ตอนที่ 6
เลขาฯ คนใหม่ที่รามัญกำลังจะตัดสินใจรับเธอเข้าทำงาน ถึงแม้ความสวยของเธอจะไม่ใช่ความสวยแบบสาวแรกรุ่น แต่มันก็เป็นความสวยที่มาพร้อมกับวุฒิภาวะ แววตาที่เด็ดเดี่ยวแต่ก็ยังคงมีความอ่อนโยน ทำให้เธอดูมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างปฏิเสธไม่ได้
“คุณคิดว่าจะไปทำงานกับผมได้มั้ย”
“ได้ค่ะ แต่ดิฉันขอเอารถไปเอง”
“คุณณัฐชา...ผมรับประกันกับคุณได้เลยว่าในการทำงานกับผม ความเคารพและขอบเขตความเป็นส่วนตัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” รามัญให้คำมั่น ดวงตาของเขาสื่อสารความจริงใจอย่างเต็มเปี่ยม
“ผมเข้าใจดีว่าคุณรู้สึกอย่างไร” เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดของเธอ
“ไม่มีปัญหา ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น ทางบริษัทสามารถให้คุณนำบิลค่าน้ำมันรถมาเบิกได้อยู่แล้ว” ถึงแม้จะยังไม่มีนโยบายนี้ แต่รามัญก็รีบเสนอทันที
“ขอบคุณค่ะ” รามัญจับจ้องสีหน้าของเธอ แววตาที่สั่นไหวเล็กน้อยนั้นไม่ได้หลุดรอดจากสายตาของเขาไปได้
“คุณณัฐชา” เขาเอ่ยชื่อเธอ
“คะ” รามัญยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มทำให้ใบหน้าเคร่งเครียดของเขาดูอบอุ่น
“ยินดีด้วยนะครับ” เขาเลื่อนใบสมัครและแฟ้มประวัติส่วนตัวของเธอมาตรงหน้า
“ผมตัดสินใจแล้วครับ คุณณัฐชา...ผมจะรับคุณเข้าทำงานในตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของผม”
“ขอบคุณมากค่ะคุณรามัญ!” ณัฐชากล่าวขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยความดีใจ
“คุณพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่ดีครับ”
“วันนี้หรือพรุ่งนี้ แล้วแต่คุณรามัญสะดวกเลยค่ะ”
“ผมอยากให้คุณเรียกผมว่า คุณราม ชื่อเล่นของผม”
“ก็ได้ค่ะ คุณราม” เขาจงใจให้ระยะห่างระหว่างเขากับเธอสั้นลง
“ในเรื่องการทำงาน คุณไม่ได้ต้องมีระเบียบแบบแผนอะไรมากนักหรอก ทุกอย่างเป็นกันเอง เพราะผมต้องการแค่ใครสักคนที่ไว้ใจได้จริงๆ ขอเพียงคุณซื่อสัตย์เพียงอย่างเดียวก็พอ” คำพูดที่ตรงไปตรงมาและอ่อนโยนอย่างไม่คาดคิดทำให้กำแพงในใจของณัฐชาพังทลายลง ณัฐชาพยักหน้าอย่างเข้าใจ หัวใจของเธอเหมือนถูกเขาปลุกขึ้นมา เมื่อเขามองเห็นคุณค่าในตัวเธอ การรับประกันจากผู้ชายที่ดูภูมิฐานและทรงอำนาจคนนี้ทำให้ณัฐชารู้สึกโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผมก็มีลูกสาวคนหนึ่งเหมือนกัน เธอกำลังจะเข้ามหาลัยปีนี้ น่าจะอ่อนกว่าลูกชายคุณสักสองสามปี” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง
“ลูกชายของฉันกำลังจะขึ้นปี 4 ค่ะ”
“คุณเริ่มงานกับผมวันนี้เลยนะ”
“ได้ค่ะ”
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่คุณต้องแจ้งคุณก่อน” รามัญกล่าวต่ออย่างเร่งรีบ ท่าทางเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันใด
“เร็ว ๆ นี้ผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อดูโครงการคอนโดที่เชียงใหม่ อาจใช้เวลาสองถึงสามวัน...และผมอยากให้คุณไปกับผม ช่วงนี้ผมจึงอยากให้คุณเรียนรู้งานให้เร็วที่สุด”
ณัฐชาพยักหน้ารับคำอย่างตั้งใจ แม้ในใจจะแอบกังวลเรื่องการเดินทางค้างคืน แต่เมื่อเห็นความจริงจังของรามัญแล้ว เธอก็พร้อมที่จะรับมือ
นับตั้งแต่วินาทีนั้น การสอนงานก็เริ่มขึ้นทันที ท่ามกลางเสียงฝนที่เริ่มโปรยปรายนอก รามัญพาณัฐชาไปยังตู้เก็บเอกสารสำคัญขนาดใหญ่ที่อยู่มุมห้อง ณัฐชาเริ่มทำความเข้าใจกับเอกสารกองโตและขั้นตอนการทำงานอันซับซ้อนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับยักษ์ใหญ่ รามัญอธิบายอย่างใจเย็น ช้า ๆ แต่ชัดเจน และเป็นมืออาชีพ ทำให้เธอรู้สึกทึ่งในความสามารถของเขาตลอดระยะเวลาที่เข้าทำงานมาสิบกว่าปี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ณัฐชาพบว่าเอกสารบางส่วนที่รามัญต้องการดูอย่างเร่งด่วนถูกเก็บไว้บนชั้นวางสูงสุด เธอคว้าเก้าอี้สำนักงานแบบมีล้อมาใช้เป็นบันได โดยไม่ทันคิดถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่ณัฐชากำลังเอื้อมมือขึ้นไปถึงแฟ้มที่ต้องการ ล้อของเก้าอี้เจ้ากรรมก็เกิดไถลบนพื้นหินอ่อนอย่างกะทันหัน! ร่างของเธอเสียหลัก โน้มเอียงไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาแห่งความตื่นตระหนก สายฝนที่กำลังตกอยู่ข้างนอกดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“ระวัง!”
เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยความตกใจดังขึ้นใกล้หู รามัญซึ่งกำลังตรวจสอบเอกสารอยู่ด้านล่างหันไปเห็นพอดี
“ว้าย!”
เสียงกรีดร้องของเธอดังขึ้น พร้อม ๆ กับการพุ่งตัวคว้าร่างของเธอด้วยสัญชาตญาณ มือหนาโอบเอวบางคอดกิ่วของเลขาฯ สาวเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มกระแทกพื้นอย่างหวุดหวิด
ร่างของณัฐชาอยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแรงของรามัญอย่างสมบูรณ์ เขาได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของเธอ ดวงตาของทั้งสองสบกันอย่างจังและลึกซึ้ง ท่ามกลางความใกล้ชิดที่เกินคาดคิด แววตาของรามัญไม่ได้มีเพียงความตกใจ แต่มีความห่วงใยและประกายแห่งความเสน่หาบางอย่างฉายชัดออกมา
ณัฐชารู้สึกได้ว่าแก้มของเธอเห่อร้อนด้วยความอับอายผสมกับความรู้สึกตกใจ มันยากที่จะอธิบาย
รามัญยังคงพยุงร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างบอบบางของเธอลงมาจากเก้าอี้ แล้วพาร่างของเธอไปวางลงบนโซฟาหนังอย่างแผ่วเบา
“คุณเป็นอะไรมากไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม มือหนาเอื้อมไปแตะเบา ๆ ที่ข้อเท้าของเธอ
“ฉัน...ไม่เป็นอะไรมากค่ะ” ณัฐชาตอบเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก
รามัญนั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วหยิบยานวดออกมาอย่างรวดเร็ว เขาบรรจงทายาและนวดเบา ๆ ที่ข้อเท้าให้เธออย่างทะนุถนอม การกระทำที่อ่อนโยนนี้ทำให้ณัฐชารู้สึกประทับใจเขา เธอรู้สึกว่าตนเองไม่ได้หนีเสือปะจระเข้อย่างที่คิด แต่กำลังเผชิญหน้ากับสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนจนแทบใจละลายต่างหาก
“เอาล่ะ...ถ้าคุณไม่เป็นอะไรมากแล้ว” รามัญลุกขึ้นยืน หลังจากช่วยดูแลข้อเท้าของเธอเสร็จ
“ผมว่าเราพักก่อนดีกว่า ผมจะพาคุณไปทานมื้อกลางวัน” ณัฐชาลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง แม้จะเจ็บข้อเท้าเล็กน้อย แต่ความอายที่ถูกโอบอุ้มเมื่อครู่ยังคงทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว
“รบกวนคุณรามหรือเปล่าคะ ถ้ายังไงฉันไปเองก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ รามัญยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มที่ทำให้ความหล่อคมคายของเขาดูอ่อนโยนจนใจของเธอเต้นแรง
“ผมยังคุยเรื่องงานกับคุณไม่จบ และผมมีร้านอาหารอร่อย ๆ อยากแนะนำคุณด้วย เผื่อวันหลังคุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทดสอบ เพราะแถว ๆ นี้ มันอร่อยอยู่ไม่กี่เจ้า” คำพูดของเขาฟังดูสมเหตุสมผล แต่แววตาที่จ้องมองเธอนั้นกลับมีประกายบางอย่างที่เกินเลยเรื่องงานไปมาก
“ก็ได้ค่ะ” สุดท้ายแล้วเลขาฯ สาว ก็ไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาดีของท่านประธานลงได้
สิ้นเสียง รามัญก็เดินนำเธอออกจากห้องทำงานไป ผ่านโถงทางเดินที่หรูหราไปยังลิฟต์ส่วนตัวที่นำลงสู่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ความสุภาพอ่อนโยนของรามัญทำให้หัวใจของณัฐชาเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาเดินช้าๆ และคอยดูอาการบาดเจ็บของเธอตลอดการเดินทาง
เมื่อมาถึงรถหรูสีดำที่จอดรออยู่ รามัญเดินอ้อมไปเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้เธอเข้าไปนั่งอย่างนุ่มนวล ณัฐชารู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นเลขาฯ ของเขาเลยสักนิด กับการดูแลอย่างดีและให้เกียรติของเขา เธอยอมรับในใจว่า ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนดูแลเธออย่างใส่ใจเท่านี้มาก่อน แม้กระทั่งแฟนคนแรกหรือแม้เจ้านายเก่าที่เคยตามจีบเธออย่างลุ่มล่าม
ในขณะที่รถเคลื่อนตัวออกไปสู่ถนนที่เปียกปอน ณัฐชาก็นั่งอยู่ข้างๆ รามัญด้วยความรู้สึกตื่นเต้น พร้อม ๆ กับความรู้สึกดีๆ ที่มันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว... ราวกับว่าการตกจากเก้าอี้เมื่อครู่ นั่นคือการตกสู่หลุมรักครั้งใหม่ที่เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้อีกแล้วในชีวิตนี้