บทที่ 2 กิจกรรมยังไม่จบ

1153 คำ
ตอนเย็นที่หอในของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ปัง! เสียงเปิดประตูห้องพักดังปัง ตามด้วยเสียงรองเท้าผ้าใบกระแทกพื้นอย่างหมดแรงสองคู่ โมเมทิ้งตัวลงบนฟูกนอนโดยไม่ทันถอดกระเป๋า ลากเสียงบ่นตามมาอย่างไม่กลัวข้างห้องจะได้ยิน “โอ๊ยยย เหนื่อยโว้ยยยย! รับน้องหรือรับกรรมวะเนี่ย ขวัญแกเห็นมั้ย? เราสองคนวิ่งเหมือนจะไปแข่งโอลิมปิก เหงื่อท่วมยันกางเกงใน!” ขวัญข้าวหลุดหัวเราะกับท่าทางโอดครวญของเพื่อนสนิท เธอวางกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเดินไปเปิดพัดลมโบกหน้าเบา ๆ “เพิ่งปีหนึ่งยังไม่ทันแก่เลย บ่นเป็นคนแก่ไปได้” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ขณะเริ่มแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาทีละเม็ด โมเมพลิกตัวหันมามองเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็เบะปากใส่ “ไม่ใช่แค่เหนื่อยนะเว้ย แต่ฉันจะร้องไห้แล้วเนี่ย ไหนจะโดนพี่เขาจิก ไหนจะต้องทำคะแนน ไหนจะไปกิจกรรมที่ต่างจังหวัดอีก ฮือออ นี่ฉันไม่ได้มาเรียน ฉันมาลำบาก!” ขวัญข้าวหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากปลายเตียงของตัวเอง “อย่าดราม่าขนาดนั้นสิโมเม เราก็ต้องผ่านช่วงนี้ไปเหมือนคนอื่นนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ชีวิต…แบบวัคซีนรับน้องอะไรทำนองนั้น” “ฮึ้ยย วัคซีนเหรอ! ฉันว่าฉันโดสเกินจนเกือบตายแล้วนะวันนี้!” โมเมดีดตัวลุกนั่ง แล้วก็หัวเราะตามขวัญข้าวในที่สุด ขวัญข้าวยิ้มจาง ๆ เธอเงียบไปนิดหนึ่งขณะหยิบเสื้อผ้าใส่ในห้องน้ำ ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ แต่จริงจัง “ฉันจะรีบอาบน้ำหน่อยนะเม…ว่าจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมพ่อ” โมเมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “อื้ม…พ่อยังไม่ดีขึ้นเหรอ?” ขวัญข้าวส่ายหน้าน้อย ๆ สีหน้าเธอแม้ไม่เศร้าจนน้ำตาไหล แต่ก็ไม่ได้สดใสเหมือนก่อนหน้า “ยังต้องเฝ้าอาการอยู่ทุกวัน หมอเขายังไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ถึงจะดีขึ้นได้จริงจัง…ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปดูพ่อเลย พ่ออยู่คนเดียวบ่อย ๆ ฉันก็เลย…” เสียงของเธอเบาลงตอนท้าย แต่โมเมก็พอจะเข้าใจได้ เพื่อนรักของเธอคนนี้ ถึงจะดูร่าเริงอ่อนโยน แต่ก็แบกอะไรไว้เงียบ ๆ ตลอด “ขวัญ…ฉันขอโทษนะ ที่วันนี้บ่นไม่หยุดเลย” โมเมเอ่ยเสียงอ่อน “ทั้งที่แกก็เหนื่อยเหมือนกัน แถมยังต้องไปดูแลคุณพ่ออีก” ขวัญข้าวเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มหวานให้เพื่อน รอยยิ้มที่แม้จะมีความอ่อนล้าอยู่บ้าง แต่ก็เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง “ไม่เป็นไรหรอกเม…ฉันไม่อยากให้คนอื่นต้องมารับรู้เรื่องที่บ้านบ่อย ๆ ด้วยซ้ำ แค่มีแกอยู่ด้วยก็พอแล้ว” โมเมมองหน้าเพื่อน แล้วก็ยิ้มให้กลับก่อนจะเอ่ยขึ้นลอย ๆ “แกแม่งเก่งว่ะ…ฉันไม่เห็นเก่งแบบนี้เลย” ขวัญข้าวชะงักมือที่ถือเสื้อผ้าไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้เสียงฝักบัวกลบความรู้สึกบางอย่างที่ยังค้างอยู่ในอก อีกด้าน ณ ลานใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ บรรยากาศช่วงเย็นอ่อนแสง พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมตึกลงช้า ๆ กลุ่มรุ่นพี่ปีสามกำลังนั่งล้อมโต๊ะไม้ข้างตึก พัดลมเพดานหมุนแผ่ว ๆ ไม่ช่วยคลายร้อนมากนัก แต่บทสนทนาเรื่อง กิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ กลับร้อนยิ่งกว่า “เอาเป็นทะเลมั้ยวะช่วงนี้? หน้าร้อนพอดี เด็กแม่งจะได้โดนแดดให้เข็ด!” เสียงเป้ หนึ่งในหัวหน้ารับน้องเสนอขึ้นมาก่อนจะหัวเราะหึ ๆ ตามสไตล์คนแกล้งเก่ง “ทะเลก็ดี มีทั้งกิจกรรม ทั้งน้ำ ทั้งลม แถมมีบิกินี่เผื่อเด็กมันเซอร์ไพรส์” กัน พูดเสริมพร้อมกระดิกคิ้วล้อเลียน เวธัสนั่งไขว่ห้างอยู่มุมโต๊ะ ใบหน้านิ่งเฉยตามสไตล์ ชายเสื้อเชิ้ตปล่อยลอย ๆ ตามลม มือถือกาแฟเย็นพลาสติกควงเล่น “กูโอเค ทะเลก็ทะเล” เขาพูดสั้น ๆ แบบไม่สนใจจะออกความเห็นมากนัก “งั้นกูจองรีสอร์ตเลยนะเวย์?” เป้ถามย้ำ เวธัสพยักหน้ารับเบา ๆ ขณะนั้นเอง ราม เพื่อนสนิทที่สุดในกลุ่ม ก็วางแก้วน้ำลงแรง ๆ จนมีน้ำกระเด็นขึ้นขอบโต๊ะ “ว่าแต่มึงเถอะเวย์…” เสียงรามจริงจังขึ้นทันที “วันนี้ที่มึงให้เด็กวิ่งรอบสนามสิบรอบโดยไม่มีน้ำกินน่ะ มันโหดไปปะวะ?” เวธัสเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่เต็มไปด้วยการไม่ใส่ใจ “พวกนั้นมันไม่ตายหรอก มึงอย่าโอเวอร์” “กูไม่ได้โอเวอร์!” รามขึ้นเสียงเล็กน้อย “แต่มึงก็ดูดิ น้องโมเมกับขวัญข้าวแม่งแทบจะล้มคาสนาม ไหนจะร้อนขนาดนั้น เดี๋ยวเป็นลมหัวฟาดพื้นขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?” เวธัสกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตอบโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเพื่อน “ยัยขวัญนั่นไม่เปราะบางขนาดนั้นหรอก เชื่อดิ เธอไม่กล้าไปฟ้องใครด้วยซ้ำ” รามจ้องหน้าเวย์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ “เวย์ มึงเกลียดขวัญข้าวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” คำถามนั้น ทำให้ทุกคนในกลุ่มหยุดชะงัก เวธัสเงียบไปเล็กน้อย สายตาเลื่อนต่ำคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง…ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “ก็ไม่เชิงเกลียดหรอก…” เขาหยุดไปนิดหนึ่ง แล้วสบตาราม “แต่กูไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากให้ยืนหายใจอยู่ใกล้ ๆ กู…แค่นั้น” คำพูดนั้นเย็นชาจนรามยังสะอึก คนอื่นก็ได้แต่มองหน้ากันเงียบ ๆ เวธัสกระดกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะวางแก้วลงและยักไหล่เบา ๆ “มึงไม่เข้าใจหรอก คนอย่างขวัญข้าวน่ะ…มันมีแต่ปัญหา” รามพิงหลังกับพนักเก้าอี้ ส่ายหน้าน้อย ๆ “กูรู้อดีตมึงนะ แต่มันก็ผ่านมาตั้งสองปีแล้วป่ะวะเวย์” เวธัสไม่ตอบกลับ เขาแค่มองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีด้วยสายตาว่างเปล่า บรรยากาศรอบโต๊ะกลับเข้าสู่ความเงียบอึดอัด ก่อนที่กันจะเปลี่ยนเรื่องแบบงง ๆ เพื่อเบรกอารมณ์ตึงเครียดของเพื่อนในกลุ่ม “เอ้า ๆ ทะเลก็ทะเลเว้ย! ขอแค่ได้แดด ได้เบียร์ ได้สาว…จะทะเลไหนก็ได้!” เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ดังขึ้นกลบความตึงเครียด แต่รามยังคงมองเพื่อนของเขาด้วยแววตาที่ทั้งเป็นห่วงและผิดหวัง เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าอะไรที่ทำให้เวย์เย็นชากับผู้หญิงคนนั้นได้ขนาดนี้…ทั้ง ๆ ที่อดีตมันผ่านมาแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม