เว่ยอ๋อง พระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้ ถูกส่งไปเฝ้าดินแดนทางชายแดนเหนือ นับตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ทั้งยังมีส่วนร่วมในการผลักดันให้พี่ชายขึ้นนั่งบัลลังก์ได้สะดวก จากองค์ชายทั้งหลายที่คิดจะก่อกบฏ
“อืม แล้วเลือกได้แล้วหรือยัง” นางอยากจะรู้ว่าเว่ยอ๋องจะเลือกพี่สาวของนางเลยหรือไม่
“ก็งานในวันนี้อย่างไรเล่า จัดเพื่อให้เว่ยอ๋องได้ดูตัวสาวงาม”
“ข้ากลับจวนดีกว่า” เจียอีลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกจากศาลาไป พอได้ยินจุดประสงค์ที่จัดงานในวันนี้
“เดี๋ยว ประเดี๋ยวก่อน เจ้าคงไม่ซวยถูกเลือกกระมัง”
“ก็จริง ที่นั่งของเจ้าอยู่ด้านหลังใช่หรือไม่"
“ใช่ มีอันใด”
“ข้าย้ายไปนั่งกับเจ้าดีกว่า”
“มารดาเจ้าจะยอมรึ”
“ข้าจะบอกเหตุผลท่านแม่เอง”
ทั้งสองเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเรื่องคุณหนูจวนใดที่มีสิทธิ์จะได้แต่งเป็นพระชายาแทน ก่อนจะมีนางกำนัลมาเรียกเจียอีให้ไปพบไทเฮาที่ตำหนัก นางจึงได้แยกจากไป๋หรัน
เจียอีถูกพาไปที่ตำหนักวังหลัง ระหว่างทางเดินมีคนเดินสวนไปมาไม่น้อย เจียอีที่มัวแต่มองความงามของวังหลวงก็บังเอิญชนเข้ากับคนผู้หญิง
“โอ๊ยยย” นางเซหงายหลังเกือบที่จะล้มไปกองกับพื้น แต่ถูกคว้าโอบรอบเอวไว้ก่อนที่จึงมิได้ล้มลงไป
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทันทอง” นางรีบขอโทษ พร้อมทั้งดันตัวเขาออกมา
“เดินเยี่ยงไร ถึงมิได้ดูทาง” เจียอีเงยหน้าขึ้นไปมองบุรุษที่ตำหนินางเสียงเย็น
“เห้ยยย” นางตกใจถอยหลังหนี ด้วยรีบร้อนเกินไปจึงได้ล้มไปกองกับพื้นทันที
“อย่างไรกัน คุณหนูจวนใดถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้”
เจียอีถูกนางกำนัลพยุงลุกขึ้น นางรีบไปแอบอยู่ด้านหลังของนางกำนัลทันที ความกลัวพุ่งสูงจนเหงื่อซึมออกมาตามใบหน้าและแผ่นหลัง ใบหน้าของนางซีดขาวจนนางกำนัลต้องเข้าไปประคองนางไว้
“ขออภัยอีกรอบเพคะ” นางก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาสบสายตาของเขา
“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์กำลังทำให้คุณหนูมู่หวาดกลัวอยู่เพคะ” จางมามา นางกำนัลข้างกายของไทเฮาเอ่ยบอกเว่ยอ๋องที่กำลังจ้องมองเจียอีอยู่
“เหอะ เปิ่นหวางเป็นปีศาจหรืออย่างไร ถึงได้หวาดกลัวเสียจะเป็นลมเช่นนี้”
“หะ หามิได้เพคะ” เจียอีเอ่ยเสียงสั่นออกมา
เช่นนี้แล้วผู้ใดจะเชื่อว่านางไม่ได้กลัวเขา เว่ยอ๋องเดินอ้อมนางกำนัลไปหาเจียอีที่อยู่ด้านหลัง พร้อมทั้งก้มลงกระซิบข้างหูของนาง
“ครั้งนี้เปิ่นหวางจะมิเอาความ แต่ครั้งต่อไปไม่แน่หัวของเจ้าอาจจะหลุดจากบ่าหากมิระวังอีก”
เพียงแค่คำว่าหัวหลุดจากบ่า ภาพที่นางถูกม้าแยกร่างก็ปรากฏขึ้นมาทันที เจียอีตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว ก่อนที่นางจะหมดสติไปทันที
“คุณหนูมู่ ท่านอ๋องท่านพูดอันใดกับนางเพคะ” จางมามาเอ่ยถามด้วยความเอือมระอา
เนื้อแท้ของเว่ยอ๋องแท้จริงแล้วมิใช่คนโหดร้าย เรื่องนี้จางมามานางรู้ดี แต่เพราะความโหดร้ายของวังหลวงทำให้พระองค์จะอ่อนแอมิได้ ทั้งยังต้องคอยเป็นกำลังสำคัญให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชาย จึงได้แสดงนอกแต่ด้านที่ดุร้ายออกมา
“มิได้พูดอันใดเสียหน่อย จางมามารีบพานางไปตำหนักเสด็จย่าเถิด” เว่ยอ๋องลูบจมูกแก้เก้อ ไม่คิดว่าเพียงคำขู่เล็กน้อยนางจะถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลย
เว่ยอ๋องเดินตามนางกำนัลที่กำลังช่วยกันแบกร่างที่สลบไสลของเจียอีไปที่ตำหนักไทเฮา
“สวรรค์ อีอี เป็นอันใด” ไทเฮาลุกจากที่นั่งเดินมาดูเจียอีที่ถูกแบกมาด้วยตนเอง
“ท่านอ๋องเพคะ จะทรงเล่าเองหรือให้หม่อมฉันเล่า” จางมามาหันไปมองเว่ยอ๋องอย่างตำหนิ
คนในวังหลวงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าจะตำหนิเขา จางมามาเป็นหนึ่งในนั้น เพราะเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่น้อย
“พวกเจ้าออกไปก่อน” ไทเฮาเอ่ยปากไล่สตรีที่อยู่ในห้องโถงของนางให้ออกไปด้านนอกก่อน
“เพคะ/เพคะ” คุณหนูที่มาคารวะไทเฮาต่างมองที่เว่ยอ๋องตาเป็นประกาย
“ไปตามหมอหลวงมาดูอาการนาง ส่วนเจ้าตามแม่มา” ไทเฮาถลึงตามองบุตรชายตัวดี ที่ก่อเรื่องไม่เว้นวันตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าเมืองหลวง
เว่ยอ๋องนั่งลงด้านข้างของไทเฮา ทั้งเอ่ยเล่าในสิ่งที่เขาพูดออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับว่าเขามิได้ทำสิ่งใดผิด
“สวรรค์ เจ้านี่มัน!!! หากนางเป็นอันใดมาก แม่จะลงโทษเจ้า”
“เสด็จแม่ นางอ่อนแอเอง แล้วจะโทษหลานได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เหอะ” ไทเฮาหันหน้าหนีไปทางอื่น ด้วยไม่รู้จะตำหนิเขาเช่นไรแล้ว
หมอหลวงที่มาตรวจอาการของเจียอี เดินออกมาด้านนอก พร้อมกับจางมามา
“คุณหนูมู่ มิได้เป็นอันใดมากพ่ะย่ะค่ะ นางเพียงแต่ตกใจจนหมดสติพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจัดเทียบยาให้นางแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามาก จางมามาส่งหมอชุยด้วย” ไทเฮาโบกมือให้หมอหลวงออกไป
“หากหมดเรื่องแล้ว หลานขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอ๋องเตรียมจะลุกขึ้นเพื่อออกไปด้านนอก
“ยังไปไม่ได้ อยู่รอจนกว่านางจะฟื้น” ไทเฮาชี้มือให้บุตรชายนั่งลง
“โถ่ เสด็จแม่ หากนางฟื้นขึ้นมาเห็นลูก ไม่ตกใจจนตายเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เจ้า!!! เช่นนั้นไปดูนาง ก่อนที่จะออกไป ไม่ต้องเอ่ยแล้ว ไป!!!” ไทเฮานั่งกุมขมับ
เว่ยอ๋องจำต้องเดินเข้าไปดูเจียอีที่อยู่ในห้องอย่างเสียมิได้ เขาเห็นนางนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงนาง
“จะแสร้งหลับเพื่ออันใด ฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นเสีย”
เจียอีเมื่อได้ยินเสียงของเว่ยอ๋อง นางก็อยากจะสลบต่อไปอีกสักรอบ แต่พอเห็นว่าเขามิเดินออกไปเสียที นางก็ค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมอง
“เห้ยยย” นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อใบหน้าของเว่ยอ๋องยื่นมามองนางใกล้ๆ จนเกือบจะชิดกันแล้ว
“หึ จะสลบอีกรอบเลยหรือไม่”
เจียอีลืมตามาจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ เว่ยอ๋องที่เห็นดวงตาคู่งามของนาง เขาก็ตกตะลึงไปชั่ววูบหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาเป็นเช่นเดิม
"ถ้าไม่เป็นอันใดแล้ว เปิ่นหวางขอตัว” เขารีบร้อนเดินออกจากห้องไปทันที
“เป็นบ้าอะไร” นางพึมพำขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะจับหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว
เจียอีนั่งกอดเข่าครุ่นคิดอยู่บนเตียง นางอยากจะหนีกลับจวนเสียตอนนี้เลย แต่ไม่รู้จะหาคำแก้ตัวใดที่จะหนีออกไปได้
“คุณหนูมู่ ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ” จางมามาเดินเข้ามาดูเจียอี
“เจ้าค่ะ รบกวนจางมามาแล้ว”
“หามิได้ หากไม่เป็นอันใดมากแล้ว มาเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดเจ้าค่ะ งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว”