รามัญตื่นนอนในตอนสายของอีกวันหนึ่ง เขาลืมไปสนิทเลยว่าวันนี้เป็นวันเสาร์จึงไม่สามารถไปหาคุณนครินทร์ที่บริษัทได้เพราะวันเสาร์คุณนครินทร์ไม่เข้ามาในบริษัท ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งจ้องโทรศัพท์และตัดสินใจว่าโทรศัพท์ไปหาคุณนครินทร์โดยตรงดีหรือเปล่า
แต่ดูเหมือนคุณนครินทร์ก็ใจตรงกันเพราะเขายังไม่ทันได้กดโทรออกฝ่ายนั้นก็โทรเข้ามาเสียก่อน
“สวัสดีครับคุณใหญ่” เขากดรับสายและทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะคุณนครินทร์กับเขารู้จักและสนิทสนมกันดี
“รามยุ่งอยู่หรือเปล่า ว่างคุยกับพี่มั้ย”
“ว่างครับ” รามัญไม่รู้ว่าคุณนครินทร์จะพูดเรื่องอะไรหรือเขารู้แล้วว่าเมื่อวานริณเรณูมาหาเขาที่บริษัท
“พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ออกมาเจอพี่หน่อยได้ไหม”
“ได้ครับ คุณใหญ่จะให้ผมไปหาที่ไหน”
“ตอนนี้พี่ออกมาตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ รามออกมาเจอพี่ที่สนามกอล์ฟนะ”
“ได้ครับอีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปหาที่เดิมใช่ไหม”
“ที่เดิมนั่นแหละ”
เมื่อวางสายจากคุณนครินทร์แล้วรามัญก็รีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะขับรถไปยังสนามกอล์ฟที่เขาเคยไปกับคุณนครินทร์อยู่หลายครั้ง
เมื่อมาถึงก็เจอคุณนครินทร์นั่งรออยู่ในอาคารเขาแต่งกายด้วยชุดสำหรับมาเล่นกอล์ฟและนั่งรอด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีครับคุณใหญ่”
“นั่งก่อนสิกินอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลยครับ”
“เอากาแฟไหม”
“ก็ดีครับ” ชายหนุ่มกวักมือเรียกพนักงานจากนั้นก็สั่งกาแฟของตนเองมาหนึ่งแก้ว
“คุณใหญ่มีอะไรจะคุยกับผมครับ ท่าทางดูเครียดมากเลย”
“เมื่อวานเลขาของพี่บอกว่าตอนบ่ายมีเด็กผู้หญิงมาขอพบพี่แต่ประชาสัมพันธ์ไม่ให้ขึ้นมาด้านบน พี่ลองถามประชาสัมพันธ์แล้วเธอบอกว่าเด็กผู้หญิงที่มานั่งคุยกับรามและรามก็ขับรถออกไปกับเธอใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร” เลขาและประชาสัมพันธ์บอกเขาแล้วว่าเด็กคนนั้นชื่ออะไรแต่เขาอยากฟังจากปากของรามัญอีกครั้งเพราะเขาเป็นคนเดียวที่คุยกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อวานนานกว่าใคร
“ริณเรณูครับ”
“อะไรนะรามเธอชื่ออะไรนะ”
“ริณเรณูครับ เธอมากับเพื่อนอีกคนชื่อสุนิสา”
“รามแน่ใจนะว่าเธอชื่อนั้นจริงๆ”
“ใช่ครับคุณใหญ่มีอะไรหรือเปล่า” รามัญยังไม่กล้าบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของนครินทร์เพราะอยากจะดูท่าทางของรุ่นพี่คนนี้ก่อน
“มันเป็นไปได้ยังไง” นครินทร์พูดกับตัวเองเบาๆ
“คุณใหญ่ครับมีอะไรหรือเปล่าครับหรือคุณใหญ่รู้จัก”
“ชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นเหมือนชื่อที่พี่เคยจะตั้งให้กับลูก”
“แต่ลูกของคุณใหญ่ชื่อรวิตานี่ครับ”
“ครับใช่นั่นคือลูกสาวของพี่กับคุณศิตาแต่ริณเรณูคือชื่อที่พี่เคยคิดไว้ว่าจะตั้งให้กับลูกสาวของพี่กับผู้หญิงที่ชื่อเรณู”
“คุณใหญ่หมายความว่ายังไง”
“พี่คิดว่าเด็กที่มาขอเจอพี่เมื่อวานน่าจะเป็นลูกของพี่”
“คุณใหญ่ยังไม่เคยเจอเด็กคนนั้นเลยนะครับทำไมถึงคิดว่าเธอคือลูกสาวของคุณใหญ่ล่ะ”
“เพราะมันเป็นชื่อที่แปลกมากยังไงล่ะ แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่เด็กคนนั้นจะมาหาพี่ถ้าเธอไม่ใช่ลูกของพี่ รามได้คุยกับเธอใช่ไหม เธอบอกอะไรกับรามบ้าง”
“ก่อนที่ผมจะบอกว่าผมคุยอะไรกับเด็กคนนั้นบ้าง ผมขอถามพี่หน่อยได้ไหมว่าคุณใหญ่เคยไปทำงานที่จังหวัดน่านใช่หรือเปล่า” รามัญถามพลางสังเกตอาการของนครินทร์ไปด้วยว่าเขาจะปิดบังอะไรหรือเปล่า
“ใช่พี่เคยไปทำงานที่นั่นเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน” นครินทร์ตอบไปตามจริง
“แล้วเคยแต่งงานกับผู้หญิงที่นั่นหรือเปล่า”
“รามรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“เด็กที่ชื่อริณเรณูเล่าให้ผมฟังครับ เธอบอกว่าคุณใหญ่คือพ่อของเธอ”
คำตอบของรามัญทำให้คุณนครินทร์นิ่งเพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรณูท้องลูกของเขา เขารู้แค่ว่าหลังจากเขาลงมากรุงเทพได้สองเดือนเรณูก็แต่งงานใหม่และเธอก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ทำให้เขาติดต่อไม่ได้เลย อีกทั้งตอนนั้นเขาก็พลาดทำศิตาท้องทำให้เขาต้องรับผิดชอบและแต่งงานกับเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
“เด็กคนนั้นมาหาพี่ทำไมแล้วเธอเล่าอะไรให้รามฟังอีกบ้าง”
“เธอมาหาคุณใหญ่เพราะอยากให้ไปเยี่ยมแม่ของเธอน่ะครับ แม่ของเธอไม่สบาย แล้วพอดีเธอมากรุงเทพก็เลยแวะมาบอก คุณใหญ่เคยแต่งงานกับแม่ของเธอจริงๆ เหรอครับ”
“ใช่พี่แต่งงานกับเรณูจากนั้นพี่ก็ลงมาที่กรุงเทพและคิดว่าถ้าเคลียร์งานที่กรุงเทพเสร็จจะขึ้นไปรับเธอลงมาอยู่ด้วยกัน”
“แล้วคุณใหญ่ไปรับไหมครับ” รามัญถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่เลย เรื่องมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่พี่คิดไว้ นั้นหลังจากพี่มาอยู่กรุงเทพได้สองเดือนพี่ก็ติดต่อเรณูไม่ได้จนกระทั่งมีคนส่งรูปเรณูแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นมาให้ พี่ก็เลยเลิกติดต่อกับเธอ แต่พี่ไม่เคยรู้เลยว่าเรณูท้องลูกของพี่ เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อเล่นชื่ออะไร”
“ชื่อริณครับ เธอเล่าให้ผมฟังว่าแม่เธอไม่เคยแต่งงานใหม่หรือมีผู้ชายคนไหนเลยเธออยู่กับแม่สองคนตามลำพังครับ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อมีคนส่งรูปถ่ายว่าเธอแต่งงานใหม่ไปแล้ว”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ริณบอกผม”
“เธอบอกว่าอะไร”
“ริณบอกว่าหลังจากคุณใหญ่ลงมากรุงเทพได้สองเดือนก็มีผู้หญิงไปหาแม่ของเธอที่บ้าน แล้วบอกว่ากำลังท้องลูกของคุณใหญ่อยู่อีกทั้งยังเอารูปวันแต่งงานของคุณใหญ่กับพี่ศิตาไปให้เธอดูด้วย”
“ใครจะทำแบบนั้นพี่งงไปหมดแล้ว”
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมเล่าตามที่ผมได้ฟังมาจากริณอีกที”
“พี่ว่าเรื่องนี้มันต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ”
“แล้วคุณใหญ่จะเอายังไงต่อครับ จะไปเยี่ยมแม่ของริณไหม”
“รามก็รู้นี่ว่าพี่จะกระดิกตัวไปที่ไหนได้บ้าง คุณศิตาตามติดตลอด วันนี้ที่พี่ออกมาตีกอล์ฟกับเพื่อน เธอก็จะขอตามมาด้วยแต่พอดีว่ายายริต้าชวนออกไปซื้อของก็เลยมาไม่ตามมา พี่ก็เลยเรียกรามให้มาเจอที่นี่ แล้วเรณูเธอป่วยเป็นอะไรเหรอ”
“ริณบอกผมว่าแม่เธอป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายครับ”
“อะไรนะทำไมถึงได้โชคร้ายอย่างนั้น”
“ที่ริณมากรุงเทพก็อยากให้คุณใหญ่ไปเยี่ยมไหมเธอเป็นครั้งสุดท้ายครับ”
“พี่คงไปเร็วๆ นี้ไม่ได้”
“ผมเข้าใจครับ แล้วคุณใหญ่จะไปหรือเปล่า”
“ไปสิ แต่คงต้องรอไปเดือนน้าเพราะคุณศิตาไปเที่ยวยุโรปกับลูกสาวถึงตอนนั้นพี่หวังว่าเรณูน่าจะยังรอพี่อยู่ พี่ขอฝากรามอย่างหนึ่งได้ไหม”
“ฝากอะไรครับ”
“ฝากช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและสอบถามอาการของเรณูให้พี่ด้วย”
“ได้ครับไม่มีปัญหาผมจะคอยถามอาการของคุณเรณูให้คุณใหญ่เอง ผมมีเบอร์โทรของริณด้วยนะครับเดี๋ยวผมจะส่งให้ทางไลน์นะครับ ถ้าคุณใหญ่ไปเยี่ยมไม่ได้ผมก็อยากให้โทรไปหาเธอ ไปให้กำลังใจเธอบ้าง”
“ได้สิแล้วพี่จะติดต่อกลับไป ส่วนเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าดูแลเรณูกับลูกพี่จะสั่งจ่ายเป็นค่าออกแบบก็แล้วกันนะ จะได้ไม่มีใครสงสัยเพราะถ้าพี่โอนเงินให้ริณหรือโอนเงินให้รามคุณศิตาจะต้องสงสัยแน่เพราะเธอหูตาไวมากๆ”
“ได้ครับคุณใหญ่”
“ถ้าคุณศิตารู้ว่าคุณพี่มีลูกกับเรณูพี่ว่าคนที่เดือดร้อนคงจะเป็นลูกสาวของพี่”
“ผมเข้าใจครับ”
“ลูกสาวพี่หน้าตาเป็นยังไงบ้างเธอสวยไหม”
“สวยมากๆ ครับตาเธอกลมโต ผิวขาวผมสีดำยาว เธอให้ผมดูรูปวันที่แม่ของเธอแต่งงานหน้าตาเธอเหมือนกับแม่มากๆ เลยครับ”
“ถ้าหน้าตาเธอเหมือนกับเรณูก็ต้องสวยมากๆ”
“ครับเธอสวยมากๆ” เมื่อนึกถึงใบหน้าเศร้าของเด็กสาวที่ชื่อริณเรณูแล้วรามัญก็ยิ้มที่มุมปากนิด เขาเจอผู้หญิงมาเยอะแต่ไม่เคยมีใครสวยสะดุดตาเท่ากับเด็กสาวคนนั้นมาก่อน ถึงแม้เธอจะอายุแค่สิบหกปีแต่ใบหน้าเธอก็สวยและสมบูรณ์แบบมากๆ
“พี่คงคุยกับรามได้แค่นี้ ถ้ายังไงฝากจัดการเรื่องนี้ต่อด้วยนะเรื่องริณจะเป็นความลับรามจะให้ใครรู้ไม่ได้นะ”