บทที่ 2 สหายม้าของท่านพ่อ

1535 คำ
ผิงหยางเดินสำรวจเรือนผิงในความมืดด้วยเสียงอันเบาราวตีนแมว จนมาถึงคอกม้าด้านหลังแล้วก็เขาก็เดินเข้าไปดูม้าในคอกว่ามีทั้งหมดกี่ตัว “มีม้า 5 ตัวเชียว” เขาอุทานขึ้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีม้าใหม่ น่าจะเป็นช่วงที่ท่านพ่อกับท่านแม่ส่งตำลึงมาหลายตำลึงทอง ท่านลุงใหญ่ที่ชื่นชอบม้าจึงขอตำลึงท่านย่าไปซื้อมาเป็นแน่ ‘ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลี้ยงม้าอย่างดีเลี้ยงคนราวกับหมูในคอก’ ฮรี้Zzzz ฟืด ฟืด... “นายน้อยขอรับ...นายน้อย” เย้ยยยย!!! ผิงหยางตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อได้ยินว่าม้าพูดได้ “จะ...เจ้า...เจ้าพูดได้” เสียงตะกุกตะกักเอ่ยออกมา พร้อมกับใบหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าไก่ต้มตอนตรุษจีนเสียอีก “นายน้อยได้ยินข้าแล้ว...ในที่สุด...” เจ้าม้าที่บิดาเจ้าหนูน้อยเป็นเจ้าของถึงกับปล่อยโฮออกมา เขาเป็นม้าศึกที่ถูกปลดระวางจะถูกเข้าโรงเชือด แต่ผิงเหลียงจินช่วยเขาออกมา เขาเป็นม้าก็จริงแต่ถูกใช้แรงงานหนัก ทั้งสองผู้เฒ่าไม่เลี้ยงดูเขาให้ดี ยังคิดจะขายเขาไม่พอ ยังจะขายเด็กน้อยทั้งสอง เพราะเขาได้เทียมรถม้าพาตาแก่ยายแก่นั่นไปตลาด ได้ยินสิ่งที่สองสามีภรรยาผู้เห็นแก่ตัวสนทนากัน ใจอยากวิ่งให้ตกคูน้ำให้สองผู้เฒ่าตายไปซะ เลวผิดผู้ผิดคน! “เจ้า...เจ้าชะ...ชื่อ...จงเช่อใช่หรือไม่” เขาเริ่มไม่แน่ใจและรู้สึกสับสนแล้วว่า ความจำกับความสามารถพิเศษของเขามันตีกัน หรือเขาไม่สบายจนเลอะเลือนได้ยินม้าพูดได้ “ใช่แล้วขอรับนายน้อย เป็นจงเช่อเอง ท่านพ่อของท่านตั้งให้ ตอนนี้รีบหนีเถอะนายน้อย สองสามีภรรยาชั่วนั่นจะขายข้าไม่พอ ยังจะขายท่านให้โรงทาส ขายน้องสาวให้หอนางโลมเลี้ยงเป็นสตรีรับแขกในหอนางโลมในวันหน้า...เร็วเข้าเถอะ ข้าจะพาพวกท่านหนี ข้าวิ่งฝ่าความมืดได้สบาย ดวงตาข้าพิเศษกว่าม้าตัวใด” จงเช่อพยายามจะดึงเชือกให้หลุดอยู่ค่อนคืน ในที่สุดก็มีความหวังแล้ว เมื่อนายน้อยเดินออกมาพบเขา “ที่เจ้าพูดมาจริงหรือไม่” “จริงขอรับนายน้อย” จงเช่อม้าหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจ ว่าที่ได้ยินมาไม่ผิดแน่ “เช่นนั้นข้าจะไปเอาตำลึงของท่านพ่อที่ส่งมาก่อน แล้วจะเผาเรือนให้มอดเชียว” หากเป็นวิญญาณเดิมของเจ้าของร่างไม่ทำเรื่องอกตัญญูเช่นนี้ แต่เขาคือภูผามาจากโลกอนาคตในอีกหลายพันปีข้างหน้า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกตัญญูให้กับคนชั่ว “ในเรือนเหลือไม่มากขอรับ ข้ารู้ว่านางเก็บไว้ที่ใด” จงเช่อรับรู้เรื่องราวความลับของยายแก่เผยอิงซวง กับตาแก่ผิงหม่าคงอย่างดี “เช่นนั้นเจ้าถามเหล่าม้าทั้งสี่ตัว อยากเป็นอิสระหรือไม่ ข้าจะปล่อยให้พวกมันเป็นอิสระด้วย” ในเมื่อจะต้องหนีก็เอาของมีค่าไปให้หมด แล้วก็จัดการเผาบ้านหลังนี้เสีย “พวกสี่ตัวนี่ต้องการเป็นอิสระนายน้อย” จงเช่อบอกนายน้อย รอยยิ้มชั่วร้ายของภูผาในร่างผิงหยางผุดขึ้น แล้วเด็กวัย 10 ขวบก็เปิดประตูม้าทุกตัว แล้วบอกให้จงเช่อบอกพวกมันว่าอย่าเพิ่งหนีรอให้เขาขุดสมบัติตาแก่ยายแก่สองคนนี้สำเร็จก่อน “ทางนี้นายน้อย” “เจ้ายืนรอข้าตรงนี้ ข้าจะไปพาน้องสาวมาก่อน” เขาบอกจงเช่อแล้วรีบวิ่งกลับไปยังห้องเก็บฟืนทันที “น้องเล็ก เราต้องรีบหนีแล้ว” ผิงหยางบอกกับน้องสาวที่เพิ่งกินอิ่มและกำลังเก็บกระบอกน้ำสนามของเขาเข้ากระเป๋า “หนี...หนีหรือเจ้าคะ” ผิงเหยาทำสีหน้าตกใจอุทานออกมาเสียงดัง ชู่ว์!!! “เบาหน่อยเดี๋ยวคนในบ้านตื่น” ผิงหยางยังไม่อยากให้ใครตื่นมาก่อนที่เขาจะเผาบ้านชั่ว ๆ นี้ทิ้งเสียให้แทบสิ้นเนื้อประดาตัวไปเลย และจะได้จดจำเขาให้ขึ้นใจ “เจ้าค่ะ ข้าเงียบแล้ว” ผิงเหยาเอามือปิดปาก แล้วพยักหน้าในความมืด แต่เห็นเงาของพี่ชายราง ๆ “พี่ไปเอาเสียมก่อน” เด็กชายหยิบของใส่กระเป๋าให้หมด แล้วเข้าไปเอามีดและเสียมใส่กระเป๋าไปด้วย มีดที่เขามีสำหรับพกพา ถ้าต้องใช้ตัดฟืนก็ต้องใหญ่หน่อย “ท่านพี่จะไปที่ใดกันเจ้าคะ” ผิงเหยาอยากรอท่านแม่ที่บ้าน กลัวว่าท่านแม่กับท่านพ่อมาแล้วจะไม่พบ “เราจะไปตามหาท่านพ่อกับท่านแม่กัน จงเช่อจะพาไป” เด็กชายกล่าวเสียงกระซิบแล้วเมื่อถึงที่จงเช่อเฝ้าไว้ เป็นที่ใต้ต้นไม้มีไหเกลือฝังอยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยตำลึงราวสัก 50 ตำลึงทองได้ แต่เขาแค่กะประมาณคร่าว ๆ แล้วก็จับมันใส่กระเป๋าเดินป่าของตัวเอง ตอนแรกคิดว่ามันจะหนัก แต่ทว่าเมื่อใส่ ๆ ไปแล้วกลับไม่หนักอย่างที่คิด “นายน้อยใส่หินลงไปให้เต็ม จงเช่อใช้กีบขุดมาแล้ว” จงเช่อรู้งานทั้งอยากแก้เผ็ดสตรีชั่วช้าผู้นั้น จึงจัดการใช้เท้าตัวเองขุดเอาหินใกล้ ๆ ต้นไม้ออกมากองไว้ “ได้รอสักประเดี๋ยว” ผิงหยางจัดการนำหินใส่ลงไปแทนแล้วจัดการฝังกลบให้หมด เท่านี้สองผู้เฒ่าชั่วนั่นก็มีแค่ตำลึงอีแปะที่ยึดจากที่เขาใช้แรงงานมาตั้งแต่ท่านพ่อกับท่านแม่ไปทำงาน คิดว่าหากรวม ๆ กันแล้วคงจะสักไม่เกิน 5 ตำลึงหรอกกระมัง เพราะไม่ยอมหยิบเอาตำลึงท่านพ่อท่านแม่ไปใช้ เอาแต่ตำลึงที่เขาหามาได้ใช้อย่างสุขสบาย “จงเช่อ...มีไต้จุดไฟอยู่ที่ใดบ้าง” “ตรงคอกม้ามีขอรับนายน้อย” ผิงหยางไม่รอช้าวิ่งไปที่คอกม้าขณะตัวเองยังสะพายกระเป๋าใบใหญ่แต่มันกลับเบาแสนเบา ช่างดีจริง ๆ เขาควานหาที่จุดไฟจนจุดใต้มาห้าอัน แล้วก็ต้องอาศัยจงเช่อช่วย “จงเช่ออันแรกแตะมันเข้าไปที่ห้องเก็บฟืน อันที่สองหน้าเรือนห้องโถง อันที่สามห้องครัว อันที่สี่ห้องลุงใหญ่ อันที่ห้าเจ้าเล็งให้แม่นยำห้องสองคนนั้น” ผิงหยางกระซิบกับจงเช่อเบา ๆ ไม่ให้น้องสาวได้ยินแล้วก็จัดการเปิดประตูด้านหลังให้ม้าแต่ละตัวออกไปรอด้านนอก พร้อมกับน้องสาว “เอาล่ะจงเช่อ...จัดการเลย” ลูกไฟค่อย ๆ ลอยตกไปตามที่นายน้อยสั่งการ ทีละอันทีละอันและเมื่ออันสุดท้ายเข้าเป้า ผิงหยางก็ไม่ลืมเผาคอกม้าเสีย ฟุบ...วาบ! ฟุบ...วาบ! ฟุบ...วาบ! ฟุบ...วาบ! จากไฟดวงน้อย ๆ ค่อย ๆ ไหม้ไปทีละนิดทีละนิด จนเริ่มมีควันขึ้นเมื่อแน่ใจแล้ว เขาจึงพาจงเช่อออกมาแล้วให้จงเช่อไปยืนตรงต้นไม้ที่ตัดไว้แล้วให้น้องสาวปีนไปขึ้นม้า และเขาเองก็ปีนขึ้นไปด้วยกัน เสียงกุบกับ กุบกับ กุบกับ วิ่งฝ่าความมืดไปโดยมีม้าห้าตัว กับสองเด็กหญิงชายโดยที่เจ้าม้าทุกตัวไม่มีตัวใดร้องปลุกคนให้ตื่นขึ้นแม้แต่น้อย “จับแน่น ๆ เสี่ยวเหยา” ผิงหยางใช้สองมือจับบังเ**ยนแน่น อานม้าเจ้าจงเช่อก็เลือกที่บุนุ่นทำให้เด็กน้อยทั้งสองนั้นนั่งนิ่มก้น “เจ้าค่ะท่านพี่” ผิงเหยาจับบังเ**ยนแน่น แม้ลมจะพัดเข้าหน้าจนแสบตาแต่เด็กน้อยก็อดทนเอาไว้และหลับตาแน่น นางเชื่อมั่นว่าพี่ใหญ่จะปกป้องนางได้และจะไปเจอท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยกัน แค่ก แค่ก แค่ก... คนบ้านผิงที่หลับสบายในผ้าห่มหนาอย่างอบอุ่น โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกย่าง จนเมื่อเผยอิงซวงตื่นขึ้นเพราะหายใจไม่ออก พร้อมกับควันลอยคลุ้ง “ฮะ...ไฟ...ไหม้...ไฟไหม้...ตาแก่ตื่นเร็วเข้าช่วยกันดับไฟ” เสียงหวีดร้องของเผยอิงซวงทำให้บ้านผิงแตกตื่น เรือนบ่าวที่อยู่อีกฟากไม่โดนไฟไหม้จึงหลับสนิท เมื่อได้ยินเสียงนายก็ตื่นขึ้นคว้าเอาถังน้ำได้ก็ช่วยกันดับไฟ “ดับไฟในบ้านก่อน เรือนครัวกับโรงเก็บฟืนช่างมัน” ตอนนี้นางต้องรักษาบ้านหลักไว้ก่อน ส่วนเจ้าสองพี่น้องนั่นหากตายในกองเพลิงก็ช่าง ไร้ประโยชน์สิ้นดี ขายก็คงได้แค่เศษตำลึง “ยายแก่เด็กนั่นลูกเจ้ารองนะ” “เด็กขอทานนั่นตาย ๆ ไปซะ อ่อนแอเหลือเกิน” คำพูดไร้ความเมตตาของเผยอิงซวงทำให้ผิงหม่าคงหุบปากไร้คำจะเอ่ย…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม