บทที่ 5 วัดใจ 5

725 คำ
มธุมาสขับรถมาตามที่กัญจน์นัดไว้ ก่อนขึ้นไปที่ห้องเขา เธอแวะดูห้องตัวเองก่อน ตั้งแต่ได้รับเอกสารหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดพร้อมคีย์การ์ด เธอก็ยัดมันไว้ในคอนโซลรถมาตลอด ยังไม่มีโอกาสได้มาดูสักครั้ง จึงถือโอกาสนี้สำรวจไปในตัวเลยก็แล้วกัน พอแตะคีย์การ์ดเปิดประตูห้องปุ๊บ มธุมาสก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจกับขนาดห้องที่กว้างขวางราว 300 กว่าตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดของเพนต์เฮาส์ ภายในตกแต่งอย่างหรูหรามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมอยู่ บนชั้นสองเป็นห้องนอนโอ่งโถงขนาดสองห้องนอน ห้องน้ำก็เป็นแบบที่เธอชื่นชอบมีอ่างน้ำวนให้เธอเหยียดกายนอนแช่ได้เต็มที่ แถมยังมีพื้นที่สวนด้านข้างให้พักผ่อนหย่อนใจมองวิวสวยๆ ของกรุงเทพฯ จากที่สูงได้แบบ 360 องศาอีกด้วย เขาใจป้ำขนาดนี้เชียว? ลองประเมินด้วยสายตาราคาเพนต์เฮาส์ระดับนี้ แถมยังอยู่ในย่านเศรษฐกิจซึ่งที่ดินแพงหูฉี่ จะซื้อได้ก็ต้องมีเงินเหลือเฟือในกระเป๋าไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้านบาทนั่นแหละ มธุมาสฉีกยิ้มเมื่อลองคำนวณจำนวนเงินคร่าวๆ หากสามารถขายเพนต์เฮาส์ห้องนี้ได้ มันน่าจะมากพอให้บริษัทของเธอผ่านพ้นวิกฤตไปได้สักระยะ เจ้าของร่างบอบบางเดินมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาเบดนำเข้า เริ่มเบาใจลงบ้างเมื่อเห็นลู่ทางไปต่อ ก่อนที่หนังตาจะเริ่มหย่อนเพราะความนุ่มนิ่มนอนสบายของเบาะที่ทำจากขนสัตว์เนื้อนุ่ม ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานแค่ไหน ตราบจนได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือแผดเสียงลั่น มธุมาสปรือตารับสายอย่างงัวเงีย “ฮัสโหล” “เธออยู่ที่ไหน” เสียงแข็งๆ ติดเย็นชาที่ลอยมากระทบโสตประสาทหู ทำให้เธอตาสว่างทันที “ฉันอยู่ที่ห้อง” “รีบขึ้นมา” เขาสั่งเสียงห้วนแล้ววางสาย มธุมาสเม้มริมฝีปากอย่างเข่นเขี้ยว อยากเขวี้ยงโทรศัพท์ระบายความโมโหนัก แต่ก็เสียดายเพราะนี่มันของเธอ เรื่องอะไรจะทำของตัวเองเจ๊งเพราะเขาด้วยล่ะ เธอลุกขึ้นเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นตื่นตัว ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดซึ่งเป็นที่พักเพียงชั้นเดียวห้องเดียวของกัญจน์ เคาะประตูสองทีแล้วเปิดเข้าไปเมื่อพบว่ามันได้ไม่ล็อก ภายในห้องรับแขกที่โล่งกว้างกรุด้วยกระจกสีชารอบทิศ มีร่างกายสูงสง่าของเจ้าของห้องนั่งเหยียดแขนกางขาอยู่ราวกับเป็นมาเฟียชั้นสูง “เธอมีธุระอะไรกับฉัน” เขากระตุกยิ้มเยาะทั้งๆ ที่รู้ดีแก่ใจ ทำให้มธุมาสไม่พอใจ ก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว “คุณระรานเพื่อนฉันทำไม ถ้าไม่พอใจก็เล่นงานฉันตรงๆ สิ เพื่อนฉันไม่เกี่ยว” กัญจน์ยักไหล่ “พวกเขาไม่เห็นหัวฉัน ฉันก็ต้องให้บทเรียนเล็กๆ น้อยๆ บ้างสิ” “แค่เพราะพวกเขาช่วยฉันงั้นเหรอ” เธอกลอกตา ทำเสียงเยาะขึ้นจมูกกับพฤติกรรมไร้สาระ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนระดับกัญจน์จะเป็นผู้บริหารยักษ์ใหญ่ในแวดวงธุรกิจได้ “นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น” เขาเพิกเฉยต่อการดูถูกของเธอ เอ่ยเสียงเรียบเยียบเย็น “คุณจะเอายังไง” มธุมาสกระชากเสียงถามอย่างเหลืออด เสียงหัวเราะเสียดลึกในลำคอดังขึ้น ทำให้คนฟังยิ่งหงุดหงิด “นี่เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ” มธุมาสกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือด “ใช่!” “เธอมีอะไรมาแลกล่ะ” เขาเหยียดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตากลัดมันหยาบโลนจางจ้วงชนิดที่เธอหน้าชาตัวชาดิก นึกอยากจะกัดลิ้นตายไปให้พ้นๆ แต่ทำได้เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเค้นเสียงถามว่า “คุณต้องการอะไรก็รีบๆ พูดมา ไม่ต้องลีลา” “งั้นแสดงความจริงใจของเธอให้ฉันเห็นหน่อยสิ” กัญจน์กางขาออกกว้างกว่าเดิม สายตาพุ่งตรงไปที่เป้ากางเกงอย่างสื่อความหมายเป็นนัยๆ ดวงตาเฉียบคมสานสบมองเธอราวกับจะ ‘วัดใจ’ กัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม