~ปัจจุบัน~
เมื่อเวลาผ่านมาถึงสองปีตามกำหนด จากความตั้งใจของเจ้าขาจนเรียนจบได้คว้าใบปริญญาโทสมปรารถนา ร่างอรชรในห้องอพาร์ทเม้นท์นั่งยิ้มหวานชื่นชมใบกระดาษ สลับกับเพื่อนสาวที่มีท่าทางเดียวกัน
"วันมะรืนนี้เฟอร์รี่ก็จะได้บินกลับไปแล้ว ทีนี้อยากไปทำงานที่ไหนเหรอ?" เจ้าขาถามทางเพื่อนสาว ที่บินมาจากประเทศเดียวกันเลยสนิทสนมแล้วชักชวนมาแชร์ค่าที่พัก เพราะอยากตัดขาดจากผู้ส่งเสีย
"เราเหรอ...น่าจะทำธุรกิจที่บ้านต่อน่ะ แต่เราจะไม่ลืมที่อยู่ของเจ้าขานะ จะแวะไปหาบ่อยๆ ด้วย"
"ได้สิ แต่เราคงออกไปหาที่อยู่ใหม่น่ะ พอดีว่ามีบริษัทนึงเรียกตัวแล้วจะได้มีที่พักใกล้ๆ " มือบางรีบยื่นซองจดหมายให้เพื่อนสาวดู ข้อมูลของบริษัทที่ก่อตั้งใหม่แต่ไฟแรงในแวดวงธุรกิจ
"ดีใจด้วยนะเจ้าขา บริษัทนี้ชื่อดังเลยคงจะได้โบนัสเยอะแน่ๆ ดีไม่ดีเจ้าขาต้องมีเงินซื้อคอนโดแพงๆ แน่นอน"
"ขอให้มันเป็นอย่างนั้นนะ แล้วเราจะเอาตังมาชวนเพื่อนไปกินข้าวหลายๆ ร้านเลย"
"สงสัยเราจะได้หารกันมากกว่านะ พอดีว่าเราก็เป็นลูกเจ้าของน่ะ" เพื่อนสาวโอ้อวดสนุก
"เจอคนขี้โม้ทีไรไม่กล้าคุยด้วยเลย" เจ้าขาแซวตลกตาม มักตอบโต้เป็นอย่างนี้ประจำ ก่อนจะลุกจากที่นั่งไปยังตู้เสื้อผ้า เลือกบางชุดที่ชอบใส่แล้วพับเข้ากระเป๋าเดินทางไว้รอ
แต่สิ่งนึงที่อยู่ในนั้นคือนามบัตรของชายแปลกหน้า เธอไม่เคยติดต่อเขาอีกเลยหลังจากวันที่ไปส่งในสนามบิน เพื่อแลกความบริสุทธิ์ที่ไม่มีวันลืม
"ว่าแต่...คนที่ส่งเสียเจ้าขาล่ะ? เขาให้ทุนขนาดนี้ ปกติแล้วเขาต้องเรียกตัวกลับไปใช้ทุนนะ"
"เราไม่มีสัญญาต่อกันน่ะ ช่วยงานเสร็จทุกอย่างก็จบ" เธอไม่เคยเล่าเรื่องคืนวันนั้นให้ใครฟัง แค่อธิบายว่าช่วยงานของมหาเศรษฐีคนนึง อีกฝ่ายก็เห็นใจเลยอยากจ่ายค่าเทอมให้ ส่วนเรื่องกินเรื่องใช้จ่ายอื่นๆ เธอออกไปทำงานพาร์ทไทม์ต่อเอง
"ดีจัง ทำไมเราไม่เจอคนอย่างนี้บ้างนะ"
"อย่าเลยดีกว่า...ว่าแต่ของเฟอร์รี่อ่ะกลับไปทำงานกับครอบครัว คงจะสนุกดีนะ" หน้าสวยหันมายิ้ม รีบเก็บนามบัตรใบนั้นใส่กระเป๋าตามเดิม
"โดนพี่ชายเราข่มต่อน่ะสิไม่ว่า"
"ดื้อแบบนี้ก็สมควรหรอกนะ" เจ้าขายังพูดติดตลกต่อ ถึงจะไม่รู้พื้นฐานครอบครัวอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวมากกว่าที่ควรจะรู้
"ไม่ต้องแซวเราเลย มาๆ ช่วยกันพับผ้าเสร็จแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะ เดี๋ยวพวกเราได้คิดถึงอาหารที่นี่ไปอีกนานเลย"
"ที่นู่นก็มีร้านแบบนี้นะ ไว้เราจะชวนไปกินกัน" ร่างอรชรสัดส่วนราวเมื่อก่อนแทบไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด ยกเว้นใบหน้าสวยนับวันยิ่งมีออร่า พยักขึ้นลงตอบรับเพื่อนสาวเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนกระเป๋าเดินทางอีกใบให้เฟอร์รี่เก็บสัมภาระตัวเอง
โรงพยาบาลชื่อดัง_
"จะมาหากูทีไรไม่คิดจะโทรมาบอกก่อนบ้างว่ะ" น้ำเสียงเข้มว่าตำหนิ ตอนเข้ามาเจอเพื่อนรักอย่างอัลฟาร์ดในห้องประจำตำแหน่งของผู้อำนวยการ ท่าทางราวกับเป็นเจ้าของซะเอง
หมอหนุ่มอย่างเขาเพิ่งเสร็จจากเคสผ่าตัด ย่อมเหนื่อยไม่น้อยเพราะใช้เวลาไปหลายชั่วโมง
"ไหนๆ กูก็ผ่านมาแถวนี้พอดี กะจะรอมึงไปตีกอล์ฟด้วยกัน"
"ไม่คิดจะให้กูพักสักหน่อย?"
"อย่างมึงอะนะเหนื่อย?"
"เอ้าไอเพื่อนเวร! มารบกวนกูทั้งทีแค่ไปตีกอล์ฟไม่เอานะเว้ย แมร่งเสียเวลาคุย" ร่างสูงตรงไปนั่งเก้าอี้เพื่อเจรจากับเพื่อนรัก แค่เห็นแววตาของอีกฝ่ายเขาก็สามารถเดาอะไรได้
"ไปผับของเฮียปอร์เช่ไหมล่ะ"
"แน่นอนว่ากูต้องไม่ปฎิเสธ" ปากหยักสีเข้มยิ้มกริ่ม
"แล้วงานมึงไม่มีอะไรสำคัญแล้วใช่ไหม จะได้ไปตอนนี้เลย"
"ไม่มีแล้วว่ะ พอดีลูกน้องกูบอกว่ามึงจะมาตั้งแต่แรกล่ะ" มือหนารีบจัดการถอดเสื้อกาวน์สีขาวไปไว้บนราวแขวน ไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตคล่องแคล่วแล้วเปลี่ยนเอาสีโทนดำมาใส่ทับ
"มึงนี่น่ะ มีใครจะตามมึงทันอีกไหมว่ะ" คนบอกว่าเหน็บ หากนึกถึงคนแรกที่เจ้าเล่ห์ของกลุ่ม คงไม่พ้นเดลต้าคนเดียว
"ไม่มีหรอกว่ะ บังเอิญว่ากูเกิดมาเก่งคนเดียว"
.......................................