บทที่ 1 รับน้องหรือรับโทษ

1182 คำ
วันรับน้อง ลานหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ เวย์นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงเก้าอี้ลายหินอ่อนหน้าตึก ใกล้สนามกีฬา ขณะที่พวกขวัญข้าวกำลังวิ่งเนื่องจากถูกลงโทษที่มาร่วมฟังกิจกรรมรับน้องช้า 2 นาที “โอ้ย...เหนื่อย” เสียงหอบถี่ ๆ ดังมาพร้อมฝีเท้าของหญิงสาวสองคนที่เพิ่งหยุดพักใต้ต้นไม้ริมสนามหญ้า “แฮ่ก… แฮ่ก… ขวัญ แกช่วยบอกฉันหน่อยดิ…” โมเมพูดขึ้นทั้งที่ยังหายใจไม่ทันทั่วท้อง มือหนึ่งเท้าข้างเอว อีกมือชี้พุ่งไปทางม้านั่งใต้ร่มไม้ “ว่า… พี่เวย์ที่นั่งไขว่ห้างอย่างกับนายแบบบนปกแมกกาซีนตรงนั้นน่ะ… เกลียดอะไรแกนักหนา? ถึงได้มาลงโทษเราหนักขนาดนี้ เขาสั่งให้วิ่งรอบสนามสิบรอบนะเว้ย ไม่ใช่ซ้อมวิ่งโอลิมปิก!” ขวัญข้าวที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่น แต่นัยน์ตาสีดำสนิทกลับไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทของตน สายตาของโมเมยังจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้น เวย์ เวธัส อัศวเมฆา รุ่นพี่ปีสามคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล เขานั่งไขว่ห้างอยู่เก้าอี้ลายหินอ่อน นั่งราวกับเป็นเจ้าของสนามกีฬา แผ่นหลังกว้างพิงพนักอย่างสบาย ๆ แต่แววตาคมเข้มที่มองมาอย่างเฉยชากลับเยือกเย็นจนขวัญต้องหลบตา ความหล่อเหลาของชายหนุ่มราวกับเทพบุตรปั้นมาด้วยมือเทพ ทว่าเทียบไม่ได้กับความเฉยชาและท่าทางไม่ใส่ใจมนุษย์ร่วมโลก “แกรู้จักเขามาก่อนใช่มั้ย?” โมเมหันขวับกลับมา “…” ขวัญข้าวเงียบ เธอพยายามไม่พูดถึงอดีต ไม่เคยแม้แต่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย แม้กระทั่งกับโมเม เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น โมเมถอนหายใจเสียงดัง ยกมือปาดเหงื่อแรง ๆ “แกเงียบแบบนี้ฉันยิ่งอยากรู้ ฉันหมายถึง…พี่เขาไม่ใช่แค่เย็นชาเฉย ๆ อะขวัญ เขาแม่งเหมือนมีอะไรฝังใจ เหมือนเกลียดแกเข้าไส้เลยว่ะ” ขวัญข้าวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ พูดเสียงแผ่ว ราวกับเล่าเรื่องที่ฝังลึกลงในกระดูก “เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นแกไม่มาโรงเรียน และมันก็จะปิดเทอมแล้ว ตอนฉันอยู่มอสี่ พี่เวย์อยู่มอหก เป็นวันปัจฉิมของโรงเรียน…” เสียงรอบข้างเหมือนหายไป เหลือแค่เสียงในใจเธอที่พูดผ่านความทรงจำ “วันนั้นฉัน…สารภาพรักกับเขา” โมเมเบิกตากว้างทันที “แกสารภาพกับพี่เวย์เหรอ?!” ขวัญข้าวพยักหน้าเบา ๆ แววตาค่อย ๆ วูบไหว “ฉันรู้ว่าเขาหมั้นกับข้าว… ข้าวขวัญ พี่สาวฉัน แต่ตอนนั้นข้าวเองก็ไม่ได้ดูจะรักเขาสักเท่าไหร่ ฉันเลยบอกว่าฉันชอบพี่…แล้วถ้าพี่ชอบฉัน พี่ก็เปลี่ยนคนหมั้นได้นี่” โมเมถึงกับอ้าปากพะงาบอย่างตกใจ “แล้วเขาว่ายังไง…” “เขาปฏิเสธ… ปฏิเสธอย่างเย็นชา เหมือนคำพูดฉันมันไร้สาระและน่ารำคาญ” คนตัวเล็กเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาเหมือนจะมีน้ำใส ๆ คลออยู่บาง ๆ “ฉันเสียใจมาก เดินร้องไห้ออกมาเรื่อย ๆ จนถึงสะพานใกล้โรงเรียน แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว… ฉันไม่ทันเห็นมัน…” เสียงขวัญข้าวสั่นนิด ๆ “และข้าว… พี่สาวฉัน… เธอมาเห็นพอดี เธอคว้าตัวฉันกระชากออกมา… แล้วตัวเอง… เธอ…” เจ้าของใบหน้าสวยกลืนน้ำลาย พยายามกลั้นน้ำตาที่เกือบจะไหลอยู่รอมร่อ “เธอถูกรถชนแทนฉัน… แล้วเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น” โมเมยกมือขึ้นปิดปาก สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด นึกไปถึงตอนปิดเทอมได้ยินอยู่ว่าพี่สาวของขวัญเสียชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะช่วยน้องสาวของตัวเอง “จากวันนั้น…พี่เวย์ไม่เคยแม้แต่จะมองหน้าฉัน เขาคงคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุ…ที่ข้าวต้องตาย แต่มันก็เพราะฉันจริง ๆ นั่นแหละ” ขวัญข้าวหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ในใจมันปวดร้าวจนหายใจแทบไม่ออก “ตลกดีนะ…ฉันรักเขา แต่เขากลับมองฉันเป็นคนที่พรากคนที่เขารักไป…” โมเมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ “…ขวัญ แกไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้ ถ้ามันยังเจ็บอยู่” ขวัญข้าวส่ายหน้า ดวงตาแน่วแน่แม้จะมีน้ำคลอ “บางที…แกควรรู้ไว้ เพราะฉันไม่เคยลืมเลยสักวินาที ว่าพี่เวย์เคยรักพี่สาวฉันแค่ไหน และเกลียดฉันได้แค่ไหน…” สายตาของขวัญข้าวมองตรงไปยังเวย์ที่ยังนั่งนิ่งราวกับรูปสลักเย็นชา “แต่ไม่เป็นไรหรอก…แค่วันนี้ ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ได้…ก็พอแล้ว” ทันใดนั้น…ขณะที่สองสาวกำลังนั่งเล่าเรื่องอยู่ใต้ต้นไม้ “เร็ว ๆ หน่อย! พวกเธอจะเข้าร่วมฟังไหมกิจกรรมรับน้องน่ะ วิ่งครบกันหรือยัง?” เสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงดังลอดมาจากชั้นสองของอาคารเรียน พร้อมกับท่าทางกอดอก มองลงมาด้วยแววตาเอือมระอา ขวัญสะดุ้งนิด ๆ ตามสัญชาตญาณ เธอเงยหน้าขึ้นมอง แต่อีกสายตาหนึ่งกลับเป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เวย์ เวธัส ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ลายหินอ่อนเหมือนเดิม ขาเรียวยาวของเขาไขว่ห้างอย่างเฉยชา มือสองข้างวางบนต้นขา และที่เจ็บที่สุด… คือสายตานั้น ดวงตาคมกริบที่เคยมองข้าว.....พี่สาวฝาแฝดด้วยความอ่อนโยน… วันนี้กลับมองเธอราวกับเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่ามีตัวตนอยู่บนโลก ไม่รู้ว่าทำไม…สายตานั้นถึงเย็นชาได้ถึงเพียงนี้ แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่ความเฉยเมยของคนที่ไม่รู้จักกัน แต่มันคือสายตาของคนที่ ‘ตั้งใจจะเกลียด’ คนตัวเล็กได้แต่สูดลมหายใจลึก ๆ เข้าปอด พยายามกลืนก้อนสะอื้นอึกใหญ่ลงคอ จากนั้นหันไปหาคู่หูของเธอที่ยังทำหน้ามึนงงอยู่ “ไปต่อกันเถอะโมเม เหลืออีกแค่รอบเดียวเอง…เดี๋ยวจะถูกหาว่าอู้ไม่เข้าร่วมกิจกรรมอีก” โมเมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรัก เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่ขวัญข้าวฉีกออกมา ยิ้มที่ไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว “แกไหวเหรอ…” โมเมถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ขวัญข้าวพยักหน้า พร้อมกับยิ้มให้แรงขึ้นอีกนิด ทั้งที่ดวงตายังคงแวววาว “ไหวสิ…แค่ความเกลียด มันไม่ทำให้ฉันล้มลงหรอก” คำพูดที่เหมือนกล้าหาญ แต่เบื้องหลังกลับสั่นไหวราวกับข้างในใจใกล้จะพัง เพียงชั่วพริบตาทั้งสองร่างบางก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง ฝีเท้าไม่ได้เร็วเหมือนตอนเริ่ม แต่กลับหนักแน่นขึ้นในทุกย่างก้าว ขวัญข้าวไม่กล้ามองย้อนกลับไปทางเวย์อีก เพราะเธอรู้ดีว่า…แค่แววตาคู่นั้นครั้งเดียว มันก็เจ็บพอจะกัดกินหัวใจได้ทั้งดวง....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม