เช้าวันต่อมา ณ ลานกว้างหน้ามหาวิทยาลัย เวลา 06:00 น.
เสียงเอะอะโวยวายปนความตื่นเต้นดังไปทั่วลานกว้าง บรรดานักศึกษาปีหนึ่งทยอยเดินลากกระเป๋า เดินโซเซบ้าง ตื่นตัวบ้าง มารวมตัวกันตามจุดที่รุ่นพี่เรียกชื่อ
“กลุ่ม B ต่อแถวนะค้า~ เดี๋ยวอาจารย์กับพี่ ๆ จะเช็กชื่อแล้ว!” เสียงรุ่นพี่หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกขาน ท่ามกลางแดดอ่อน ๆ ที่เพิ่งเริ่มทอแสงในยามเช้า
ขวัญข้าวยืนกอดกระเป๋าเป้แน่น ชำเลืองมองรอบ ๆ อย่างระวัง โมเมที่อยู่ข้าง ๆ หาวหวอดหนึ่งฟอด ก่อนจะพึมพำเบา ๆ
“ง่วงงง~ นี่มันวันเสาร์นะเธอ คนธรรมดาเค้านอนถึงเก้าโมงไม่ใช่เหรอ…”
ขวัญข้าวส่งยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนสนิท
“แต่เราน่าจะถึงก่อนเที่ยง ถ้าไม่แวะเยอะ”
หลังจากเช็กชื่อเรียบร้อย กระเป๋าของทุกคนก็ถูกขนขึ้นรถบัสขนาดใหญ่ที่จอดเรียงรายอยู่สามคัน ขวัญข้าวกับโมเมถูกจัดให้อยู่รถคันที่ 2 ซึ่งดูจะเต็มไปด้วยพวกสายเฮฮาเสียส่วนใหญ่
~ฮ่า ๆ ๆ~
เสียงหัวเราะดังแทรกอยู่ทุกที่ โมเมเดินขึ้นรถด้วยความร่าเริง คว้าที่นั่งติดหน้าต่างไว้ทันที แล้วตบเบาะข้าง ๆ เรียกขวัญข้าว
“ตรงนี้เลยเจ้าเพื่อน! วิวสวย นั่งสบาย ห่างไกลรุ่นพี่~”
ขวัญข้าวพยักหน้านั่งลงข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ ที่เบาะด้านหลัง ก่อนที่ใครบางคนจะนั่งลง
ร่างบางชะงัก… กลั้นใจช้า ๆ แล้วหันไปมองทางกระจกด้านข้างรถ
เงาเรือนผมเข้มและไหล่กว้าง ๆ ของ เวธัส ปรากฏอยู่ตรงนั้น…
ขวัญข้าวได้แต่คิดในใจ
‘ทำไมเขาต้องมานั่งตรงนี้… นั่งหลังฉันด้วย? รุ่นพี่คนอื่นนั่งหน้าหมดเลยนี่นา…’
หัวใจเธอเต้นโครมคราม หายใจติดขัดอยู่ครู่หนึ่ง มือกำชายกระโปรงแน่นจนแทบยับ
‘คนมันจะเกลียด… แค่เธอหายใจอยู่ใกล้ ๆ ก็เกลียดแล้ว…’
‘หรือเขาจะตามมาดู ว่าฉันจะทำอะไรน่าเกลียดอีกรึเปล่า…’
หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะขยับพนักพิงไปทางหลังเพราะกลัวว่ามันจะไปโดนเขา
เวธัสไม่พูดอะไรเลย… เงียบกริบ...มีเพียงเสียงลมหายใจนิ่ง ๆ ที่ดังลอดจากด้านหลังเป็นจังหวะ
จากนั้นโมเมกระซิบข้างหูของคนตัวเล็ก
“ขวัญ… ขวัญ! เขานั่งหลังเธอเลยอะเว้ย! ทำไมไม่ไปนั่งหน้ารถเหมือนรุ่นพี่คนอื่นวะ?”
ขวัญข้าวพึมพำตอบเพื่อนเบา ๆ
“…ไม่รู้เหมือนกัน”
ขณะเดียวกันรุ่นพี่ชายสองคนที่นั่งแถวหน้าแกล้งหันไปคุยกับสาวปี 1 ที่นั่งข้างหลังพวกเขา เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกับถุงขนมที่ถูกแบ่งกันอย่างออกรส
“กินมั้ย ๆ ขนมปลากรอบร้านแถวมหาลัย อร่อยนะครับ~”
สาวน้อยปี 1 ตอบ
“แหนะ จีบกันกลางรถเลยนะพี่”
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้หน้าหม้้อ”
ตอนนี้บรรยากาศในรถคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้นบริเวณแถวที่ขวัญข้าวนั่ง ซึ่งดูเหมือนจะมีหมอกความกดดันบาง ๆ ลอยคลุมอยู่เงียบ ๆ
ขวัญข้าวพยายามตั้งใจฟังเพลงจากหูฟังเล็ก ๆ ที่พกติดตัวมา แต่กลับรู้สึกได้ถึงสายตานิ่ง ๆ จากด้านหลัง ที่แม้จะไม่ได้จ้องมาทางเธอตรง ๆ แต่ก็ทำให้เธอนั่งไม่ติด
ขวัญข้าวคิดในใจ
“หรือว่าพี่เขาจะคอยจับผิดฉัน… จะลงโทษฉันอีกหรือเปล่า…”
ไม่รอช้าโมเมยื่นถุงขนมกรุบกรอบให้เธออย่างใจดี
โมเมพูดยิ้ม ๆ
“กินมั้ยขวัญ… อย่าทำหน้าตึงสิ มีฉันอยู่ทั้งคน เดี๋ยวเราก็ถึงทะเลแล้ว!”
ขวัญข้าวพยักหน้าเบา ๆ รับขนมมาคำหนึ่ง แม้ในใจจะไม่คลายความกังวล แต่ก็รู้ว่าการแสดงออกอะไรผิด ๆ ต่อหน้าเขา…อาจกลายเป็นปัญหาได้ทุกเมื่อ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงในรถบัส ระหว่างเดินทางไปทะเล เวลา 6:30 น.
รถเคลื่อนตัวลัดเลาะออกจากเมือง แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าส่องลอดผ่านม่านบาง ๆ เข้ามาในตัวรถ เพลงจากลำโพงเบา ๆ คลอไปกับเสียงพูดคุยจอแจของเหล่านักศึกษา
โมเมที่กินขนมกรอบไปเกือบหมดถุง เผลอพิงหัวกับกระจกหน้าต่างแล้วก็หลับไปในที่สุด ศีรษะของเธอโยกเบา ๆ ทุกครั้งที่รถกระเทือน
ปึก!
หัวโมเมไหลไปโขกกระจกรถเข้าเต็ม ๆ
ร่างบางสะดุ้งเฮือก
“อุ๊ย… โมเม…”
คนตัวเล็กรีบหันไปดูเพื่อนอย่างตกใจ แต่โมเมไม่ขยับ ไม่ตื่นแม้แต่น้อย ยังคงหลับตาพริ้มเหมือนไม่รู้เรื่อง
ขวัญข้าวยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู ยกมือขึ้นค่อย ๆ ประคองศีรษะเพื่อนกลับมาซบไหล่ตัวเองเบา ๆ มืออีกข้างลูบผมปลอบ ๆ พลางกระซิบเบา ๆ
“ซุ่มซ่ามจริงเชียว… หลับได้หลับดีนะเรา”
เธอมองใบหน้าของเพื่อนรักด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ รอยยิ้มของเธอดูสดใส และอบอุ่นในแบบที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งควรจะเป็น
แต่ทั้งหมดนั้น… กลับไม่ใช่ภาพที่เวธัสรู้สึกพอใจ
จากเบาะหลัง เขาเห็นเพียงแผ่นหลังเล็ก ๆ ของเธอที่นั่งนิ่ง ไม่รับรู้เลยว่าคนข้างหลังจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา
เวธัสคิดในใจ
“ยิ้ม… ยังจะยิ้มอีกเหรอ…”
“ข้าวตายไปทั้งคน… เธอควรเศร้า ไม่ใช่มีความสุขหน้าชื่นตาบานแบบนี้…”
คิ้วหนาขมวดแน่น ริมฝีปากเม้มสนิท เขาหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่แล้วกลับรู้สึกถึงมือเย็น ๆ ที่สอดเข้ามาใต้แขน
มะปรางพูดเสียงแผ่วเจือออดอ้อน
“เวย์… เป็นอะไรเหรอ?”
เธอพูดพร้อมลูบมือไปตามหน้าอกแกร่งใต้เสื้อนักศึกษา ดวงตาเรียวเฉี่ยวหรี่มองเขาอย่างรู้ทัน
เวธัสที่หงุดหงิดอยู่ จับมือเรียวบางของเธอออกทันที
“ตรงนี้ไม่ได้ มะปราง… รอไปถึงเกาะก่อน”
มะปรางยิ้มขำ อย่างจงใจ
“แค่จูบก็ไม่ได้เหรอ?”
เสียงของเธอไม่ได้ดังนัก แต่ก็ดังพอที่จะทำให้ขวัญข้าวนั่งอยู่เบื้องหน้าได้ยิน
ขวัญข้าวชะงักกึก
มือบางที่กำลังลูบผมโมเมชะลอลงเล็กน้อย… ก่อนจะเสมองออกไปนอกหน้าต่าง
เวธัสหันไปมองเสี้ยวใบหน้าเธออีกครั้ง เห็นเธอนิ่ง… ไม่ได้หันกลับมา
แต่ลึก ๆ แล้วเขารู้สึกได้ว่าเธอ… ได้ยิน
ไม่รู้ทำไม รู้สึกแปลก ๆ
รู้สึกเหมือนทำร้ายใครบางคน… โดยที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่า เพราะอะไร
มะปรางแกล้งกระซิบย้ำ
“หรือว่า… กลัวใครจะหึงล่ะจ๊ะ?”
เสียงหัวเราะของเธอเบาและหวาน แต่แสบซ่านพอจะทิ่มแทงคนบางคนให้สะดุ้งในใจได้
เธอยิ้มอย่างรู้ทัน แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้เวธัสอีกนิด ปลายจมูกแตะกันนิด ๆ แทนที่จะผลักเธอออกเหมือนก่อนหน้า ชายหนุ่มกลับ… โอบรอบเอวเธอแล้วโน้มลงมาหา
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเบา ๆ
“กวนดีนะเธอ…”
จากนั้นริมฝีปากหนาก็ประกบลงบนริมฝีปากแดงสดของมะปรางทันที
แรงจูบของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความปรารถนา แต่มันคือความหงุดหงิด การประชดชีวิต และอารมณ์สับสนที่เอาออกไม่ถูกทาง
มะปรางยิ้มรับอย่างพอใจ มือเธอขยุ้มปกเสื้อเขาไว้แน่น ราวกับต้องการให้ทุกคนในรถรู้ว่า…
เธอ เป็นเจ้าของเขา
ขณะเดียวกัน…
ขวัญข้าวที่นั่งข้างหน้า ได้แต่เม้มปากแน่น
เธอไม่กล้าหันกลับไปดู แค่เสียงก็เพียงพอจะทำให้หัวใจเธอร่วงวูบอย่างไม่เข้าใจ
เธอไม่ได้ชอบเขา…
ไม่เลย
แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอยู่ตอนนี้
เพียงชั่วพริบตา เสียงเป้ เพื่อนสนิทของเวธัสก็ดังขึ้น เขาเดินจากด้านหน้ามายังเบาะด้านหลัง
“เฮ้ยยยยย!! แหม ๆ ๆ รอให้ถึงเกาะก่อนก็ได้นะเว้ยพ่อคุณ! จะเสร็จทั้งทีก็ขอมีวิวทะเลหน่อยเหอะ!”
เสียงแซวลั่นรถของเป้ทำให้คนทั้งคันหันมามอง เวธัสถอนริมฝีปากออกช้า ๆ เหลือบตามองเป้ด้วยแววตาไม่สบอารมณ์
“มึงมีอะไร?”
เป้ ยังยิ้มขำ ๆ อยู่
“เออ กูจะชวนมึงไปข้างหน้าแป๊บนึง พูดเรื่องกิจกรรมกลางคืน เดี๋ยวอาจารย์เขาให้มาช่วยดูเวรยามน้อง ๆ ด้วยน่ะ”
“…อืม ไปดิ”
เขาผละจากมะปรางทันที ลุกขึ้นเดินตามเป้ออกไปข้างหน้าโดยไม่มองขวัญข้าวแม้แต่น้อย
มะปรางเองก็ยกมือแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ แล้วยิ้มพอใจ
แม้เขาจะไม่รักเธอ… แต่เธอก็ยังชนะ
ส่วนขวัญข้าว…
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ
มือที่เคยลูบผมเพื่อน ตอนนี้สั่นน้อย ๆ
เธอไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในอกยังไงดี
แต่เธอแน่ใจ… ว่าต่อจากนี้ทริปนี้คงไม่สงบแน่