EP.3

2549 คำ
วันต่อมา 04.36 น. พรึบ เสียงเตียงขยับเบาๆเมื่อคนที่เพิ่งหลับไปข้างๆฉันพลิกตัวนอนคว่ำไปกับเตียงพร้อมกับแขนของเขาที่พาดมาที่เอวของฉันไม่ยอมเอาไปพาดไว้ที่ไหน แต่มันก็ดีกว่าเขาจะนอนกอดฉันทั้งคืน ฉันเหลือบมองพีเคที่หายใจสม่ำเสมอนานนับนาทีจนแน่ใจว่าเขาจะไม่ตื่นมาอีก ก่อนจะค่อยๆจับแขนเขาออกไปวางไว้ที่เตียงแทนที่จะเป็นเอวของฉัน ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นนั่งที่เตียงขณะที่มือตัวเองก็ยกกุมหน้าท้องตัวเองไว้ เพราะความรู้สึกเจ็บที่แล่นเข้ามา ฉันกัดฟันแน่นและค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆพร้อมกับพยายามควบคุมขาตัวเองที่กำลังสั่นอย่างสุดความสามารถ ฉันรีบเดินเข้าไปภายในห้องน้ำภายในห้องของเขาให้เร็วที่สุดเพราะตอนนี้ตัวเองไม่ได้สวมอะไรแม้แต่อย่างเดียว แกร๊ง "ผ้าขนหนูอยู่ไหนกัน?" ฉันเอ่ยเบาๆพร้อมกับสายตาตัวเองที่กวาดมองไปทั่วห้องน้ำที่ใหญ่กว่าห้องพักฉันเป็นเท่าตัวอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะเจอมันอยู่ในตู้ฉันจึงก้าวเดินไปหยิบมันมาพันรอบตัวเองอย่างยากลำบาก เพราะแต่ล่ะย่างก้าวมันจุกเสียดจนน้ำตาเล็ด "ให้ตายเถอะ" ริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อเหลือบเห็นตัวเองที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจก ฉันค่อยๆเอียงคอมองรอยช้ำเป็นจ้ำๆทั่วลำคอตัวเองก่อนที่จะใช้นิ้วตัวเองแตะลงที่แผลรอยฟันพีเคด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด...แผลนี้ทั้งเจ็บและแสบไม่ต่างจากหัวใจฉันในตอนนี้เลย "อึ่ก...!" ฉันต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองออกทันทีเมื่อคิดได้อย่างนั้นก่อนจะเปิดประตูออกมาอีกครั้งและเดินไปที่ประตูทางออกก่อนจะหันมองพีเคที่ยังคงนอนอยู่ท่าเดิมด้วยสายตานิ่งเรียบ...เรื่องบ้าๆนี่ไม่ควรจะเกิดขึ้นจริงๆ ริมฝีปากฉันเม้มแน่นก่อนจะรีบเปิดประตูออกมานอกห้องและไปเก็บเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมาใส่อย่างเร่งรีบเพราะกลัวคนในห้องตื่น ฉันมองเสื้อตัวเองที่ขาดไม่เหลือชิ้นดีอย่างหนักใจก่อนที่สายตาตัวเองจะเหลือบไปเห็นเสื้อแจ็กเก็ตของพีเคที่ขวานอยู่...เขาคงมีแบบนี้อยู่หลายตัวถ้าฉันใส่ออกไปสักตัวคงไม่เป็นไร "ฉันไม่ได้จะขโมยนะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ" ฟึ้บ! ฉันหยิบแจ็กเกตสีขาวมาใส่ทันทีพร้อมกับเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อยพร้อมกับรีบออกจากห้องของพีเคให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้...จนฉันไม่ได้ตรวจดูดีๆว่าฉันอาจจะทำอะไรหล่นไว้ไหม (PK) 10.36 น. ติ๊ดๆๆ "...." ติ๊ดๆๆๆ "s**t!!" พรึบ!! "อะไร!!?" (เพิ่งตื่นรึไงไอ้เหี้ย!) "เออ!" (มึงควรจะโทรมาขอบคุณกูนะที่ช่วยจัดการเรื่องเมื่อคืน กูรึก็อุตส่าห์เป็นห่วง) "กูจะนอนไอ้ติน!" (สัส มึงมีงานไม่ใช่ไง!?) "มึงเป็นผู้จัดการกู?" เสียงติดจะรำคาญของผมถามขึ้นพร้อมกับตาตัวเองที่ค่อยๆลืมขึ้นมองเพดานห้องตัวเองอย่างหงุดหงิด ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูมาดูเวลาก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าเกือบจะห้าโมงเช้าแล้ว (ก็พี่คิมบอกกู กูเข้าบริษัทล่ะเจอพี่แกเลยเล่าวีรกรรมเมื่อคืนให้ของมึงให้พี่แกฟัง) "กูทำเหี้ยไร?" (เดียวพี่คิมคงไปเล่าให้มึงฟังแหละไอ้สองหน้า) "..." (ส่วนกูแค่จะโทรมาถามว่ามึงตายรึยังแค่นั้น) "ฟัค!" (เออ แล้วน้องคนเมื่อคืนนี้ล่ะ) ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆเมื่อไอ้ตินมันถามมาแบบนั้น ใคร...น้องไหนอีกล่ะ? (แสดงว่ามึงเมาจนไม่รู้ว่าใครไปส่ง?) "มึงไม่ได้มาส่งกู?" (ก็กูต้องอยู่จัดการเรื่องมึงไง เออๆชั่งแม่งเถอะแค่นี้ๆ) ผมโยนโทรศัพท์ออกห่างตัวก่อนที่ไอ้ตินมันจะตัดสายซะอีกพร้อมกับมือตัวเองที่ยกขึ้นกุมขมับไว้เพราะอาการตึงๆของตัวเองที่เกิดขึ้น เออเมาค้างนั่นแหละปวดหัวแม่งชิบหาย "ทำไม..." ฟึ้บ... มือของผมเอื้อมไปสะบัดผ้าห่มออกจากตัวทันทีพร้อมกับคิ้วตัวเองที่ขมวดเข้าหากันเพราะตอนนี้ผมไม่ได้สวมอะไรสักอย่าง...กูไม่ได้ใส่อะไรนอนเหรอว่ะ? ปกติผมไม่ใช่คนขี้ร้อนนะผมกัดริมฝีปากตัวเองทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นคราบเลือดที่ติดอยู่ที่ผ้าปูเตียง "ชิป!" พรึบ! ผมลุกขึ้นไปหยิบชุดคลุมตัวเองมาใส่ไว้ทันทีพร้อมกับสายตาตัวเองที่ตวัดมองรอบห้องอย่างไม่วางใจ เมื่อคืนนี้กูไปเอาใครมาด้วยแน่แต่ตอนนี้ผมจำไม่ได้และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครอยู่กับผมตอนนี้ไหม ผมเดินไปที่ห้องน้ำและกระชากมันเปิดออกทันทีแต่ก็ไม่เจอใครนั้นทำให้ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนที่จะหันมองไปที่เตียงอีกครั้ง "แม่งเอ้ย...ไม่ได้ใส่ถุงยาง!!" ฟึ้บๆ มือของผมยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียเพราะเมื่อคืนดันเมาจนไม่รู้ไปเอากับใครแถมยังไม่ได้ป้องกันอีก แล้วถ้ากูติดโรคล่ะ? "Damn!!" ติ่งต่องๆ ผมถอนหายใจออกมาช้าๆพร้อมกับขาตัวเองที่ก้าวเดินออกไปนอกห้องนอน และเดินไปเปิดประตูให้คนที่มาใหม่ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร ผู้จัดการคิมรีบเข้ามาในห้องและปิดประตูทันที "เมื่อคืนคุณพีเค..." "เมื่อคืนนี้ผมนอนกับใครก็ไม่รู้แล้วไม่ได้ใส่ถุงยาง" "ห๊ะ คะคุณพีเคว่ายังไงนะครับ!?" "ไม่ว่าเรื่องที่พี่จะพูดมันจะใหญ่ขนาดไหนแต่เรื่องของผมตอนนี้ใหญ่กว่า" "คะคุณพีเค ให้ตาย..." พี่คิมผู้จัดการผมเดินวนไปมาทันทีที่ผมว่าไปแบบนั้นซึ่งดูก็รู้ว่าตอนนี้เรื่องของผมใหญ่กว่าจริงๆ ผมมองไปรอบๆห้องก่อนที่สายตาตัวเองจะเหลือบไปเห็นเข็มขัดตัวเองที่ตกอยู่กลางห้อง "ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยอมผมด้วย" "...คุณพีเค" เสียงพี่คิมเอ่ยขึ้นอย่างหนักใจทันทีที่หันมาเห็นผมที่กำลังถือเข็มขัดตัวเองอยู่ ถ้าถามว่าทำไมผมรู้...ตอบไม่ยากเลยถ้าเห็นเข็มขัดที่ขดเป็นวงอยู่แบบนี้ ผมเดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับหลับตาแน่น เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะปกติผมจะไม่เอาใครถ้าไม่ใส่ถุง แต่นี่ผมกลับไปเอาใครไม่รู้มานอนด้วยแถมยังบังคับเธอด้วยซ้ำ "แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับคุณพีเคถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าว..." "ถ้าเธอจะบอกเธอบอกไปแล้วไม่ปล่อยจนเลยมานานขนาดนี้หรอก" ผมกับพี่คิมเงียบกันไปนานนับนาทีเพราะต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องผิดพลาดที่ผมไม่อยากให้มันเกิด...เมื่อคืนผมดื่มไปมากมากจนคิดว่าตัวเองหลับแล้วฝันผมฝันว่าผมกับเคส..ให้ตายถึงว่าทำไมมันเหมือนจริงนัก! "พี่คิม" "ครับ?" "ไปขอดูกล้องวงจรแล้วเอาภาพมาให้ผม" "...ได้ครับ คุณพีเคเตรียมตัวเลยนะครับวันนี้มีงานตอนบ่ายและสัมภาษณ์เรื่องข่าวต่อตอนเย็น" "อืม" พี่คิมเดินออกไปจากห้องทันทีพร้อมกับผมที่ลุกขึ้นเตรียมเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อแต่งตัว แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ตรงพื้นที่ห่างจากที่เข็มขัดผมตกไม่ไกล "อะไร...?" ผมเดินเข้าไปหามันทันทีก่อนจะก้มหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาและพบว่ามันคือสร้อย สร้อยเงินที่มีจี้เป็นรูปดาวไม่ใหญ่มากแต่มันกลับสวยมากจนทำให้ผมไม่อาจละสายตาจากมันไม่ได้...แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ของผม ผมเอียงใบหน้าจ้องมองมันนานนับนาทีก่อนที่ริมฝีปากตัวเองจะเหยียดยิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ "แกต้องมีเจ้าของ" และเจ้าของต้องอยากได้คืนแน่ๆ ผมเปลี่ยนจากหยิบเป็นกำมันไว้แน่นและเดินเข้ามาในห้องตัวเองอีกครั้งก่อนจะมองไปที่เตียงขนาดคิงไซส์ของตัวเอง เมื่อคืนนี้ถึงผมจะเมาขนาดไหนแต่ผมรู้รู้ว่าผมเป็นคนแรกของเธอคนนั้น...ถึงผมจะคิดว่าเธอเป็นเคสตลอดเวลา แต่ผมก็จำได้ทุกสัมผัสและกลิ่นกายของเธอผมจำความหอมหวานนั้นได้ดีเลยล่ะ "น่าสนใจจริงๆ" ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มออกมาช้าๆพร้อมกับความรู้สึกตัวเองที่รู้สึกเหมือนกำลังจะมีเรื่องสนุกๆให้ได้เล่นอีก เธอดูน่าสนใจนะขนาดถูกผมเอาขนาดนี้แต่กลับไม่ร้องขออะไรแถมยังหนีไปอีก...หรือเธอเป็นซินเดอเรลล่ากันนะถึงได้หนีไปแล้วทิ้งสิ่งของไว้ให้ผมตามหาแบบนี้? 15.36 น. แซะๆ "ดีครับ พีเคช่วยหันซ้ายอีกนิดดีครับดี" แซะๆๆ แสงแฟลชถูกสาดใส่ทั้งผมและนางแบบคนข้างๆมานานหลายชั่วโมงแต่เราก็ไม่ได้หยุดยิ้มหรือแสดงออกว่าเหนื่อยเลยแม้แต่นิด ผมยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่นขณะที่นางแบบคนข้างๆก็ซบลงมาที่ไหล่ของผมตามที่ช่างภาพขอ เราเปลี่ยนท่าช้าๆพร้อมกับชัตเตอร์ที่ถูกกดรัวจนฟังไม่ทัน "โอเค...ขอบคุณที่ทำงานหนักนะครับทุกคน" "...ขอบคุณครับ" ผมรับแก้วน้ำที่พนักงานเสิร์ฟน้ำเอามาให้พร้อมยิ้มให้เธอทันทีก่อนจะก้มหัวให้ช่างภาพที่ยกนิ้วโป้งให้นิดๆ และหันไปยิ้มขอบคุณพนักงานทุกคนที่ทำงานหนักในวันนี้ก่อนจะรีบเดินเข้าไปที่ห้องแต่งตัวตัวเองพร้อมกับพี่คิงที่เดินนำไปทันที แกร๊ง "ชุดคุณพีเคอยู่ในห้องเปลี่ยนนะคะพี่เตรียมไว้ให้แล้ว" "ครับ ขอบคุณนะ" "ค่าา ขอตัวนะคะคุณพีเค" "ครับ" ผมก้มให้เธอนิดๆ และยิ้มให้อย่างเป็นกันเองจนเธอเดินออกไปจากห้องพร้อมรอยยิ้มของผมที่หายไปทันที ผมยกมือขึ้นเสยผมอย่างเพลียๆ ขณะที่พี่คิมก็เดินเอาชุดอื่นๆ ไปไว้ในห้องเปลี่ยนชุดผมจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ขณะที่มือก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้กระหาย "คุณพีเคครับ" "ว่า?" "เรื่องกล้องวงจรปิดน่ะครับ" "อืม ว่าไง?" พี่คิงยื่นโทรศัพท์มาให้ดูพร้อมกับวิดิโอที่กำลังฉาย ผมจึงรับมาดูใกล้ๆ...มันเป็นภาพตอนตีสี่กว่าๆที่ห้องผมมีผู้หญิงเดินออกมา ผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวในกางเกงขายาวสีดำคุ้นตากับเสื้อเจ็คเกตสีขาวของผมมันทำให้ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะเมื่อดูดีๆแล้วในมือเธอกำลังถือเสื้อสีขาวที่ดูขาดจนไม่น่าจะใส่ได้อีกติดมือออกไปด้วย และเธอกำลังเดินเข้ามาใกล้กล้องมากขึ้นจนผมเห็นหน้าของเธอได้ถนัดตา "...ชิป!" ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะเธอที่ดูเหมือนจะเหลือบขึ้นมาเห็นกล้องวงจรปิดเลยยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง และเดินเข้ามุมอับของกล้องทันทีทำให้ผมไม่ได้เห็นหน้าของเธอชัดนัก "พี่พยายามดูกล้องข้างล่างแล้วแต่มันก็ไม่เห็นอะไร" "รปภ.ล่ะ?" "ไม่เห็นเธอเลยครับ" "ตายเถอะ...นี่จะไม่มีใครสังเกตเห็นบ้างรึไงห๊ะ!?" คนทั้งคนขนาดรปภ.แม่งก็ยังไม่เห็นนี่มันแปลว่าความปลอดภัยของผมที่จะอยู่คอนโดนี้มันไม่มีเลยสินะ ผมยื่นโทรศัพท์กลับไปให้พี่คิงก่อนจะมองเขาผ่านกระจก "ไปสืบมา จะจ้างใครไปหาก็ได้ผมต้องได้ตัวเธอ" "แต่...คือผมมีเรื่องจะบอกคุณพีเคน่ะครับ" ผมหันมองพี่คิงทันทีที่เขาว่าขึ้นแบบนั้นด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเหมือนพยายามรวบรวมความกล้าก่อนจะมองหน้าผมนิ่ง "ผมได้ทุนไปดูงานที่ฝรั่งเศสหกเดือนน่ะ" ผมหรี่ตามองพี่คิงทันทีพร้อมกับเขาที่มองมาที่ผมอย่างลนๆ "โอกาสไม่ได้มาหาผมง่ายๆผมเลยอยาก..." "ไปสิ" "ครับ!?" "พี่จะไปไหนก็ไปได้เลย" พี่คิงยิ้มออกมาทันทีที่ผมตอบกลับแบบนั้น "แต่พี่ต้องหาคนที่จะมาทำงานแทนพี่ให้ได้ก่อน" "ทางบริษัท..." "พี่คิดว่าคนที่บริษัทส่งมาจะทนผมได้กี่วัน?" "..." "พี่ก็รู้นิสัยผม ที่พี่อยู่กับผมได้มันเพราะผมไว้ใจที่ให้พี่รู้นิสัยของผม" ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สายตาก็มองพี่คิงไม่ละสายตาไปไหน "ผมไม่ไว้ใจใคร และคนที่จะมาดูแลผมแทนพี่ต้องรู้นิสัยจริงๆของผม" "แสดงว่าผมต้องหาคนมาดูแล..." "ใช่ครับ ผมจะเอาแต่คนที่พี่หามาให้เพราะนั้นแปลว่าพี่ไว้ใจเขาซึ่งถ้าเขาหักหลังผม...คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือพี่" ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับมือตัวเองที่เอื้อมไปตบที่ไหล่พี่คิมเบาๆเหมือนกำลังให้กำลังใจ มันก็ใช่ไงผมไว้ใจเขาแต่ผมไม่ไว้ใจบริษัทและในเมื่อเขาจะไปเขาก็ต้องหาคนมาดูแลผมต่อจากเขาซึ่งคนๆนั้นต้องทำหน้าที่ได้เทียบเท่าเขาหรืออาจจะมากกว่าด้วยก็จะดีมาก "มีสัมภาษณ์ต่อใช่ไหม?" "ครับ" พี่คิมขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีที่เห็นว่าผมเอื้อมมือไปหยิบสร้อยเส้นเล็กในกระเป๋าออกมาใส่พร้อมกับมือของผมที่ปลดกระดุมลงอย่างจงใจเพื่อที่จะได้เห็นจี้ได้ชัดๆ "คุณพีเคซื้อสร้อยใหม่หรอครับ?" "มีคนทำหายน่ะ" "แล้วคุณเอามาใส่..." "ผมแค่จะหาเจ้าของ ถ้าเป็นของที่มีเจ้าของเดี๋ยวเขาก็กลับมาเอาเองแหละ" ใช่...ผมนี่โง่จริงๆจะไปจ้างคนไปหาทำไมในเมื่อตัวเองมีของดีอยู่กับตัวแบบนี้ สายตาผมจ้องมองจี้สร้อยที่ตัวเองกำลังใส่ผ่านกระจกบานใหญ่ภายในห้องอย่างชอบใจพร้อมกับความรู้สึกของตัวเองที่กำลังเหมือนโดนเจ้าของสร้อยท้าทายอยู่ ผมโคตรอยากจะรู้ว่าเธอเป็นใครมาทำผมเจ็บซ้ำแล้วหนีไปแบบนี้แย่ที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม