มือเรียวสั่นระริกตอนที่ยกกระดาษขนาดเอสี่ที่ตรงมุมบนขวาสุดระบุข้อความว่า ‘สัญญาหย่าโดยความยินยอม’ ที่มีลายเซ็นของ ‘จักรทิพย์ ไตรลักษณ์’ อยู่ก่อนหน้า น้ำสีใสขังคลออยู่ที่หน่วยตาทั้งสองข้าง แพขนตากะพริบถี่หวังให้น้ำตาเม็ดโตย้อนกลับเข้าไปด้านในดวงตาคู่สวย แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำแบบนั้นน้ำสีใสยิ่งเอ่อท้น มนตระการเม้มเรียวปากแน่นอย่างข่มกลั้นความปวดแปลบที่ตีตื้นขึ้นมาอีกระลอก ทว่ากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อสุดท้ายน้ำสีใสก็ไหลอาบนองหน้าเนียนสวยจนเปรอะเปื้อนแก้มเนียนใสอยู่ดี
มนตระการฝืนทนกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอก ขยับมือหยิบปากกาด้ามสีเงินที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานไม้เนื้อดีขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา จรดปลายปากกาลงบนกระดาษในขณะที่น้ำสีใสยังคงไหลอาบใบหน้านวลเนียนอย่างไม่ขาดสาย ลายเซ็นของหญิงสาวเด่นหราอยู่บนหน้ากระดาษ เรียวปากอิ่มเม้มแน่นตอนที่จัดการเก็บเอกสารใส่กลับเข้าไปในซองสีน้ำตาลอีกครั้ง นับจากวินาทีเป็นต้นไประหว่างเธอกับจักรทิพย์ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว แม้แต่ชีวิตน้อยๆ ที่กำเนิดขึ้นในครรภ์ของเธอ
ร่างเล็กขยับเท้าไปที่โซฟา หยิบกระเป๋าใบโตที่วางอยู่บนนั้นขึ้นมา ความหม่นหมองยังฉายชัดอยู่บนดวงหน้าเรียวสวย มือเล็กยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาเม็ดดตที่ร่วงลง แพขนตางอนกะพริบถี่เพื่อไล่ม่านน้ำตาที่บดบังการมองเห็น เท้าเล็กก้าวออกจากห้องทำงานของอดีตสามี ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความรวดร้าว ความอึดอัดและหนักอึ้งอัดแน่นอยู่ที่กลางอก ก่อนจะก้าวพ้นประตูห้องมนตระการเหลียวหลังกลับมากวาดสายตามองภายในห้องอีกครั้ง ราวกับต้องการเก็บเกี่ยวความทรงจำเป็นครั้งสุดท้าย ครู่ต่อมาเสียงบานประตูกระทบกับขอบไม้ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวสมส่วนของมนตระการที่หายไปเมื่อบานประตูปิดสนิท
สามเดือนก่อน
“ถ้าแกไม่ยอมแต่งงานกับหนูมนฉันจะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้แพรใจไปซะ”
จักรทิพย์กำหมัดเข้าหากันแน่นยามที่สบสายตากับจักรกริชผู้เป็นบิดา ภายในห้องทำงานของบ้านไตรลักษณ์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจลำบาก ดวงตาคมกริบแข็งกร้าวยามที่มองบิดาเขม็ง ในอกแกร่งนั้นเต็มไปด้วยความเดือดดาล หากแต่เมื่อคนตรงหน้าคือผู้ให้กำเนิด จักรทิพย์จึงทำได้แค่ต้องระงับอารมรณ์ขุ่นมัวที่อัดแน่นอยู่ในอก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอกกลับไปอย่างประชดประชัน
“คุณพ่อหลงผู้หญิงคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น หลงมากเสียจนต้องการยกหลานสาวของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาเป็นลูกสะใภ้ คุณพ่อช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่านี่เป็นความต้องการของคุณพ่อหรือของแพรใจกันแน่”
“แกจะก้าวร้าวกับพ่อก็ได้พ่อไม่ว่า แต่อย่าก้าวร้าวกับแพรใจเพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่าแก อย่างน้อยๆ แกก็ควรให้เกียรติคนที่เป็น…”
มาถึงตรงนี้จักรกริชก็ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาของเขาวูบไหวก่อนจะปรับเป็นปกติอย่างรวดเร็วแล้วว่าต่อ
“ให้เกียรติคนที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าแก เขาอายุมากกว่าแกหลายปี อายุพอๆ กับแม่ของแก เพราะฉะนั้นแกควรเคารพแพรใจเขาบ้าง”
“อย่าเอาผู้หญิงคนนั้นมาเทียบกับแม่ของผม”
“จักรทิพย์!”
จักรกริชเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงเดือดดาล หากแต่สุดท้ายก็ต้องผ่อนลมหายใจ และระงับความขุ่นมัวของอารมณ์เอาไว้ก่อน เขาทราบดีว่าหากเขาแรงกลับไปจักรทิพย์ก็จะยิ่งแรงกลับมา แบบนั้นเห็นทีคงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
“เอาละๆ ฉันให้เวลาแกตัดสินใจสามวัน แล้วมาบอกฉันว่าแกจะแต่งกับหนูมนไหม ถ้าไม่ ฉันจะได้จัดการยกทรัพย์สมบัติให้แพรใจไปซะ”
“เฮอะ” จักรทิพย์แค่นเสียง “ผมไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนนั้นได้ทรัพย์สมบัติที่ส่วนหนึ่งเป็นของคุณแม่ด้วยไปครอบครองเด็ดขาด”
“งั้นก็หมายความว่าแกตกลงแต่งงานกับหนูมนใช่ไหม”
“เหมือนผมมีทางเลือกอื่นอีกงั้นเหรอครับ”
“พ่อมีข้อแม้อีกหนึ่งข้อ แค่ข้อเดียวเท่านั้น”
“ขนาดนี้แล้วคุณพ่อก็พูดมาเถอะครับ” จักรทิพย์ว่าอย่างประชดประชัน
“แกต้องใช้ชีวิตคู่กับหนูมนอย่างน้อยเป็นเวลาหนึ่งปี พ่อถึงจะโอนทุกอย่างให้แก พ่อรู้ทันแกนะจักร แกรับปากว่าจะแต่งกับหนูมนก็จริง แต่พอแกได้ทรัพย์สมบัติแล้วแกก็จะหย่าทันที พ่อพูดถูกไหม”
“ฮึ” เป็นอีกครั้งที่จักรทิพย์ต้องแค่นเสียงเพราะบิดารู้ทัน
“งั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้พ่อจะให้พระท่านช่วยดูฤกษ์งามยามดีให้”
“แล้วแต่คุณพ่อเถอะครับ ผมไม่สิทธิ์โต้แย้งอะไรได้อยู่แล้วนี่” จักรทิพย์บอกเสียงกระแทก “ขอตัวนะครับ จะเข้าไปดูคนงานในไร่”
“อืม”
เมื่อจักรกริชรับคำ ร่างสูงของจักรทิพย์จึงลุกจากเก้าอี้แล้วสาวเท้าออกไปแบบตัวปลิว จักรกริชมองตามแผ่นหลังของบุตรชายไปจนลับสายตาก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
และได้แต่หวังว่าในระยะเวลาหนึ่งปีนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจักรทิพย์กับมนตระการจะเป็นไปในทางที่ดี
ไร่ไตรลักษณ์เป็นไร่ข้าวโพดที่กินพื้นที่มากกว่าห้าร้อยไร่ของอำเภอหนึ่งในจังหวัดลพบุรี และท้ายไร่ก็ติดกับน้ำตก ไร่แห่งนี้ปลูกข้าวโพดพันธ์ุต่างๆ มากถึงหกสายพันธุ์ ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ จักรทิพย์เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของจักรกริช ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ไตรลักษณ์ที่ได้รับมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปี รูปร่างสมส่วน แม้ว่าผิวพรรณของเจ้าตัวจะดูคร้ามแดดไปสักหน่อยตามประสาคนที่ทำงานกลางแจ้งแทบจะตลอดเวลา หากแต่เจ้าตัวมีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม มีอกผายไหล่ผึ่งสมชายชาตรีและเครื่องหน้าที่ดูเหมาะเจาะไปทุกสัดส่วน นั่นทำให้ชายหนุ่มเป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
จักรทิพย์ก้าวลงจากรถซีอาร์วีสีขาวมุก ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางแขนยาวที่ชายเสื้อถูกสอดเก็บเอาไว้ในกางเกงยีนส์สีเข้มกับรองเท้าหนังหุ้มข้อสีน้ำตาลขยับหมวกปีกกว้างที่สวมใส่ให้เข้าที่ แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยความสง่างาม ชายหนุ่มสาวเท้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบริเวณที่เป็นอาคารชั้นเดียวสีขาวสะอาดตาขนาดกลาง ซึ่งอาคารหลังนี้เป็นสำนักงานของไร่ไตรลักษณ์สำหรับให้ลูกค้ามาติดต่องานและจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ
“สวัสดีค่ะคุณจักร”
เบญจาหญิงสาววัยสี่สิบปีเศษลุกจากเก้าอี้กล่าวทักทาย เบญจาเป็นเลขาฯ ของจักรทิพย์ที่ทำงานมานานตั้งแต่สมัยที่จักรกริชยังไม่วางมือจนกระทั่งจักรทิพย์มารับช่วงต่อ