ไม่รู้อีกนานแค่ไหน

1675 คำ
“พลอยเอาไงดีล่ะ ริณจะควรจะไลน์ไปบอกอารามดีไหมว่าตอนนี้กลับมาถึงโรงเรียนแล้ว” ริณเรณูกลัวว่ามันดึกเกินไปและจะเป็นการรบกวนคนที่เพิ่งเคยเจอกัน “ก็ไลน์ไปสิเขาบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้ามาถึงแล้วก็ให้ริณไลน์ไปบอก” “แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้วนะ” “เอาน่าไลน์ไปเถอะถ้าเขาหลับแล้วเขาก็คงไม่อ่านหรอก บอกเขาไปว่าเรามาถึงแล้วและกำลังจะกลับบ้าน” สุนิสาบอกเพื่อนขณะที่กำลังช่วยอ่านเอากระเป๋าเดินทางใส่นั่งหลังรถของบิดาซึ่งมารับกลับบ้าน เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถแล้วริณเรณูก็ไลน์ไปบอกรามัญแต่ไม่รู้หรอกกว่าเขาจะอ่านไหม “ตอนนี้หนูถึงโรงเรียนแล้วนะคะกำลังจะกลับบ้านค่ะ” เมื่อไลน์แล้วยังไม่ทันได้เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าชายหนุ่มก็เลยตอบกลับ “แล้วกลับบ้านยังไงดึกขนาดนี้มีรถเหรอ” “พ่อของพลอยมารับค่ะ คืนนี้หนูจะไปค้างที่บ้านพลอยค่ะ” “ถ้างั้นก็รีบกลับไปพักเถอะ” “ค่ะอาราม” หญิงสาวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะหันมากระซิบกับสุนิสาที่นั่งอยู่เบาะหลังคู่กับตนเอง “พลอยว่าอารามเขาใจดีไหม” “ใจดีสิ ใจดีมากๆ และยังหล่อมากๆ ด้วยนะ” “แล้วพลอยคิดว่าเขาจะช่วยริณได้จริงหรือเปล่า เรื่องที่อยากจะให้พ่อมาเยี่ยมแม่น่ะ” “พลอยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขารับปากแล้วนะ” “ริณกลัวว่าพอเขาบอกพ่อไปแล้วพ่อจะไม่มา” “ก็น่าคิดนะ ริณกับพ่อไม่เคยติดต่อกันมาก่อน” “ริณไม่รู้ว่าพ่อเป็นคนนิสัยยังไง เท่าที่ได้คุยกับแม่ แม่ก็บอกว่าเขาเป็นคนจิตใจดีและรักแม่มากๆ แต่มันก็แปลกนะเขาบอกว่ารักแม่มากแต่กลับไปมีครอบครัวใหม่” “ริณคิดว่าเขาจะมาเยี่ยมแม่ไหม” “ริณก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ภาวนาขอให้เขาเห็นแก่เรื่องในอดีตบ้าง ส่วนเขาจะรับริณเป็นลูกหรือเปล่าริณไม่ได้เดือดร้อนอะไรเรื่องนั้นเลย แต่เราเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อนนะพลอยห้ามบอกใครเด็ดขาด” “ถ้าเขาไม่มาเยี่ยมริณจะเสียใจไหม” “ทั้งเสียใจทั้งเสียความรู้สึกเลยนะ ถ้าพ่อยังมีเมตตาอยู่บ้างเขาก็คงมาเยี่ยมแม่ในวาระสุดท้าย แต่เรื่องนี้ริณยังไม่ได้บอกแม่หรอกกลัวว่าแม่จะรอเก้อ ถ้าเขาไม่มาเยี่ยมแม่จะเป็นทุกข์ไปมากกว่านี้ แค่โรคที่เป็นอยู่แม่ก็ทรมานมาแล้ว” ทั้งสองคนกระซิบกันอยู่ที่เบาะหลังจนกระทั่งถึงบ้านของสุนิสาก็พากันอาบน้ำและเข้านอน แม้ว่าเมื่อคืนจะกลับมาถึงบ้านดึกมากแต่เช้านี้ริณเรณูก็รีบอาบน้ำแต่งตัวและให้บิดาของสุนิสาไปส่งเธอที่บ้านจากนั้นเธอก็ขี่จักรยานยนต์ไปหามารดาที่โรงพยาบาลซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณห้ากิโลเมตร เด็กสาวสูดลมหายใจเต็มปอดยิ้มอย่างสดใสก่อนจะเข้าไปหามารดาที่นอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง “สวัสดีค่ะแม่หนุคิดถึงแม่จัง” “แม่ก็คิดถึงหนูจ๊ะ เป็นยังไงบ้างได้ไปเที่ยวมาสนุกไหมลูก” “สนุกค่ะแม่” “เห็นไหมแม่บอกแล้วว่าการได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ น่ะมันสนุกมากๆ และประสบการณ์แบบนี้มันก็หาไม่ได้จากที่อื่นเลย แล้วเมื่อคืนหนูมาถึงกี่โมงจ๊ะ” “ถึงโรงเรียนตีสองค่ะแม่ กว่าจะอาบน้ำเข้านอนก็เกือบจะตีสาม” “ได้นอนไปนิดเดียวแล้วยังจะมาหาแม่แต่เช้าอีก ทำไมไม่นอนพักก่อนแล้วค่อยมาเยี่ยมแม่ตอนเย็น” “ก็หนูคิดถึงแม่นี่คะ เป็นห่วงแม่ด้วย สองวันนี้อาการของแม่เป็นยังไงบ้าง” “อาการก็ทรงๆ จ้ะแต่แม่กินข้าวได้เยอะขึ้นนะ” “ดีแล้วล่ะค่ะ แม่อยากกินขนมอะไรเพิ่มไหมเดี๋ยวหนูจะไปซื้อให้ หนูไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้ซื้อขนมอะไรมาฝากแม่เลยค่ะ รถจอดไม่กี่ทีเองหนูขี้เกียจไปแย่งคนอื่นซื้อ” “แม่ไม่ต้องการน่ะของฝากอะไรจากหนูหรอกจะลูกแค่เห็นหนูมีความสุขแม่ก็ดีใจแล้ว” “แม่คะเดี๋ยวกินข้าวกลางวันแล้วหนูขอตัวกลับไปที่บ้านนะคะ หนูยังไม่ได้จัดการกับเสื้อผ้าที่ใส่ไปเที่ยวมาเลยค่ะ” “ได้สิ เย็นนี้หนูไม่ต้องมาเยี่ยมแม่ก็ได้นะ” “ทำไมล่ะคะ” “ก็แม่อยากให้หนูนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่พรุ่งนี้วันอาทิตย์มาหาแม่ช่วงสายๆ ก็ได้” “ทำไมแม่ถึงไม่อยากให้หนูมาเยี่ยมล่ะคะ” “ก็แม่เป็นห่วงหนูน่ะลูก ถ้าหนูกลับไปบ้านแล้วเย็นนี้ยังจะต้องมาเยี่ยมอีกก็ไม่ต้องได้พักผ่อนกันพอดี แม่อยู่ที่นี่มีพยาบาลคอยดูแลอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหนูไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกนะ” “แม่จะบอกให้หนูไม่เป็นห่วงแม่ได้ยังไงหนูมีแม่คนเดียวนะคะ” “แม่รู้แต่แม่ก็อยากให้หนูได้พักผ่อน ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นบ้าง ตั้งแต่แม่ป่วยหนูก็ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนเลย แม่อยากให้หนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่าเอาชีวิตมาผูกติดกับแม่เพราะแม่เองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กับหนูได้อีกนานแค่ไหน แม่อยากให้หนูแข็งแกร่งและอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งพาใคร” “ค่ะแม่ หนูจะแข็งแกร่งและดูแลตัวเองอย่างดี” “ริณจ๊ะจำไว้อย่างหนึ่งนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่อยากให้หนูเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่หนูจะสามารถเรียนไหว เพราะความรู้จะทำให้หนูใช้ชีวิตได้โดยไม่ถูกใครเอาเปรียบ หนูจะได้มีอาชีพมีงานที่ดีทำ” “แม่อย่าพูดแบบนี้สิคะ” ริณเรณูไม่ชอบเลยที่มารดาพูดแบบนี้เพราะมันเหมือนเป็นการสั่งเสีย ถึงแม้จะรู้ว่ามารดาอยู่ได้อีกไม่นานแต่เด็กสาวก็ไม่อยากพูดเรื่องเศร้าแบบนี้เลย “แม่ต้องพูดเพราะแม่รู้ตัวเองดีคุณหมอก็บอกแล้วว่าไม่อาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ตอนนี้แม่ก็แค่นับวันรอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันนั้น” “แม่ขาหนูรักแม่นะคะ หนูไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย” “แต่หนูก็รู้ว่ามันเลี่ยงไม่ได้ ริณจ๊ะถ้าแม่ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วหนูลองบอกแม่มาซิว่าหนูวางแผนจะทำยังไงกับชีวิตของตนเองต่อ” “แม่คะเราไม่พูดเรื่องนี้กันได้ไหม” “ไม่ได้หรอกลูก หนูไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเหลืออยู่ที่นี่เลยหนูต้องวางแผนอนาคตของตัวเอง แม่ขอโทษที่ไม่สามารถอยู่เห็นความสำเร็จของหนูได้” เรณูพูดแล้วร้องไห้ด้วยเสียงสั่นเครือ เธอรู้สึกเหนื่อยมากๆ แต่เมื่อเห็นลูกสาวมาเยี่ยมก็พยายามยิ้มแย้มแจ่มใสและทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด ทั้งที่ตัวเองรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดลมหายใจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า “แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูวางแผนเอาไว้แล้วล่ะค่ะว่าถ้าเรียนจบ ม.6 จากนั้นหนูจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยและเป็นครูให้ได้อย่างที่หนูเคยพูดกับแม่ไว้ค่ะ” “แม่ขอให้หนูได้ทำอย่างตั้งใจนะลูก แม่จะรอดูความสำเร็จของหนู” “ขอบคุณค่ะแม่” “หนูเห็นกล่องเล็กๆ ที่แม่ซ่อนไว้ที่หัวเตียงไหม” “กล่องไม้ที่มีกุญแจล็อกใช่ไหมคะ” “ใช่จ้ะลูก กุญแจอยู่ด้านในสุดของลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งนะลูก ในกล่องนั้นในนั้นมีสมุดบัญชี กรมธรรม์ประกันชีวิต เครื่องประดับและของมีค่าอยู่ถ้าหนูจำเป็นต้องใช้เงินให้หนูเอาของมีค่าด้านในไปขายยกเว้นก็แต่แหวนเพชรวงเล็กๆ แหวนวงนั้นมันเป็นแหวนที่พ่อหนูซื้อให้ แม่อยากให้หนูเก็บมันไว้อย่างน้อยก็เป็นของแทนใจที่พ่อเหลือไว้ให้หนู เงินประกันชีวิตอาจจะช่วยให้หนูเรียนต่อจนจบได้อย่างสบาย แม่ขอร้องอีกอย่างหนึ่งนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหนูอย่าขายบ้านของเราเด็ดขาดเพราะถ้าหนูขายไปแล้วหนูจะกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ทันที ส่วนที่นาที่เราให้คนอื่นเช่าหนูจะให้เขาเช่าต่อหรือจะขายก็ได้แม่ไม่ว่าแม่ขอแค่สองอย่างคืออย่าขายแหวนกับขายบ้านแค่นั้นหนูรับปากแม่ได้ไหม” “ค่ะแม่หนูรับปากเพราะถ้าหนูขายบ้านมันก็เท่ากับหนูขายความทรงจำของเราสองคนไปด้วยหนูไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาดค่ะแม่” ริณเรณูรับปากมารดาแล้วกอดท่านไว้แน่น หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าจะมีจะมีโอกาสได้พูดคุยและกอดกับมารดาแบบนี้ได้ไปอีกนานเท่าไหร่ ริณเรณูสังเกตว่าพักหลังมานี่มารดามักจะได้ให้เธอกลับบ้านอยู่บ่อยๆ และเมื่อเธอถามพยาบาลที่ดูแลมารดาก็พอจะรู้ว่ามารดาของเธอรู้สึกเหนื่อยมากๆ แต่เมื่อเห็นเธอมาเยี่ยมท่านก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติและนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งพี่ริณเรณูตัดสินใจไปตามหาพ่อเพื่อให้ท่านได้มาดูใจมารดาของเธอเป็นครั้งสุดท้าย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม