~ย้อนเหตุการณ์กลับไป~
คอนโด
"เอยแต่งตัวสวยทุกวันอย่างนี้ จะไม่ให้เราหวงได้ยังไงนะ" พอลส่งน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนทุกวัน ช่วงที่แฟนสาวอย่างเอิงเอยก้าวเท้าขึ้นนั่งรถสปอร์ตคันหรู
หลังตามจีบเธออยู่นานจนอีกฝ่ายใจอ่อนเลยตกลงคบหา เขารีบเร่งทำคะแนนเป็นฝ่ายดูแลรับส่งไปกลับระหว่างมหาลัยและคอนโด เป็นเวลาร่วมหลายเดือนผ่านมาแล้ว
"ต่อให้ปากหวานขนาดไหน เอยจะไม่หลงกลคนเจ้าชู้อย่างพอลเด็ดขาด" เอิงเอยรีบเก็บสองมือใต้กระเป๋าสะพายบนตักเล็ก เพราะอีกฝ่ายมีอดีตเป็นเสือเจ้าชู้มากเรื่องสตรี กลัวว่าเธอเองจะหวั่นไหวจากคารมเขา
ถึงจะตกลงคบหากัน แต่มันก็เพิ่งเริ่มต้นระดับความสัมพันธ์ ไม่อยากรีบร้อนจนทั้งคู่ลืมหน้าที่การเรียน
"เราพูดความจริงนะ ถึงจะเรียนด้วยกันตลอด แต่ในคณะก็รู้ๆ อยู่ว่ามีผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิงหลายเท่า จะไม่ให้เราหวงคงไม่ได้"
"แต่พอลต้องเข้าใจนะ ว่าเอยเป็นแบบนี้มานานแล้ว เราจะกดดันกันให้ลำบากใจกันเปล่าๆ นะ...อย่าลืมสิ"
"ครับ แต่อย่านอกใจเรานะ เพราะเราอยากคบกับเอยจริงๆ " เขาไม่อาจละสายตาจากใบหน้าสวยราวตุ๊กตา ดวงตาคู่โตเป็นประกายรับกับเรียวปากสีชมพูสดใส มันพาให้ใจแกร่งเต้นสั่นระรัวเวลาเธอสบตามองกันพอดี
"ตั้งแต่เอยคบกับพอลก็ไม่มีใครมาจีบแล้วนะ แล้วเอยไม่ใช่คนเจ้าชู้ด้วย ไม่มีทางนอกใจแฟนตัวเองแน่ๆ"
"จริงนะ ขอเกี่ยวก้อยหน่อย..แค่นิดเดียวก็ได้" สิ้นเสียงขออนุญาต มือหนาเลยเอื้อมไปหาอีกฝ่าย ใช้นิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วเรียวเล็ก
"ตั้งใจขับรถเร็ว" เอิงเอยรีบเบี่ยงหน้าหนี การกระทำของพอลที่แสดงออกว่าต้องการให้เกียรติเธอ ส่งผลต่อใจดวงเล็กเต้นถี่รัว จนทั้งคู่เผลอมองหน้ากันและกันลืมสนใจบนท้องถนน
"เกือบไม่ได้มองถนนแล้วเชียว" ปากหยักเผยยิ้มกว้าง ชักมือข้างนั้นกลับมาขยี้ศรีษะ
ไม่น่าเชื่อว่าเอิงเอยจะเป็นผู้หญิงที่มีผลต่อใจแกร่งในอกข้างซ้ายอย่างมาก แล้วเขามักจะมีความสุขทุกครั้งเวลาได้อยู่กับเธอ
ตึกคณะวิศวะ
"เบื่อคนมีความรักหว่ะ!" ชนัตถ์เอ่ยแซว เมื่อเห็นเพื่อนชายคนสนิท และเพื่อนสาวร่วมห้องเรียนอย่างเอย กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะประจำใต้ตึก
"งั้นมึงก็ต้องเบื่อทุกวันทุกชั่วโมงแล้วก็ทุกนาทีเว้ย เพราะกูกับเอยตัวติดกันหนึบ" พอลผายมือให้แฟนสาวนั่งลงตรงเก้าอี้ว่าง พอเห็นกระโปรงนักศึกษาทรงเอร่นขึ้น เขารีบยืนบังไม่ให้ใครมองช่วงขาเรียวยกข้ามที่นั่ง
"ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ปะว่ะ ตอนไม่มีมึงเอยยังดูแลตัวเองได้เลย" ชนัตถ์บอก เขาก็เห็นหญิงสาวเรียนด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่ง แค่อยู่คนละกลุ่มไม่เห็นจะอ่อนแออย่างที่พอลกำลังทะนุถนอม
"นั่นน่ะสิชนัตถ์ คนอะไรไม่รู้เวอร์มาก" เอยบอกพร้อมทำสีหน้าอย่างหมั่นเขี้ยวแฟนหนุ่ม แล้วหยิบสมุดเลคเชอร์ขึ้นมาเปิดรายงานที่อาจารย์สั่ง ให้สองหนุ่มได้ดูเป็นแนวทาง
"โถ่เอย...น้อยใจแล้วนะ" คนบอกทิ้งกายข้างร่างบาง แสร้งทำหน้าบึ้งตึงยกแขนใหญ่ๆ กอดอก มีรอยสักพ้นแขนเสื้อออกมาข้างนึง
"เมื่อไหร่จะโต" เป็นเสียงจากมิลตันดังขึ้น มาทันเห็นท่าทางญาติห่างๆ ถึงกับรู้สึกเหนื่อยหน่ายแทนเอิงเอย
"มึงก็เหมือนกูอ่ะ ตั้งแต่มีน้องเพลงก็มาตึกสายตลอดเลยนะเว้ย"
"คนมันมีแฟน"
"มิลตันกับน้องเพลงเหมาะสมกันมากนะ น้องเพลงน่ารักมากๆ " เอิงเอยบอก พลางส่งยิ้มทักทายตามประสาเพื่อนร่วมห้องเรียน
"อย่ายิ้มให้มันสิเอย เก็บรอยยิ้มไว้ให้เราคนเดียวก็พอ" แขนใหญ่รีบยกมาขวาง ทำราวกับว่าแฟนสาวคือไข่ในหิน ไม่ให้ใครได้พูดคุยด้วย
"นี่เราคิดถูกหรือคิดผิดเนี้ย...ปวดหัวเลย" เรียวปากสีชมพูเม้มเป็นเส้นตรงครุ่นคิด
"ถอนตัวไม่ทันแล้วนะครับ ตกลงคบกันแล้วไม่มีคำว่าเลิกแน่นอน"
"แหวะ! " ทั้งชนัตถ์และมิลตันต่างส่ายหัวให้กับคำพูดชวนแสลงหู เพิ่งเคยเห็นเพื่อนชายจริงจังในความรักครั้งนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น
ส่วนเอิงเอยก้มหน้าตั้งใจเขียนหนังสือต่อ บางครั้งแฟนหนุ่มก็ทำให้เธออารมณ์ดี และน่าหมั่นเขี้ยวหลายๆ ครั้งต่อวัน
...........................................