ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง
เอี๊ยด!
เสียงล้อรถทัวร์ครูดกับพื้นถนนลาดยาง ก่อนจะจอดสนิทหน้าหาด
ทันทีที่ประตูรถเปิดออก…
“แอ๊ดดดด!”
โมเม ดีดตัวจากเบาะอย่างกับติดสปริง
“ขวัญ! แก! ถึงทะเลแล้วววววววววววว!!”
เธอตะโกนลั่นไม่อายใคร มือหนึ่งคว้าข้อมือเล็กของเพื่อนสาวอย่างแรงเหมือนเด็กวิ่งตามรถไอติม
ขวัญข้าวเองหัวเราะเบา ๆ พยายามดึงมือตัวเองกลับ
“เบา ๆ หน่อยโมเม คนทั้งคันมองหมดแล้ว…”
ส่วนโมเมไม่สนใจคำทัก
“ทะเลเว้ยแก! น้ำสีฟ้า มีท้องฟ้า ทรายก็ขาว! ชั้นจะถอดรองเท้า วิ่งลงไปกลิ้งเลยเดี๋ยวนี้!”
ขวัญข้าวหัวเราะครืน
“แกจะกลิ้งอะไร พี่เขายังไม่ให้ลงจากรถเลยนั่น…”
จู่ ๆ เสียงรุ่นพี่ชายปี 3 คนหนึ่งก็ตะโกนจากฝั่งหน้ารถ
“โอเค ๆ น้อง ๆ ลงมาเลยครับ เดี๋ยวเรือใหญ่จะมารับไป เกาะ แล้วนะครับ!”
ขวัญข้าวหันควับไปหาโมเม
“…เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ? เรือเหรอ?”
โมเมตาโต
“แก! แกได้ยินเหมือนที่ฉันได้ยินไหม! เกาะ! เขาว่าจะพาไปเกาะ!”
ขวัญข้าวงง ๆ
“เกาะไหนอีกล่ะ ฉันนึกว่ามาทำกิจกรรมที่หาดนี้เฉย ๆ ซะอีก”
โมเมเบิกตากว้างเหมือนจะเป็นลมด้วยความดีใจ
“ไม่ใช่หาด! ไม่ใช่ทะเลธรรมดา! แต่มันคือ… เกาะส่วนตัวเว้ยยยย!!! โอ้ยยย ชั้นดีใจจะแย่!”
ขณะที่โมเมดีใจ ก็มีเสียงรุ่นพี่หญิงคนหนึ่งแทรกขึ้นมาจากข้างหน้า พร้อมรอยยิ้มใจดี
“เอาล่ะ ๆ น้อง ๆ เงียบ ๆ กันก่อนนะคะ เดี๋ยวเรือก็จะเข้ามารับแล้ว อย่าเพิ่งเดินไปไหนกันค่ะ อยู่รวมกันตรงนี้ก่อนเนอะ”
เสียงพูดของรุ่นพี่ทำให้น้อง ๆ ปี 1 ทั้งหมดค่อย ๆ เงียบลง แต่ก็ยังตื่นเต้นกันระงม
น้องปี 1 ผู้ชายคนหนึ่งหันไปกระซิบกับเพื่อน
“เฮ้ย กูเห็นเรือแล้วเว้ย ใหญ่ฉิบเป๋งเลยอ่ะ”
รุ่นน้องผู้หญิงอีกคนหัวเราะ
“นี่มันงานรับน้องหรือทริปเศรษฐีเนี่ย!”
ขวัญข้าวได้ยินเสียงเพื่อนพูดกัน จึงหันไปมองเรือแล้วพูดกับโมเมเบา ๆ
“เราไม่ต้องจ่ายเพิ่มใช่ไหมโมเม… ฉันมีเงินติดตัวมาไม่ถึงพันเลยนะ”
โมเมสะบัดหน้าแรง ๆ
“บ้าเหรอ! รุ่นพี่เขาบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ฟรี ทุกอย่าง! เพราะมีผู้สนับสนุนงบ! ได้ข่าวว่าอาจารย์ใหญ่กับรุ่นพี่ปีสามเขาช่วยกันจัดหนักจัดเต็ม!”
เจ้าของใบหน้าสวยเริ่มผ่อนคลาย จาดนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก
“ขนาดนี้เลยเหรอ… งบพี่เขาคือเกินต้านแล้วแบบนี้”
โมเมสะบัดผมเหมือนนางงาม
“และฉันจะใช้โอกาสนี้ เปล่งประกายให้รุ่นพี่ทุกคนจดจำฉันไปตลอดชีวิต! โดยเฉพาะพี่พอร์ช!”
ขวัญข้าวกลั้นขำเพื่อนสนิท
“พี่พอร์ชเขามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
โมเมทำหน้าหมั่นไส้
“มันก็แค่ยังไม่เลิกไม่ได้แปลว่าเลิกไม่ได้ย่ะ”
~ครืนนน~
เสียงเครื่องยนต์เรือเริ่มดังเข้ามาใกล้
“เรือมาแล้วครับ เตรียมตัวขึ้นได้เลย จัดแถวตามกลุ่มนะครับ ใครลงชื่อกลุ่มไหนตอนสมัครกิจกรรมอยู่ตรงแถวนั้นนะ!”
บรรยากาศริมทะเลเริ่มคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม เด็กปี 1 ต่างกรี๊ดกร๊าด ตื่นเต้น วิ่งหยิบกระเป๋า หยิบหมวก เตรียมกล้องเตรียมโทรศัพท์กันให้วุ่น
บางคนก็แอบดูรองเท้าตัวเองว่าจะใส่ขึ้นเรือได้ไหม บางคนก็กลัวเมาเรือ
แต่ทั้งหมดนั้น มีเสียงหัวเราะปะปนกับเสียงลมและคลื่น เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ขวัญข้าวหันไปยิ้มให้โมเม
“ขอบคุณนะโมเม ถ้าไม่มีแก ฉันคงนั่งเหงาอยู่ริมทะเลเงียบ ๆ คนเดียว”
โมเมตีไหล่ขวัญข้าวเบา ๆ
“อย่ามาเล่นใหญ่ เดี๋ยวแกได้เหงาจริง ๆ ถ้าชั้นโดนพี่พอร์ชอุ้มขึ้นเรือไปก่อน!”
“บ้าบอ!”
สองสาวหัวเราะเสียงใส ก่อนจะเดินเข้าแถว เตรียมขึ้นเรือไปยังเกาะที่พวกเธอไม่เคยรู้เลยว่า…
จะมีอะไรรออยู่บนนั้นบ้าง
ณ บนเรือโดยสารขนาดใหญ่ ดาดฟ้าชั้นบนเปิดโล่ง ลมทะเลตีหน้าแรงพอประมาณ แต่วิวโดยรอบสวยงามจับใจ
เรือเริ่มแล่นออกจากฝั่ง ทิ้งไว้เพียงแนวชายหาดที่ห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ เสียงนักศึกษาปีหนึ่งกรี๊ดกร๊าด หยิบมือถือมาถ่ายรูปคลื่นที่แตกกระเซ็นกับหัวเรือ บ้างก็ถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน บรรยากาศครึกครื้นยิ่งกว่างานเลี้ยง
มะปราง เดินเยื้องตัวอย่างมั่นใจในชุดทูพีซคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตบางเบาแบรนด์ดัง สีชมพูพาสเทลอ่อน เธอเดินมาหยุดตรงกลางเรือ ทำเสียงหวานแต่เจตนาเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน
“เนี่ย… มะปรางถึงกับขอร้องคุณพ่อเลยนะ ว่าขอให้ช่วยติดต่อตระกูล วรรธนะเดช ให้หน่อย พอดีคุณพ่อของมะปรางน่ะมีบุญคุณเก่ากับตระกูลพี่ใต้ฝุ่นนิดหน่อย เขาเลยยอมให้ทางมหาลัยและมะปรางเช่าเกาะนี้ได้”
ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงฮือฮาจากนักศึกษาหลายกลุ่มในเรือโดยเฉพาะปีหนึ่ง
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งพูดด้วยเสียงตื่นเต้น
“โหพี่มะปราง! ฉันเคยได้ยินว่าตระกูลวรรธนะเดชชอบความเป็นส่วนตัวมากขนาดไหน ใครจะยื่นเงินให้ก็ไม่เคยรับนะ พ่อพี่ต้องมีบุญคุณกับเขาขั้นสุดอ่ะ!”
จากนั้นนักศึกษาชายอีกคน เดินเข้ามาแทรก
“ใช่ ๆ เคยอ่านข่าวว่าที่เกาะนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยสุดยอดเลยนะ เคยมีดาราดังจะเช่าจัดแต่งงานยังโดนปฏิเสธเลยอ่ะพี่!”
มะปรางยิ้มหวานแต่ตาเย่อหยิ่ง
“ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ คุณพ่อเป็นคนจริงใจ แล้วก็ไม่เคยลืมบุญคุณใคร… ไม่เหมือนบางคน”
เธอหันไปพูดเบา ๆ แต่แอบเหลือบตามอง ขวัญข้าว อย่างจงใจ
ขวัญข้าวไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยืนอยู่ริมราวเรืออีกฝั่งหนึ่งกับ โมเม สองสาวกำลังยิ้มสดใสถ่ายเซลฟี่กับท้องทะเลที่ทอดยาวสุดสายตา
โมเมกดชัตเตอร์ แล้วพูดขึ้น
“โอย ขวัญ ฉันว่าแสงตอนนี้คือที่สุดเลยอ่ะ! ผิวแกนี่โกลว์แบบไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์เลย!”
ขวัญข้าวยิ้มตาหยี
“พูดเวอร์อีกละ แกนี่ชมฉันบ่อยจนฉันจะคิดว่าฉันเป็นนางแบบแล้วนะ!”
โมเมกระซิบ
“จริง ๆ แล้วแกสวยแบบซ่อนรูปมากเลยนะขวัญ วันนี้ใครไม่มองแก ฉันว่าเป็นบ้าแล้วอะ!”
อีกฝั่งของเรือ เวธัสนั่งพิงราวเรือด้านหลัง ไม่พูดอะไร
เขามองเงียบ ๆ ไปยังภาพขวัญข้าวที่ยิ้มแฉ่ง หัวเราะกับเพื่อนอยู่ใต้แสงแดดยามสาย ผิวขาวเนียนของเธอสะท้อนแดดจนดูเปล่งประกายในสายตาเขา
…ยิ่งเธอยิ้ม เขายิ่งรู้สึกเหมือนกำลังมอง “ข้าว” อีกครั้ง…
มะปรางหันมาเห็นสายตาของเวธัสที่มองไปทางขวัญข้าว
“…เวย์”
เสียงเธอเรียกดึงเขากลับมาจากภวังค์
เวธัสตอบเรียบ ๆ โดยไม่หันกลับไป
“หืม?”
“เรือวิวดีเนอะ… แต่ฉันว่าวิวฉันดีกว่าอีกนะ”
เธอเบียดตัวเข้ามาใกล้ วางมือลูบแขนเขาเบา ๆ
เวธัสขยับตัวออกเล็กน้อย
“วิวทะเลดีกว่า ฉันกำลังดูมันอยู่”
มะปรางสีหน้าเปลี่ยนกลั้นความหงุดหงิดไว้ในสีหน้ายิ้ม ๆ
“บางทีก็ไม่เข้าใจเลย… นายจะคิดถึงผู้หญิงที่จากไปแล้วไปถึงเมื่อไหร่กัน”
เสียงเธออ่อนลง… แล้วหันไปมองขวัญข้าวที่มีใบหน้าเหมือนพี่สาวเป๊ะ ๆ
ก่อนจะพึมพำในใจ
“…หรือเธอไม่ได้จากไปเลย แต่กลับมาในร่างที่ไม่สมบูรณ์แบบเท่าเดิม…”
ภาพเงียบสงัดชั่วครู่ก่อนที่เสียงคลื่นจะดึงทุกคนกลับมาอีกครั้ง
ไม่นานนักเกาะส่วนตัวค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อยตรงขอบฟ้า
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง
“เห้ย! เกาะอยู่ตรงนั้น! สวยมากเลยแก!”
เสียงเฮของปีหนึ่งดังขึ้นรอบเรือ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง… กิจกรรมรับน้องครั้งนี้สนุกแน่