาวก็ถอนหายใจ เด็กควรอยู่กับอ้อมอกพ่อแม่ ปล่อยให้ห่างกันเช่นนี้ย่อมขาดความอบอุ่น ที่ผ่านมาน้องสาวคนนี้ใช้ชีวิตแสนลำบากมามากแล้ว ต่อไปเขาจะให้น้องสาวของเขามีความสุขที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
เขาจะปกป้องน้องสาว ท่านพ่อ และท่านแม่ในโลกนี้ให้ดีไม่ให้มีคนมาเอาเปรียบ
เมื่อคิดเรื่อยเปื่อยจนเสร็จแล้วก็รีบเข้านอนจะได้ตื่นเช้ารีบเข้าเมือง เพื่อขายผลไม้และเดินทางต่อ เพราะถัดจากอำเภอเหอหลัวก็ยังมีอำเภอซีเป่ย และถึงจะไปถึงยังอำเภอชุนที่เป็นที่ตั้งหมู่บ้านโม๋หลัว เกือบสุดชายแดน ดังนั้นพักผ่อนเอาแรงให้มาก ย่อมดี