บทที่ 9 เกาะส่วนตัว

1373 คำ
ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง เอี๊ยด! เสียงล้อรถทัวร์ครูดกับพื้นถนนลาดยาง ก่อนจะจอดสนิทหน้าหาด ทันทีที่ประตูรถเปิดออก… “แอ๊ดดดด!” โมเม ดีดตัวจากเบาะอย่างกับติดสปริง “ขวัญ! แก! ถึงทะเลแล้วววววววววววว!!” เธอตะโกนลั่นไม่อายใคร มือหนึ่งคว้าข้อมือเล็กของเพื่อนสาวอย่างแรงเหมือนเด็กวิ่งตามรถไอติม ขวัญข้าวเองหัวเราะเบา ๆ พยายามดึงมือตัวเองกลับ “เบา ๆ หน่อยโมเม คนทั้งคันมองหมดแล้ว…” ส่วนโมเมไม่สนใจคำทัก “ทะเลเว้ยแก! น้ำสีฟ้า มีท้องฟ้า ทรายก็ขาว! ชั้นจะถอดรองเท้า วิ่งลงไปกลิ้งเลยเดี๋ยวนี้!” ขวัญข้าวหัวเราะครืน “แกจะกลิ้งอะไร พี่เขายังไม่ให้ลงจากรถเลยนั่น…” จู่ ๆ เสียงรุ่นพี่ชายปี 3 คนหนึ่งก็ตะโกนจากฝั่งหน้ารถ “โอเค ๆ น้อง ๆ ลงมาเลยครับ เดี๋ยวเรือใหญ่จะมารับไป เกาะ แล้วนะครับ!” ขวัญข้าวหันควับไปหาโมเม “…เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ? เรือเหรอ?” โมเมตาโต “แก! แกได้ยินเหมือนที่ฉันได้ยินไหม! เกาะ! เขาว่าจะพาไปเกาะ!” ขวัญข้าวงง ๆ “เกาะไหนอีกล่ะ ฉันนึกว่ามาทำกิจกรรมที่หาดนี้เฉย ๆ ซะอีก” โมเมเบิกตากว้างเหมือนจะเป็นลมด้วยความดีใจ “ไม่ใช่หาด! ไม่ใช่ทะเลธรรมดา! แต่มันคือ… เกาะส่วนตัวเว้ยยยย!!! โอ้ยยย ชั้นดีใจจะแย่!” ขณะที่โมเมดีใจ ก็มีเสียงรุ่นพี่หญิงคนหนึ่งแทรกขึ้นมาจากข้างหน้า พร้อมรอยยิ้มใจดี “เอาล่ะ ๆ น้อง ๆ เงียบ ๆ กันก่อนนะคะ เดี๋ยวเรือก็จะเข้ามารับแล้ว อย่าเพิ่งเดินไปไหนกันค่ะ อยู่รวมกันตรงนี้ก่อนเนอะ” เสียงพูดของรุ่นพี่ทำให้น้อง ๆ ปี 1 ทั้งหมดค่อย ๆ เงียบลง แต่ก็ยังตื่นเต้นกันระงม น้องปี 1 ผู้ชายคนหนึ่งหันไปกระซิบกับเพื่อน “เฮ้ย กูเห็นเรือแล้วเว้ย ใหญ่ฉิบเป๋งเลยอ่ะ” รุ่นน้องผู้หญิงอีกคนหัวเราะ “นี่มันงานรับน้องหรือทริปเศรษฐีเนี่ย!” ขวัญข้าวได้ยินเสียงเพื่อนพูดกัน จึงหันไปมองเรือแล้วพูดกับโมเมเบา ๆ “เราไม่ต้องจ่ายเพิ่มใช่ไหมโมเม… ฉันมีเงินติดตัวมาไม่ถึงพันเลยนะ” โมเมสะบัดหน้าแรง ๆ “บ้าเหรอ! รุ่นพี่เขาบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ฟรี ทุกอย่าง! เพราะมีผู้สนับสนุนงบ! ได้ข่าวว่าอาจารย์ใหญ่กับรุ่นพี่ปีสามเขาช่วยกันจัดหนักจัดเต็ม!” เจ้าของใบหน้าสวยเริ่มผ่อนคลาย จาดนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก “ขนาดนี้เลยเหรอ… งบพี่เขาคือเกินต้านแล้วแบบนี้” โมเมสะบัดผมเหมือนนางงาม “และฉันจะใช้โอกาสนี้ เปล่งประกายให้รุ่นพี่ทุกคนจดจำฉันไปตลอดชีวิต! โดยเฉพาะพี่พอร์ช!” ขวัญข้าวกลั้นขำเพื่อนสนิท “พี่พอร์ชเขามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?” โมเมทำหน้าหมั่นไส้ “มันก็แค่ยังไม่เลิกไม่ได้แปลว่าเลิกไม่ได้ย่ะ” ~ครืนนน~ เสียงเครื่องยนต์เรือเริ่มดังเข้ามาใกล้ “เรือมาแล้วครับ เตรียมตัวขึ้นได้เลย จัดแถวตามกลุ่มนะครับ ใครลงชื่อกลุ่มไหนตอนสมัครกิจกรรมอยู่ตรงแถวนั้นนะ!” บรรยากาศริมทะเลเริ่มคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม เด็กปี 1 ต่างกรี๊ดกร๊าด ตื่นเต้น วิ่งหยิบกระเป๋า หยิบหมวก เตรียมกล้องเตรียมโทรศัพท์กันให้วุ่น บางคนก็แอบดูรองเท้าตัวเองว่าจะใส่ขึ้นเรือได้ไหม บางคนก็กลัวเมาเรือ แต่ทั้งหมดนั้น มีเสียงหัวเราะปะปนกับเสียงลมและคลื่น เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขวัญข้าวหันไปยิ้มให้โมเม “ขอบคุณนะโมเม ถ้าไม่มีแก ฉันคงนั่งเหงาอยู่ริมทะเลเงียบ ๆ คนเดียว” โมเมตีไหล่ขวัญข้าวเบา ๆ “อย่ามาเล่นใหญ่ เดี๋ยวแกได้เหงาจริง ๆ ถ้าชั้นโดนพี่พอร์ชอุ้มขึ้นเรือไปก่อน!” “บ้าบอ!” สองสาวหัวเราะเสียงใส ก่อนจะเดินเข้าแถว เตรียมขึ้นเรือไปยังเกาะที่พวกเธอไม่เคยรู้เลยว่า… จะมีอะไรรออยู่บนนั้นบ้าง ณ บนเรือโดยสารขนาดใหญ่ ดาดฟ้าชั้นบนเปิดโล่ง ลมทะเลตีหน้าแรงพอประมาณ แต่วิวโดยรอบสวยงามจับใจ เรือเริ่มแล่นออกจากฝั่ง ทิ้งไว้เพียงแนวชายหาดที่ห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ เสียงนักศึกษาปีหนึ่งกรี๊ดกร๊าด หยิบมือถือมาถ่ายรูปคลื่นที่แตกกระเซ็นกับหัวเรือ บ้างก็ถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน บรรยากาศครึกครื้นยิ่งกว่างานเลี้ยง มะปราง เดินเยื้องตัวอย่างมั่นใจในชุดทูพีซคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตบางเบาแบรนด์ดัง สีชมพูพาสเทลอ่อน เธอเดินมาหยุดตรงกลางเรือ ทำเสียงหวานแต่เจตนาเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน “เนี่ย… มะปรางถึงกับขอร้องคุณพ่อเลยนะ ว่าขอให้ช่วยติดต่อตระกูล วรรธนะเดช ให้หน่อย พอดีคุณพ่อของมะปรางน่ะมีบุญคุณเก่ากับตระกูลพี่ใต้ฝุ่นนิดหน่อย เขาเลยยอมให้ทางมหาลัยและมะปรางเช่าเกาะนี้ได้” ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงฮือฮาจากนักศึกษาหลายกลุ่มในเรือโดยเฉพาะปีหนึ่ง นักศึกษาหญิงคนหนึ่งพูดด้วยเสียงตื่นเต้น “โหพี่มะปราง! ฉันเคยได้ยินว่าตระกูลวรรธนะเดชชอบความเป็นส่วนตัวมากขนาดไหน ใครจะยื่นเงินให้ก็ไม่เคยรับนะ พ่อพี่ต้องมีบุญคุณกับเขาขั้นสุดอ่ะ!” จากนั้นนักศึกษาชายอีกคน เดินเข้ามาแทรก “ใช่ ๆ เคยอ่านข่าวว่าที่เกาะนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยสุดยอดเลยนะ เคยมีดาราดังจะเช่าจัดแต่งงานยังโดนปฏิเสธเลยอ่ะพี่!” มะปรางยิ้มหวานแต่ตาเย่อหยิ่ง “ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ คุณพ่อเป็นคนจริงใจ แล้วก็ไม่เคยลืมบุญคุณใคร… ไม่เหมือนบางคน” เธอหันไปพูดเบา ๆ แต่แอบเหลือบตามอง ขวัญข้าว อย่างจงใจ ขวัญข้าวไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยืนอยู่ริมราวเรืออีกฝั่งหนึ่งกับ โมเม สองสาวกำลังยิ้มสดใสถ่ายเซลฟี่กับท้องทะเลที่ทอดยาวสุดสายตา โมเมกดชัตเตอร์ แล้วพูดขึ้น “โอย ขวัญ ฉันว่าแสงตอนนี้คือที่สุดเลยอ่ะ! ผิวแกนี่โกลว์แบบไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์เลย!” ขวัญข้าวยิ้มตาหยี “พูดเวอร์อีกละ แกนี่ชมฉันบ่อยจนฉันจะคิดว่าฉันเป็นนางแบบแล้วนะ!” โมเมกระซิบ “จริง ๆ แล้วแกสวยแบบซ่อนรูปมากเลยนะขวัญ วันนี้ใครไม่มองแก ฉันว่าเป็นบ้าแล้วอะ!” อีกฝั่งของเรือ เวธัสนั่งพิงราวเรือด้านหลัง ไม่พูดอะไร เขามองเงียบ ๆ ไปยังภาพขวัญข้าวที่ยิ้มแฉ่ง หัวเราะกับเพื่อนอยู่ใต้แสงแดดยามสาย ผิวขาวเนียนของเธอสะท้อนแดดจนดูเปล่งประกายในสายตาเขา …ยิ่งเธอยิ้ม เขายิ่งรู้สึกเหมือนกำลังมอง “ข้าว” อีกครั้ง… มะปรางหันมาเห็นสายตาของเวธัสที่มองไปทางขวัญข้าว “…เวย์” เสียงเธอเรียกดึงเขากลับมาจากภวังค์ เวธัสตอบเรียบ ๆ โดยไม่หันกลับไป “หืม?” “เรือวิวดีเนอะ… แต่ฉันว่าวิวฉันดีกว่าอีกนะ” เธอเบียดตัวเข้ามาใกล้ วางมือลูบแขนเขาเบา ๆ เวธัสขยับตัวออกเล็กน้อย “วิวทะเลดีกว่า ฉันกำลังดูมันอยู่” มะปรางสีหน้าเปลี่ยนกลั้นความหงุดหงิดไว้ในสีหน้ายิ้ม ๆ “บางทีก็ไม่เข้าใจเลย… นายจะคิดถึงผู้หญิงที่จากไปแล้วไปถึงเมื่อไหร่กัน” เสียงเธออ่อนลง… แล้วหันไปมองขวัญข้าวที่มีใบหน้าเหมือนพี่สาวเป๊ะ ๆ ก่อนจะพึมพำในใจ “…หรือเธอไม่ได้จากไปเลย แต่กลับมาในร่างที่ไม่สมบูรณ์แบบเท่าเดิม…” ภาพเงียบสงัดชั่วครู่ก่อนที่เสียงคลื่นจะดึงทุกคนกลับมาอีกครั้ง ไม่นานนักเกาะส่วนตัวค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อยตรงขอบฟ้า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง “เห้ย! เกาะอยู่ตรงนั้น! สวยมากเลยแก!” เสียงเฮของปีหนึ่งดังขึ้นรอบเรือ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง… กิจกรรมรับน้องครั้งนี้สนุกแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม