เขาก็เลือกผู้หญิงเหมือนกัน

1318 คำ
“แกไม่หา ย่าหาเอง” เมื่อหลานชายไม่ยินดียินร้ายที่จะหาผู้หญิงมาอุ้มท้องเหลนให้ ท่านก็ต้องเป็นคนหาให้เอง เสียงหัวเราะของหมอปัณดังขึ้น ในความคิดของคุณย่าท่านอยากมีเหลนจริง ๆ ถึงขนาดจะหาผู้หญิงมาอุ้มท้องลูกของเขาให้เลยหรือ ตั้งแต่เลิกรากับอดีตแฟนเก่าไป ชายหนุ่มก็ไม่คิดมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มีแต่คู่นอนเป็นครั้งคราวเท่านั้น “ผมหิวข้าวแล้วครับคุณย่า” หมอปัณเปลี่ยนเรื่องทันที ทำเป็นหูทวนลม “เฮอะ แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ถ้าวันไหนย่าหาผู้หญิงได้แกเตรียมตัวได้เลย” คุณย่าวิลาวรรณหมั่นไส้หลานชาย “ถ้าคุณย่าหาได้เมื่อไหร่ วันนั้นผมจะทำให้คุณย่าสมหวัง” เขายิ้มกริ่ม มั่นใจว่าคุณย่าคงหาผู้หญิงมารับจ้างอุ้มบุญได้แน่นอน แต่ละครั้งที่เขากลับมาบ้าน มักจะถูกคุณย่ารบเร้าแต่เรื่องมีเหลนตลอดเวลา บางครั้งเขาเองก็อยากจะมีให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว เขาก็เลือกผู้หญิงเหมือนกันใช่จะเอาใครมาเป็นแม่ของลูกเขาได้ นิสัยใจคอเป็นเยี่ยงไรก็ไม่รู้ อาหารมื้อค่ำสำหรับมื้อนี้ช่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข เมื่อคุณย่าวิลาวรรณกินพร้อมหน้าพร้อมตาหลานชาย ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันท่านต้องนั่งกินอยู่คนเดียว คุณหมอปัณตักอาหารให้คุณย่า สองย่าหลานต่างคุยสัพเพเหระต่าง ๆ นานา รวมทั้งถามถึงโรงพยาบาลช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง แม้จะอยากมีเหลน แต่ท่านก็ห่วงหลานชายเช่นกันเขาทำงานแทบไม่มีเวลาได้พัก ห่วงสุขภาพของหลานชาย แต่ก็อยากให้แวะเวียนมาหาท่านที่บ้านบ้าง ไม่ใช่หมกมุ่นอยู่แต่กับงาน “ค้างที่นี่ไหมคืนนี้” คุณย่าวิลาวรรณห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะมันดึกดื่น จึงอยากให้นอนค้างที่บ้าน “ครับ ผมค้างที่นี่” หมอปัณตั้งใจจะค้างที่นี่อยู่แล้ว ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดอีกหนึ่งวันเขาอยากใช้เวลาอยู่กับคุณย่า เมื่ออาหารมื้อค่ำจบลง คุณย่าวิลาวรรณจึงขอตัวขึ้นห้องท่านอยากพักผ่อน ข้างล่างจึงเหลือเพียงชายหนุ่มที่นั่งอยู่มุมสลัว จนกระทั่งคำพูดของคุณย่าวิลาวรรณแล่นขึ้นมาในหัว เขาลืมนึกไปเลยคืนที่มีอะไรกันกับหญิงสาว เขาไม่ได้ป้องกันแม้แต่ครั้งเดียว และไม่แน่ใจว่าหล่อนคนนั้นจะป้องกันตัวเองหรือไม่ ยามที่นึกถึงเสียงร้องหวาน ๆ ครวญครางใต้ร่างเขา ไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มความหอมความเย้ายวนและท่าทีของเธอ ทำให้เขาต้องยิ้มกับความไร้เดียงสาของหญิงสาวในเรื่องทางเพศ กลับทำให้เขาร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก “บ้าน่า” หมอปัณหลุดคำพูด แสงไฟในห้องนอนส่องสว่าง ชายหนุ่มยืนมองไปยังด้านนอกของห้องนอน ซึ่งแยกออกจากตัวบ้าน มีทางเดินไปยังห้องนอนของชายหนุ่ม เขาเลือกสร้างให้ติดกับต้นไม้ที่ร่มรื่นมองออกด้านนอกจะมีรั้วและต้นไม้ ดอกไม้นานาพรรณ ที่ตื่นมายามเช้าให้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เขามองไปรอบ ๆ สวนหย่อม ที่มีบ้านไม้ยกสูงบันไดประมาณห้าขั้น หลังไม่ใหญ่ไม่เล็กมันยังคงถูกรักษาและดูแลเป็นอย่างดี หลังจากเขารบเร้าผู้เป็นย่าทำให้ ซึ่งช่วงหนึ่งของเขาได้เข้าไปพักอาศัย จนกระทั่งเขาต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ นับแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้เข้าไปอยู่อีกเลย แต่มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดประจำ พลันสายตากลับพึ่งสังเกตเห็นแสงไฟจากบ้านขนาดสองชั้น ถ้าชายหนุ่มคาดไม่ผิด เขาไม่ค่อยได้สังเกตว่ามีคนอาศัยอยู่ แต่เหมือนความทรงจำจะกลับมาอีกครั้ง สมัยที่เขาเป็นเด็ก ๆ จนกระทั่งเรียนมัธยม คนที่อาศัยอยู่บ้านหลังนั้นเคยมาทำงานให้ที่บ้านเขา และจำได้ว่าเคยมีประตูบานเล็ก ๆ อยู่ตรงสวนหย่อมหลังบ้านสีขาว ชายหนุ่มมักจะเดินเข้าออกไปเล่นกับลูก ๆ ของคนงานบ่อยครั้ง หลังจากลูก ๆ บ้านนั้นเรียนจบก็แยกย้ายและห่างหายกันไป ชายหนุ่มเห็นเงาคนเดินไปมาในบ้านหลังนั้น อยู่ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงก่อนแสงไฟในบ้านจะมืดมิดลง เหลือเพียงไฟที่เปิดทิ้งไว้ให้แสงสว่างหน้าบ้านเท่านั้น เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ที่สดใสของหลายคน รวมทั้งคนที่บ้านติดกับบ้านหมอปัณ เธอดีขึ้นจากเมื่อวานอย่างน้อยอาการปวดระบมก็เบาลง วันนี้จึงตั้งใจจะไปทำงานที่ร้านกาแฟ เพราะเมื่อวานเธอหยุดงานโดยไม่ได้โทรศัพท์ไปลา เหตุเพราะกระเป๋าเป้เธอไม่รู้หล่นหายตรงไหน ไม่รู้จะโดนไล่ออกหรือถูกตักเตือนไม่รู้ เวลาแปดโมงเช้า นภัสสรในชุดเสื้อยืดสวมทับด้วยเสื้อคลุมอีกตัวกางเกงยีนขายาว รองเท้าผ้าใบเตรียมตัวออกจากบ้าน “อ้าว ภัสจะไปทำงานแล้วเหรอลูก” แม่กานแก้วลงจากห้องนอนมาหยุดที่บันไดขั้นสุดท้าย “ค่ะแม่ ไม่รู้จะโดนไล่ออกหรือเปล่า หยุดเมื่อวานนี้ไม่ได้โทรศัพท์ไปบอกด้วย” เธอเอ่ยอย่างเป็นกังวลใจ “ทำไมหนูไม่โทรไปลาเขาละ” อาการคันคอทำให้ต้องไอ พร้อมมือที่ยกขึ้นทาบอก นภัสสรเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าประคองให้มานั่งที่โซฟา พร้อมมือลูบหลังของแม่ “ไปหาหมอไหมคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วง “โอ๊ย แค่ไอเองลูก ไม่ต้องหรอกจ้ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนพูดกับลูก มือก็ลูบศีรษะลูกเบา ๆ “แน่นะคะ” นภัสสรมองหน้าแม่ “จ้ะ แม่รู้ตัวเองดีภัสไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก” รอยยิ้มสดใสส่งให้ลูก ไม่อยากให้ลูกไม่สบายใจในเรื่องการเจ็บป่วยของตัวเอง “อื้อ หนูไปนะแม่อย่าลืมกินข้าวกินยาด้วยนะ” ก่อนพาตัวเองเดินออกจากบ้าน ช่วงสาย ๆ ของวันอาทิตย์ ระหว่างที่แม่กานแก้วเก็บกวาดเช็ดถูบ้านช่องอยู่นั้น รถตู้สีดำคันใหญ่ราคาน่าจะแพงลิบลิ่วแล่นมาจอดหน้าบ้าน เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ทำให้คนที่มัวแต่ทำงานบ้านเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย ใครกันกดออด แม่กานแก้วละมือจากงานบ้านออกมาหน้าบ้าน “สวัสดีค่ะ คุณต้องการมาพบใครคะ” แม่กานแก้วถามและมองหญิงชราผมขาวที่ถูกรวบดูเป็นระเบียบ แต่งตัวดูเป็นระเบียบ “คุณท่านมีธุระคุยกับคุณค่ะ” ป้านีคนสนิทบอกจุดประสงค์แก่เจ้าของบ้าน แม่กานแก้วกลัวเสียมารยาทจึงเปิดประตู เอ่ยชวนคนมาใหม่เข้ามานั่งในบ้าน ป้านีเดินเปิดประตูให้คุณย่าวิลาวรรณลงจากรถ ท่านยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งให้ “เชิญค่ะ” ก่อนเดินนำหน้าเชื้อเชิญแขกแปลกหน้าเข้าบ้านแบบงง ๆ หลังจากเจ้าของบ้านนำน้ำดื่มมาให้แขกที่มาใหม่ แม่กานแก้วก็นั่งโซฟาเดี่ยวข้าง ๆ ผู้สูงอายุทั้งสอง “บ้านยังสภาพไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนเมื่อสามสิบกว่าปีเลย สมัยนั้นเด็ก ๆ ซุกซนวิ่งข้ามประตูหลังสวนหย่อมเป็นให้วุ่น” พลางคิดถึงสมัยอดีตก็ทำให้คุณย่าวิลาวรรณถึงกับคลี่ยิ้ม “เห็นพวกน้า ๆ เคยเล่าให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ค่ะ ว่าคุณท่านใจดีมีเมตตา ดิฉันก็เพิ่งจะเคยเห็นท่านเต็มตาก็วันนี้ล่ะค่ะ” แม่กานแก้วยิ้ม “เอ่อ” คุณย่าวิลาวรรณหยุดเพียงแค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านชื่ออะไร “ดิฉันกานแก้วค่ะ เรียกแก้วก็ได้ค่ะ” เหมือนจะรู้ความคิดของแขก จึงแจ้งท่านทั้งสองได้ทราบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม