ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาลมา ลันล์ลลิตก็รีบโทรศัพท์หาสามีในทันที อยากบอกให้เขารีบกลับบ้านเพราะเธอมีเรื่องสำคัญที่จะต้องแจ้งให้เขาทราบ
"ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ ลันล์แค่จะโทรมาบอกว่าเย็นนี้กลับมาทานข้าวที่บ้านด้วยนะคะ ลันล์มีอะไรจะเซอร์ไพรซ์"
"พอดีฉันมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย จะพยายามไม่กลับดึกก็แล้วกัน"
"ค่ะ กลับมาให้ได้นะคะลันล์จะรอ พี่ภัทรอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ลันล์จะได้ทำไว้ให้"
"อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ใช่คนยุ่งยากกับเรื่องกินเรื่องอยู่"
"โอเค ลันล์จะรอนะคะ คิดถึงนะคะ ลันล์รักพี่ภัทรที่สุดเลย"
เป็นคำทิ้งทวนก่อนที่สายโทรศัพท์จะถูกวางสายไป
คณาภัทรถึงกับต้องเผลอยิ้มออกมาอย่าลืมตัวเช่นกัน
"เมียแกโทรมาตามเหรอหรือใคร?"
"ลันล์ครับแม่ เย็นนี้ผมต้องรีบกลับบ้าน แต่ตอนนี้ผมต้องรีบไปหาญาดาเขาก่อน เขาเพิ่งโทรมาบอกผมเหมือนกันว่าเขาอยู่โรงพยาบาล คงจะไปหาหมอตรวจครรภ์กลัวเราจะไม่เชื่อแน่ ๆ ครับแม่"
"งั้นแกก็รีบไปเถอะ ไปคุยกับมันให้มันรู้เรื่องนะ อย่าให้เรื่องนี้มันบานปลายใหญ่โต รู้กันแค่เรายิ่งดีที่สุด อย่าให้ไปถึงหูฝั่งนั้นเด็ดขาด!"
"ครับแม่ ผมจะพยายาม ถ้าผมจัดการไม่ได้ ผมคงต้องรบกวนแม่นะครับ"
คุณอมรรัตน์พยักหน้าให้กับลูกชายเบา ๆ ถึงลูกชายของนางจะเป็นคนหัวดื้อรั้นไปนิด แต่สุดท้ายก็ยังเชื่อฟังพ่อแม่มากกว่าอยู่ดีและตอนนี้คงจะรับรู้แล้วว่าสิ่งที่พ่อกับแม่เลือกให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตจริง ๆ นางอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เลย สายตาจ้องมองตามแผ่นหลังของลูกชายที่กำลังเดินหายลับออกจากประตูบ้านไป ก่อนจะหันหน้ากลับมามองสามีที่นั่งถอนหายใจอยู่ข้างกายนั้นอีกครั้ง
"อย่างน้อยตาภัทรมันก็เชื่อฟังเราอยู่นะคะคุณ"
"ผมก็หวังว่าทุกอย่างมันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคุณรัตน์ ผมไม่อยากมีปัญหากับบ้านนั้น ทุกอย่างอุตส่าห์ดีขึ้นมาแล้วแท้ ๆ ไม่มีลูกสะใภ้คนไหนดีเท่าหนูลันล์อีกแล้วคุณก็รู้ ตั้งแต่ได้หนูลันล์มาเป็นลูกสะใภ้อะไร ๆ มันก็ดีไปหมด เพราะตระกูลของเขาเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ครอบครัวของเราก็เลยได้ผลพลอยได้ไปตาม ๆ กันแบบนี้ หวังว่าลูกชายคุณมันจะไม่ทำให้เราผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก"
"ฉันว่าคงไม่หรอกค่ะ ตาภัทรมันคงเริ่มชอบหนูลันล์เริ่มรักหนูลันล์ขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะฉันว่า ก็ดูจากวันนี้สิ ปกติมันจะทะเลาะกับฉันจนคอเป็นเอ็นถ้าฉันแตะต้องผู้หญิงคนนั้น แต่วันนี้ก่อนที่มันจะเดินจากไปคุณก็เห็นว่ามันบอกว่าถ้ามันจัดการไม่ได้ มันจะให้ฉันเป็นคนจัดการเอง อย่าคิดมากไปเลยค่ะ มันไม่มีอะไรที่ร้ายแรงเกิดขึ้นหรอก เราต้องจัดการปัญหานี้ได้ฉันเชื่อแบบนั้น"
คุณไพศาลได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ให้กับภรรยา ก่อนจะหยิบยกหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่ออีกครั้ง ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกเลยหลังจากนั้น
ภายในรถยนต์คันหรู
แผ่นกระดาษสีขาวในมือของญาดาถูกยื่นส่งให้ตรงหน้าของคณาภัทร เป็นใบรับรองแพทย์ที่แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์ไม่ใช่แค่สิ่งที่เธอกล่าวอ้างออกมาเพียงเท่านั้น
คณาภัทรหมองจ้องกระดาษในมือ เขาไม่ได้รู้สึกยินดีแต่กลับรู้สึกหนักใจกับสิ่งที่ต้องแก้ปัญหาหลังจากนี้ เพราะไม่รู้ว่าญาดาจะยอมรับกับข้อเสนอที่เขากำลังจะหยิบยื่นให้กับเธอหรือเปล่า
"ดาขอโทษนะคะที่เมื่อเช้าโมโหคุณไปหน่อย เพราะฮอร์โมนคนท้องบางครั้งดาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ภัทรอย่าโกรธดาเลยนะคะ"
หญิงสาวซบหน้าลงบนท่อนแขนของชายหนุ่มออดอ้อนออเซาะเหมือนทุกครั้งที่ชอบทำ
"ผมมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย เอาไว้ไปถึงห้องเดี๋ยวผมค่อยคุยกับดาก็แล้วกัน"
"แต่ก่อนกลับไปคอนโด เราไปกินข้าวในห้างแถวนี้กันหน่อยไหมคะ?"
"ได้สิ ดาอยากกินอะไรคิดไว้เลยนะ วันนี้ผมต้องรีบกลับบ้านด้วยมีธุระด่วนต้องไปจัดการอีก"
"แหม...วันนี้อุตส่าห์เป็นวันที่ดีของเราสองคนนะคะ ภัทรกำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะ ไม่อยู่ใช้เวลาด้วยกันคืนนี้หน่อยเหรอคะภัทร ดาอยากอยู่กับคุณ"
คณาภัทรไม่พูดโต้ตอบอะไรกลับ เขาสตาร์ทรถก่อนจะขับเคลื่อนออกจากที่จอดรถของโรงพยาบาลไป ภายในหัวครุ่นคิดกับสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดกับญาดา ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน ไม่รู้ว่าควรจะหาคำพูดไหนมาพูดให้อีกคนต้องเออออและเห็นด้วย
ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที คนทั้งคู่ก็มาถึงยังห้างสรรพสินค้า ทันทีที่จอดรถได้ ญาดาก็รีบเดินลงจากรถเดินอ้อมไปคล้องแขนของเขาอย่างแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่คณาภัทรกลับแกะมือของหญิงสาวออกอย่างเร็ว
"มันอยู่ในที่สาธารณะนะดา เราไม่ควรทำแบบนี้"
ญาดาถึงกับมีสีหน้าที่บึ้งตึงใส่ ไม่พอใจที่คณาภัทรทำตัวเหินห่างออกจากตัวเองแบบนี้
"ช่างสิคะ ตอนนี้ดาเป็นแม่ของลูกคุณนะ ใครจะมองยังไงก็ช่างสิ เพราะอีกไม่นานคนอื่นเขาก็จะรู้เรื่องของเราอยู่ดี"
"ถ้าดาพูดไม่รู้เรื่องผมจะไม่เข้าไปกินข้าวด้วยแล้วนะ"
"ทำไมคะภัทร ทำไมคุณต้องแคร์สังคมจอมปลอมแบบนี้ด้วย คุณรักดาไม่ใช่เหรอ คนรักกันเขาก็ต้องแสดงออกโดยไม่ต้องแคร์สายตาของคนอื่นที่มองมาสิ"
"แต่ผมแต่งงานแล้วนะดา ผมมีภรรยาอยู่แล้ว คนทั้งประเทศเขารับรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายโสด ผมกลัวว่าดาจะเสียหาย"
"กลัวว่าดาจะเสียหาย หรือว่ากลัวเมียที่บ้านจะไม่พอใจกันแน่คะ?"
"อย่ามาชวนผมทะเลาะนะดา ตกลงคุณจะไปกินข้าวไหมหรือจะกลับเลย?"
"โอเค! โอเคคะ เดินใครเดินมันก็ได้ ไม่จับแขน ไม่แตะต้องตัวก็ได้ แต่ตอนนี้ดาหิว ลูกในท้องดาก็หิวด้วย คุณหมอบอกว่าภัทรต้องเอาใจดาให้มาก ๆ นะคะ"
สุดท้ายคณาภัทรเดินนำหน้าของญาดาไปก่อนและหญิงสาวก็เดินตามหลังเขาไปติด ๆ อย่างไม่สบอารมณ์
ยังไม่ทันที่จะพ้นอาคารจอดรถเดินเข้าไปในห้างด้วยซ้ำ เป็นเหมือนวันโลกาวินาศของคณาภัทรอีกหน เมื่อลันล์ลลิตที่เพิ่งจะชอปปิ้งเสร็จ เธอกำลังเดินออกมาเพื่อจะไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
ต่างคนต่างนิ่งอึ้ง หญิงสาวมองจับจ้องหน้าของสามี ความดีใจที่มีก่อนหน้า กลับหายสิ้นไปหมดเมื่อเห็นว่าสามีเดินมากับผู้หญิงของเขา คนที่เขามักหายไปอยู่ด้วยบ่อย ๆ แถมผู้หญิงคนนั้นก็กำลังยิ้มเยาะให้กับเธอ
"ลันล์...มาทำอะไรที่นี่น่ะ ฉันคิดว่าเธออยู่บ้านซะอีก" คณาภัทรถามขึ้น สีหน้าของเขาดูกังวลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นสีหน้าที่ดูเจื่อนแทนรอยยิ้มที่เคยสดใส ใจเขาก็ยิ่งไหววูบ
"ลันล์มาซื้อของค่ะ กำลังจะกลับไปทำอาหารที่บ้าน พี่ภัทรละคะมาทำอะไรที่นี่?"
"ภัทรก็พาฉันมากินข้าว เพราะว่าฉันหิวข้าวแล้วก็วันนี้..."
ไม่ทันที่ญาดาจะได้พูดต่อ คณาภัทรหันไปมองจ้องหน้าตาเขม็ง จนหญิงสาวต้องหยุดชะงักคำพูดของตัวเองเอาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับไปมองภรรยาของตัวเอง
ลันล์ลลิตไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกแบบไหนในเวลานี้ ไม่คิดเลยสักนิดว่าจะมาพบเจอกับสามีที่นี่เวลานี้ได้ นึกว่าอีกคนจะอยู่ที่ทำงานหรือไม่ก็ติดธุระสำคัญที่ไหนสักแห่งและเธอยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธออยากเซอร์ไพรส์เขาในค่ำคืนนี้มันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า เพราะรู้ดีว่าถ้าหากคณาภัทรอยู่กับผู้หญิงคนนี้ เขาอาจจะกลับดึกมากหรือไม่ก็อาจจะไม่กลับเลย
"เชิญตามสบายเลยค่ะ ลันล์จะกลับบ้านแล้วพอดี" ลันล์ลลิตไม่อยากโต้เถียง ไม่อยากชวนเขาทะเลาะอยู่ในที่สาธารณะให้ต้องอับอายผู้คน เธอจึงเลือกที่จะเป็นคนเดินจากไปจากตรงนี้เอง
เพียงแค่ก้าวเท้าออกไปได้ไม่ถึงครึ่ง ฝ่ามือหนาก็จับคว้าท่อนแขนของเธอเอาไว้ หญิงสาวหันกลับไปมองหน้าของสามีอีกครั้ง ดวงตาที่สบประสานกัน ต่างคนก็ต่างความรู้สึก แต่สำหรับลันล์ลลิตมันคือความเสียใจที่บอกกับใครไม่ได้เลยจริง ๆ
"เย็นนี้ฉันจะรีบกลับ ฉันไม่ลืมสัญญาหรอกนะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เหมือนกับว่ามีเพียงเธอและเขาที่อยู่ตรงนี้ ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่พอใจมากจนแทบอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ
"ค่ะ ลันล์ไปได้หรือยังคะ?"
"อืม...ขับรถกลับบ้านดี ๆ ล่ะ เอาไว้เจอกันที่บ้านตอนเย็น"
ฝ่ามือหนาค่อย ๆ คลายมือออกจากการเกาะกุมและปล่อยให้หญิงสาวได้เดินจากไป สายตาคมมองจ้องตามหลังไปจนรถของภรรยาขับออกไปจากช่องที่จอดอยู่
"ทำไมไม่ชวนภรรยาไปทานข้าวร่วมแสดงความยินดีกับเราด้วยล่ะคะภัทร?"
คณาภัทรหันหน้ากลับไปมองคนที่ถามพร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจใส่อีกครั้ง
"คิดจะทำอะไรก็ให้มันอยู่ในขอบเขตของตัวเองบ้างก็ดีนะดา แต่ก่อนดาเป็นคนน่ารัก เป็นคนพูดจารู้เรื่องมากกว่านี้ ดารู้ไหมว่าทุกวันนี้ดาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน?"
"ดาเปลี่ยนเหรอคะ เพราะคุณต่างหากที่ทำให้ดาต้องเป็นแบบนี้ คุณเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมนะคะภัทร จนดากลัวไปหมดว่าคุณจะทิ้งดา ไม่รักดาแล้วเพราะหัวใจคุณมันกำลังหลงรักเมียแต่งไปแล้วแบบนี้ไง!"
"สรุป จะชวนทะเลาะให้ได้เลยใช่ไหมฮะ ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้วข้าวน่ะ จะให้ไปส่งไหมหรือต้องกลับเอง?"
พอเห็นสีหน้าและท่าทางที่เอาจริงของคณาภัทร ญาดาก็เริ่มที่จะอ่อนลงอีกครั้ง เพราะวันนี้เธอจะไม่ยอมปล่อยให้เขาต้องได้กลับบ้านไปหาเมีย เธอจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาต้องอยู่กับเธอได้ทั้งคืน
ก่อนจะแสร้งบีบน้ำตาให้เขาได้เห็นอีกครั้ง จากที่รู้สึกโมโหเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นใจอ่อนให้ญาดาขึ้นมาอีกจนได้
"ดาขอโทษนะคะ ดางี่เง่าเอาแต่ใจตัวเองจนเกินไปภัทรเลยรำคาญดาแบบนี้ อย่าเพิ่งโกรธดาเลยนะคะภัทร ดาจะไม่ทำตัวให้คุณต้องอึดอัดใจอีกแล้ว ดาขอนั่งทานข้าวกับคุณสักมื้อนะคะ หลังจากนั้นคุณจะกลับบ้านดาก็จะไม่รั้งคุณไว้"
"อืม..อย่าร้องไห้สิ ดาก็รู้ว่าผมแพ้น้ำตาผู้หญิง"
ฝ่ามือหนายกขึ้น ปาดเช็ดหยาดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มออกให้อย่างเบามือ เขาเองก็อยากอยู่เคลียร์กับเธอให้มันได้บทสรุปสุดท้ายเหมือนกัน สุดท้ายแล้วก็เดินนำหน้าหญิงสาวเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้านั้นอีกครั้ง ญาดาที่ยิ้มเยาะด้วยความพอใจและรีบสาวเท้าเดินตามหลังเขาเข้าไปติด ๆ