กลับมาถึงบ้านขนมผิงก็เอาแต่จ้องรูปที่อังเปาส่งมาให้เธอดู ยิ่งดูก็ยิ่งหงุดหงิด
แต่จะไม่ให้เธอหงุดหงิดได้อย่างไรในเมื่อรูปนี้ทุกคนในกลุ่มสวยหมดยกเว้นเธอซึ่งกำลังเคี้ยวข้าวเหนียวหมูปิ้งอย่างเอร็ดอร่อย แก้มตุ่ยเป็นกระต่ายเคี้ยวหญ้าเชียว มิหนำซ้ำตอนนี้หลายคนยังแคปหน้าเธอแชร์ว่อนเต็มเน็ตไปหมดแม้ส่วนใหญ่จะบอกว่าน่ารัก แต่ก็มีบางคนที่บูลลี่เอาเธอไปล้อเลียนเป็นภาพตลก
“ไม่เห็นจะตลกเลย มองยังไงก็น่ารักว่าไหมริบบิ้น”
เสียงหวานติดหงุดหงิดเอ่ยกับตุ๊กตาหมีบนที่นอน
ก็อกๆ ก็อกๆ
ขณะกำลังจะเอนกายพักผ่อนเอาเรื่องไร้สาระออกจากสมองเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยเรียกชื่อเธอ
“ผิงลูก”
“ผิง นอนอยู่เหรอลูก”
“เปล่าค่ะแม่”
เอ่ยจบสาวน้อยก็รีบกระเด้งตัวลุกจากที่นอนลุกไปเปิดประตู ซึ่งทันทีที่เจอหน้าลูกสาวคนเป็นแม่ก็เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย
เธอมองลูกสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าก็อดถามไม่ได้
“ไปเอาชุดใครมาใส่เนี่ยยังกับชุดผู้ชายเลย”
ได้ยินแม่พูดเช่นนั้นคนที่ไม่เคยโกหกแม่อย่างเธอก็ได้แต่ทำตัวเลิ่กลั่กน่าสงสัย
“เมื่อคืนหนูไปนอนที่ไหนมา”
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุจ้องจับผิดลูกสาว เธอหันซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็รีบฉุดมือขนมผิงเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูล็อก
“อะไรคะแม่”
“มานี่เลยนะ”
รินดา แม่ของขนมผิงลากเธอไปนั่งที่เตียงนอน
“เมื่อคืนแม่ปล่อยให้หนูไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะเห็นว่าเพิ่งสอบเสร็จและสาวๆ ก็ไว้ใจได้ นี่หนูคงไม่ได้ไปเหลวไหลที่ไหนใช่ไหม”
ขนมผิงรีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธ
“ไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะคะ ผิงไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างนั้น”
“ก็แล้วไป...ยังไม่ได้บุบสลายแน่นะลูก”
“แม่! ยังสิคะแม่ให้มายังไงก็ยังอยู่ครบค่ะ”
“เฮ้อโล่งอก เอาจริงหนูก็โตแล้วเรื่องแบบนี้แม่รู้ว่าลูกแม่ตัดสินใจได้ แต่อย่าลืมนะว่าหนูมีคู่หมั้นแล้วทำอะไรระวังหน่อยนะ อย่าปล่อยให้คนอื่นมาว่าเราได้”
“ค่ะแม่ หนูจะไม่ทำให้ตระกูลเราเสื่อมเสียแน่นอน”
“ใครบอกว่าแม่กลัวตระกูลเสื่อมเสียล่ะ ที่แม่กลัวคือหนูเสื่อมเสียต่างหาก ปากชาวบ้านเราห้ามไม่ได้หรอกนะลูกและถ้าโดนพูดถึงในทางแบบนั้นแม่ก็กลัวลูกรับไม่ไหว”
“ผิงไม่คิดมากหรอกค่ะ แต่เมื่อคืนผิงขอโทษนะคะที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวดื่มจนเมา” ขนมผิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
ปกติเวลาไปดื่มหรือสังสรรค์กับเพื่อนเธอมักรู้ลิมิตตัวเองดีว่าดื่มได้แค่ไหนเพื่อไม่ให้ตัวเองเมา แต่ทว่าเมื่อวานเธอกลับมีเรื่องกลุ้มใจคิดวนแต่เรื่องอาทิตย์ที่เขาเริ่มทำให้เธอไม่แน่ใจแล้วว่าสำหรับเขาเธออยู่ในสถานะใดกันแน่...
ซึ่งนั่นทำให้เธอเผลอดื่มเยอะไปหน่อยจนเมาไม่รู้สึกตัว
“ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อคืนผิงมือหนักจนดื่มเยอะไปหน่อย รุ่นพี่ที่รู้จักก็เลยพาผิงกลับ...”
“กลับ?”
“กลับบ้านพี่เขา...” ช่วงท้ายเธอแผ่วเสียงลงแต่ก็ดังพอให้แม่เธอได้ยิน
“ว่าไงนะ! แล้วรุ่นพี่ที่ว่าไม่ใช่ผู้หญิงใช่ไหม”
สิ้นเสียงถามขนมผิงก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ หลับตาปี๋ด้วยความกลัวจะถูกแม่ตี แต่เมื่อเห็นว่าผ่านไปสักพักแล้วคนตรงหน้ายังเงียบเธอจึงค่อยๆ แง้มตาขึ้นก็เห็นแม่เธอกำลังสูดลมหายใจเข้าออกเหมือนพยายามข่มอารมณ์อยู่
“แม่โกรธผิงเหรอ”
“ผิงรู้ใช่ไหมว่าทำแบบเมื่อคืนมันอันตราย”
“รู้ค่ะ”
“แล้วรู้ใช่ไหมว่าเมื่อหนูบอกแม่แล้ว แม่อาจจะไม่ให้หนูไปเที่ยวแบบนี้อีก”
ขนมผิงพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง แต่ทำไงได้เธอดันโกหกไม่เป็นและเธอรู้ดีว่าหากโกหกยังไงแม่เธอก็จับได้ ซึ่งหากแม่มารู้ทีหลังเธออาจจะโดนหนักกว่าถูกห้ามสั่งเที่ยวก็ได้
“ผิงขอโทษค่ะที่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย”
“เอาล่ะรอบนี้หนูยังโชคดีที่ปลอดภัย แต่แน่ใจนะว่ารุ่นพี่คนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรหนู”
“ไม่แน่นอนค่ะ พี่เดย์เป็นคนดีนะคะ”
“ชื่อเดย์เหรอ?”
“ค่ะ พี่เดย์เป็นเพื่อนสนิทของพี่โยธาแฟนของนะโม”
“แล้วเขาชอบหนูเหรอ”
ขนมผิงรีบส่ายหัวปฏิเสธอย่างไว “ไม่ได้ชอบค่ะ พี่เดย์เห็นผิงเป็นแค่รุ่นน้องคนหนึ่งเท่านั้น”
“ลูกมั่นใจได้ไงว่าเขาคิดแค่นั้น”
“ก็พี่เดย์รู้อยู่แล้วนี่คะว่าผิงมีคู่หมั้นแถมพี่เขายังรู้จักกับพี่อาทิตย์ด้วย รู้อย่างนี้แล้วเขายังจะชอบผิงอีกเหรอคะ”
“รู้จักกับตาอาทิตย์ด้วยเหรอ?”
“ค่ะ บ้านพี่เดย์อยู่ติดกับบ้านพี่อาทิตย์ทั้งสองคนเป็นเพื่อนบ้านกัน” เป็นอีกครั้งที่แม่ของขนมผิงนิ่งชะงักไป
“นี่ลูกกำลังจะบอกแม่ว่าหนูเพิ่งไปนอนบ้านของเพื่อนบ้านตาอาทิตย์มาเนี่ยนะ?”
“ค่ะ” เด็กตาใสเอ่ยตอบอย่างไม่ได้คิดอะไร
“เฮ้อ….ลูกฉัน”
รินดาแทบจะนั่งกุมขมับหลังจากได้ยินเรื่องราวที่ลูกสาวเล่า เธอค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เดียงสาแต่ก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ลูกสาวคนโตของเธอถึงได้เกิดมาใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่งกว่าผ้าขาวนัก
“เอาล่ะรุ่นพี่คนนี้เป็นคนดีก็โอเค แต่หนูรักษาระยะห่างหน่อยก็ดีนะลูกถ้าบ้านตาอาทิตย์รู้เข้าว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหนูจะถูกมองไม่ดีเอานะ”
“ผิงกับพี่เดย์ไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อยนะคะ แถมคุณลุงวิษณุก็อยู่ด้วย”
“ใครเหรอลูก”
“พ่อพี่เดย์ค่ะ ท่านใจดีมากเลยนะคะ เจอกันครั้งแรกท่านก็เลี้ยงทาโกะยากิผิง เจอกันอีกครั้งท่านยังให้ขนมเค้กผิงมาด้วย ใจดีกว่าคุณพ่อเยอะเลยค่ะ”
ประโยคท้ายเธอแอบกระซิบเสียงเบาเพราะกลัวคนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างจะได้ยิน
“แม่จะฟ้องพ่อว่าหนูชมคนอื่นใจดีกว่าพ่อ”
“อย่านะคะ ผิงกลัวคุณพ่อจะตาย”
“โตขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกกลัวพ่อเราอีกเหรอหื้ม”
“ก็คุณพ่อไม่ค่อยยิ้มนี่คะ แถมเวลาพูดยังใช้น้ำเสียงน่ากลัวด้วย”
“พ่อเราเขาก็เป็นคนแบบนั้นแหละ ไม่ได้อ่อนหวาน ไม่ได้โรแมนติก แต่เขารักพวกเรามากเลยนะลองใครทำผิงเจ็บสิเขาได้เอาคนนั้นตายแน่”
“ก็จริงค่ะ ผิงยังจำได้อยู่เลยว่าตอนเด็กคุณพ่อเคยไปจัดการเด็กผู้ชายที่แกล้งผิงจนร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่กล้าแกล้งผิงอีก”
“ใช่ไหมล่ะ พ่อของลูกน่ะดีที่สุดแล้ว” ผู้เป็นแม่เอ่ยชมสามีตัวเองด้วยแววตาประกายมีความสุขจนขนมผิงอมยิ้มตาม
“ว่างๆ หนูก็ลองชวนรุ่นพี่คนนี้มาที่บ้านเราดูนะ แม่อยากเจอ”
“ได้สิคะ วันนี้พี่เดย์ก็ให้ผิงเอารถกลับมาบ้าน”
“แม่กำลังจะถามพอดีว่าหนูขับรถใครกลับมา”
“เห็นไหมล่ะคะว่าพี่เดย์ใจดี” คนพูดเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มต่างจากผู้เป็นแม่ที่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
“ช่วงนี้หนูกับตาอาทิตย์เป็นยังไงบ้างพี่เขาดีกับหนูไหม”
ขนมผิงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะฝืนยิ้ม “ก็ดีค่ะ ดีเหมือนเดิม..”
“ผิงยังอยากหมั้นกับอาทิตย์ไหมลูก” จู่ๆ รินดาก็เอ่ยขึ้นทำให้ขนมผิงที่กำลังก้มหน้ารีบเงยหน้ามองผู้เป็นแม่
“ทำไมจู่ๆ แม่ถึงถามล่ะคะ”
“แม่แค่รู้สึกว่าลูกแม่ดูไม่มีความสุขกับคู่หมั้นคนนี้เลย แม่ดูออกนะผิง”
“ไม่ใช่ว่าผิงไม่อยากหมั้นนะคะ แต่ผิงแค่รู้สึกว่าพี่อาทิตย์ต่างหากที่ไม่อยากหมั้นกับผิง”
“อาทิตย์เขาทำอะไรให้หนูเสียใจหรือเปล่าลูก”
“เปล่าค่ะ แต่ผิงแค่รู้สึกว่าพี่อาทิตย์เหมือนมีกำแพงกับผิง ผิงเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันขอเวลาผิงอีกสักพักได้ไหมคะ”
“แล้วแต่ลูกจะเลือกเลย แม้ลูกกับตาอาทิตย์จะมีสัญญาหมั้นหมายกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่แต่ถ้าเขาทำให้ลูกแม่ไม่มีความสุขแม่ก็พร้อมปกป้องลูกแม่เหมือนกัน”
“ขอบคุณนะคะแม่” ว่าจบเด็กสาวตัวน้อยก็โผเข้าไปในอ้อมกอดแสนอบอุ่นของแม่เธอ