เจียอีที่เห็นเรื่องราวต่างๆ นางยังคิดเลยว่าทนไปไม่อย่างไร หรือเพราะนางเกิดมาเป็นลูกคนเดียวจึงไม่ต้องแบ่งสิ่งของให้ใคร เลยไม่อยากจะทนมองความเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวของมู่เฟยหย่า
บิดาของมู่เจียอี เป็นรองเจ้ากรมพิธีการ นับว่ามีหน้ามีตาอยู่ไม่น้อย ภายหลังเมื่อฮูหยินสวีอายุมากเกินกว่าที่จะมีบุตรได้ นายท่านมู่จึงรับสาวใช้ข้างกายของฮูหยินมาเป็นสาวใช้ข้างห้อง เพื่อให้กำเนิดบุตรชายสืบสกุล และยกบุตรชายให้เป็นบุตรของสวีซื่อ
แต่ด้วยน้องชายที่มีอายุต่างจากพวกนางนับสิบปี จึงมิได้ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกันมากนัก
ภาพต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจนเข้าสู่วัยสาว หลังจากที่ปักปิ่นไปแล้ว มู่เฟยหย่าได้หมั้นหมายกับหวงเต๋อฟานบุตรชายท่านแม่ทัพใหญ่ ที่ตอนนั้นเป็นถึงรองแม่ทัพแล้ว
“อีอี เจ้าชอบพอผู้ใดแล้วหรือยัง” มู่เจียอีที่ทำท่าเขินอาย แม้แต่เจียอียังรับรู้ได้ว่านางคงมีคนในใจแล้ว เพียงแต่ใบหน้านั้นไม่ชัดจนเธอไม่รู้ว่ามีใบหน้าเช่นไร
“ยังเจ้าค่ะ ข้าอยากจะอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ไปอีกสักสองปี” แต่ตัวนางก็ยังเอ่ยปฏิเสธออกมา
“ดีเลยน้องรอง พอพี่ออกเรือนไปก็ยังมีเจ้าที่อยู่ดูแลท่านพ่อท่านแม่ หากจะรอพึงซวนเออร์ก็คงอีกนาน” มู่เฟยหย่าเห็นดีกับน้องสาวทันที
“เจ้าค่ะ” นางรับคำเสียงอ่อนเช่นเคย
เจียอีที่ทนฟังอยู่อยากจะร้องแหม...ออกมาดังๆ ตัวเองแต่งได้แต่น้องสาวห้ามแต่งหรือไง
ภาพเปลี่ยนไปตอนที่มู่เจียอีรีบร้อนไปหาพี่สาวที่เรือน หลังจากที่รู้ข่าวว่านางล้มป่วยหนัก
“พี่หญิงเหตุใดท่านถึงได้เป็นเช่นนี้” ใบหน้ามู่เฟยหย่าที่ไร้สีเลือดทำให้มู่เจียอีหลั่งน้ำตาออกมาอย่างปวดใจ
“อีอี พี่คงอยู่ได้อีกไม่นาน พี่มีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วย เจ้าต้องรับปากข้า”
“เรื่องใดเจ้าคะ” นางบีบมือพี่สาวแน่น
“ข้าอยากให้เจ้าแต่งเข้าตระกูลหวง เพื่อดูแลชุนเออร์แทนข้า”
“พี่หญิง!!! ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ขะ ข้าเลี้ยงอาชุนให้ได้ แต่จะให้แต่งเข้าตระกูลจ้าวคงไม่ดีนัก” เจียอีที่ฟังอยู่ถึงกับตกตะลึงนิ่งค้าง เธอได้แต่ภาวนาในใจ อย่ารับปากนะมู่เจียอี
“มิต้องจัดงานแต่ง เจ้าเข้ามาอยู่ในนามข้าเลย ข้ามิอยากให้ท่านพี่ แต่งสตรีอื่นเข้ามาในจวน ข้าไม่ไว้ใจผู้ใดให้มาดูแลอาชุน อีอี เจ้าต้องช่วยข้า” มู่เฟยหย่าไอจนเลือดออกมาไม่น้อย ยิ่งทำให้เจียอีตื่นตกใจจนรีบรับปากพี่สาวทันที
“ได้ ได้ ข้าจะเข้ามาอยู่ดูแลอาชุน ท่านพี่ท่านต้องรักษาตัวให้หายเล่า” นางยังคงหวังว่าเมื่อพี่สาวหายดีนางก็คงได้กลับไปใช้ชีวิตของนาง
เจียอีได้แต่กลอกตา ทำไมถึงได้หัวอ่อนยอมแม้แต่เรื่องคู่ชีวิตของตนเอง ถ้าหากเธอส่งเสียงโต้ตอบออกมาได้ จะโวยวายไม่ยินยอมอย่างแน่นอน
“ขอบใจเจ้ามากอีอี เช่นนั้นเจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่วันพรุ่งนี้เลย พี่จะย้ายกลับไปอยู่ที่จวนมู่แทนเจ้าเอง”
เฮ้ย มู่เจียอี เธอจะยอมใช้ตัวตนมู่เฟยหย่าไปทั้งชีวิตเหรอ แล้วนี่จะยอมมีป้ายหน้าหลุมศพแทนพี่สาวด้วย โอ๊ยยย จะบ้า
เจียอีได้แต่โวยวายอยู่ภายใต้จิตสำนึกเท่านั้น เธอยังต้องทนดูภาพเหตุการณ์ต่างๆ ต่อไป
“อยากตื่นแล้วโว้ยยยยย” เธอไม่เข้าใจว่านอนไปนานแค่ไหนถึงได้ฝันเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้
และดูเหมือนเหตุการณ์ตรงหน้าก็ยังไม่จบลงง่ายๆ เจียอียังได้เห็นเรื่องราวชีวิตของมู่เจียอีที่ต้องอยู่ในจวนตระกูลหวง
หลังจากที่นางเปลี่ยนตัวกับพี่สาวเข้ามา เพื่อไม่ให้ถูกพี่เขยจับได้ นางยังมิได้นอนร่วมห้องกับเขา โดยอ้างเรื่องที่นางป่วยจึงรอดพ้นไปได้
พออยู่ได้สามเดือนมู่เจียอีก็ต้องย้ายตามหวงเต๋อฟานไปประจำการที่ชายแดนเหนือ ระหว่างทางเขาจึงได้รู้เรื่องที่นางกับมู่เฟยหย่าเปลี่ยนตัวกัน
“ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่ง” หวงเต๋อฟาน เอ่ยเสียงเหยียบเย็นออกมา
จนมู่เจียอี อดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ นางจึงได้บอกเล่าความจริงเรื่องที่พี่สาวของนางป่วยหนักใกล้ตาย และขอให้นางเข้ามาเปลี่ยนตัวเพื่อจะได้อยู่ดูแลบุตรชายของนางต่อไป
“พี่หญิงกลัวว่าพี่เขยจะแต่งสตรีอื่นมาเป็นแม่เลี้ยงของอาชุนจึงให้ข้าเข้ามาสวมเป็นนางแทน แต่หากนางหายแล้ว นางจะกลับมาอยู่ข้างท่านเช่นเดิมแน่นอนเจ้าค่ะ” มู่เจียอีเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทา นางกลัวโทสะของพี่เขยไม่น้อย จึงได้ถอยห่างราวกับลูกกวางน้อยที่ตื่นกลัว
หวงเต๋อฟานได้ยินเช่นนั้นก็รีบร้อนควบม้าย้อนกลับเมืองหลวงไป โดยทิ้งมู่เจียอีกลับบุตรชายไว้ระหว่างทางกับทหารของเขา
นางหวาดกลัวจนไม่กล้าออกจากห้องพัก ด้วยไม่เคยเดินทางเพียงลำพังเช่นนี้ ทั้งยังไม่เคยเหยียบเท้าออกจากเมืองหลวงมาก่อน ได้แต่อยู่ดูแลอาชุนไม่ห่าง
เจียอีเห็นเรื่องราวของนางก็ได้แต่ถอนหายใจ เหตุใดสตรีแสนดีเช่นนี้ต้องเจอเรื่องอะไรก็ไม่รู้ หากเป็นเธอคงได้หนีกลับเมืองหลวง ไปบอกบิดามารดาแล้ว
เจ็ดวันให้หลังหวงเต๋อฟานจึงได้กลับมาหามู่เจียอี แล้วมองนางด้วยสายตาแปลกๆ ดูราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“พี่หญิงเป็นเช่นใดบ้างเจ้าคะ” นางเอ่ยถามออกมา เพราะรู้ดีว่าเขาคงกลับไปหาพี่สาวนาง
“ต่อจากนี้ไป เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ภรรยาข้าหวงเต๋อฟานเถิด”
“เพราะเหตุใด” นางเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่น้อย
“พี่สาวเจ้าตายไปแล้ว” แววตาของหวงเต๋อฟานแดงก่ำ ทั้งยังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
มู่เจียอีร่ำไห้ออกมาจนตัวโยน นางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นร้องออกมาจนแทบจะขาดใจ สายตาของหวงเต๋อฟานที่บอกมาทางนาง อดเห็นใจนางไม่น้อย เขาประคองนางขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
“พี่เขย ท่านพาข้ากลับไปหาพี่สาวได้หรือไม่” นางอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตาที่เต็มใบหน้า
“ไม่ได้ ข้าต้องรีบเดินทางแล้ว เจ้าเก็บของให้เรียบร้อย”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ต่อไปอย่าได้เรียกข้าว่าพี่เขยอีก” หวงเต๋อฟานช่วยนางเก็บของ ก่อนจะอุ้มบุตรชายแล้วเดินนำออกไปด้านนอก