“เพราะคุณย่าบอกคุณแบบนั้นเหรอคะ”
“พี่ว่าเราข้ามเรื่องนี้ไปกันดีกว่าครับ”
“พี่ดินหิวหรือยังคะ” ในเมื่อเขาไม่อยากให้เซ้าซี้ เธอเองก็ไม่อยากให้เขาไม่พอใจเหมือนกัน
“นิลหิวแล้วเหรอ”
“หิวนิดหน่อยค่ะ” เธอบอกตามตรง พลางลูบท้องตัวเองไปมา นั่นทำให้เขาถึงกับอมยิ้ม
“เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวให้กินครับ”
“นิลทำให้กินดีกว่าค่ะ” เธอรีบอาสา ในห้องครัวของเขามีของสดและผักสดมากมาย เขาน่าจะเก็บมาเตรียมเอาไว้ทำอาหาร
“พี่ดินพักอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“เป็นบางวันครับ บางวันพี่ไปพักกับย่าของพี่” บางวันเขามีงานต้องทำก็จะพักที่นี่ บิดามารดาบุญธรรมเป็นคนเรียบง่าย รับเขาเป็นลูกบุญธรรมก็ปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตตามแต่ใจปรารถนา ไม่เคยบังคับกะเกณฑ์อะไรเลยสักครั้ง
“พี่อยากกินอะไรคะ เดี๋ยวนิลจัดให้”
“ฝนตกอากาศหนาวแบบนี้ ซดแกงเลียงร้อนๆ ดีไหม พี่มีเนื้อแดดเดียว กับปลาแดดเดียวทำเอาไว้ด้วยนะ เดี๋ยวนำมาทอด พี่ว่ากินแล้วเข้ากันนะ”
“ดีเลยค่ะ เข้ากันดี” เธอช่วยเขาทำอาหาร ก่อนจะรับประทานอาหารด้วยกัน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็สนิทสนมกันมากขึ้น แบบที่เธอกับเขาก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“แก้วเป็นอะไรจ๊ะ เดี๋ยวนี้ทำไมไม่ค่อยอยากคุยกับนิลเลย หลบหน้านิลตลอด” จริงๆ ไม่ใช่การหลบหน้า แต่อีกฝ่ายเมินหน้าหนีเหมือนโกรธกันเสียด้วยซ้ำ
“เพื่อนทรยศ” แก้วกาญจน์ผลักอกของนิลรัตน์ออกห่าง
“แก้ว เป็นอะไร ทำไมทำกับเราแบบนี้ ”
“เธอก็รู้ว่าฉันชอบพี่ดิน แต่เธอก็ยังจะแย่งเขาไป เธอไปทำตัวสนิทสนมกับเขา ตอนนี้ใคร ๆ ก็ลือกันว่าเธอเป็นแฟนกับพี่ดิน”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะแก้ว” นิลรัตน์พยายามจะอธิบาย
“มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้วยังไง”
“มันเป็นอะไรที่พูดยากมาก”
“ก็พูดมาสิ อีเพื่อนทรยศ”
“สักวันเธอจะเข้าใจ” นิลรัตน์เลือกที่จะไม่บอกความจริงเพราะหากเธอแพร่งพรายเรื่องนี้ไป อาจจะมีคนรู้วงกว้าง และจะมีปัญหาตามมามากกว่า
“เธอกับฉันขาดกัน” แก้วกาญจน์สะบัดหน้าใส่เพื่อน สีหน้าบอกว่าโกรธจัด นิลรัตน์ได้แต่ยืนมองเพื่อนไปจนสุดตา
“สักวันเธอจะเข้าใจฉันแก้วกาญจน์” เธอพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะความสัมพันธ์ของเธอกับพสุธากำลังไปได้สวย
การเปิดตัวคบกันของเธอกับพสุธาทำให้หลายคนช็อก เพราะพสุธาไม่เคยมีท่าทีสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“ย่าของพี่ดินใจดีไหมคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อเขาจะพาเธอไปพบย่าของเขา
“ใจดีครับ ทำไม กลัวเหรอ” เขาจับมือของแฟนสาวเอาไว้ กุมเอาไว้มั่น พร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งให้เธอ
“ไม่ได้กลัวค่ะ แค่ถามดูเฉย ๆ” เธอยิ้มให้เขา จากที่มารดาเล่า ย่านราเป็นคนร้ายกาจมาก เธอเลยรู้สึกกลัวตั้งแต่ไม่เจอหน้า
“ถึงแล้วครับ” เขาเอ่ยบอก ตรงหน้าคือหญิงชราที่กำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านไม้ที่ยื่นออกมารับลมเย็น ๆ
“มาสิครับ พี่บอกย่าแล้ว”
“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้หญิงชราตรงหน้า ท่านมองเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา ทำให้เธอต้องยิ้มตาม
“นี่เหรอจ๊ะแฟนของหลาน หน้าตาน่ารักเสียจริง” นราเอ่ยขึ้น
“ครับย่า”
“ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ บ้านอยู่ไหน” นราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายจะเอ็นดู
“หนูอยู่กาญจนบุรีค่ะ อยู่กับพ่อแม่บุญธรรมน่ะค่ะ”
“อยู่กาญจนบุรีเหรอ” นราชะงักไป
“ทำไมเหรอคะ”
“ปะ... เปล่าไม่มีอะไร”
“ผมว่าจะมาทำอาหารกินกับย่าด้วยครับ”
“จะพาแฟนมาแสดงฝีมือทำอาหารให้กินล่ะสิ” นราเอ่ยถาม มองสำรวจเด็กสาวตรงหน้าก็คิดในใจว่า หน้าตาไม่เห็นเหมือนกับอดีตลูกสะใภ้ คนไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก
“พ่อแม่เราชื่ออะไรล่ะ ย่าน่ะเคยไปกาญจนบุรีอยู่หลายครั้ง มีเพื่อนแถวจังหวัดนั้นเหมือนกัน เผื่อรู้จักกัน”
“คุณพ่อชื่อสมาน คุณแม่ชื่อนวลอนงค์ค่ะ พ่อแม่ก็ทำไร่น่ะค่ะ แล้วก็ทำธุรกิจบ้านเช่าน่ะค่ะ” นิลรัตน์โกหกคำโต
“เหรอจ๊ะ” นรามองสำรวจเด็กสาว หน้าตาผิวพรรณบอกว่าน่าจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน นางจึงคิดว่าหากหลานชายจะคบกับผู้หญิงประเภทนี้ก็ถือว่าโอเค เพราะถ้าเป็นแค่ผู้หญิงจน ๆ นางจะไม่ให้คบกับหลานชายของนางเด็ดขาด
หลังจากได้รู้จักกับนราในวันนั้น นิลรัตน์ก็หมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมนราอยู่บ่อยครั้ง มากับพสุธาบ้าง มาคนเดียวบ้าง นิลรัตน์คิดว่าการประจบเอาใจนรา จะเป็นข้อดีสำหรับเธอ หากเธอพาพสุธาไปเยี่ยมบิดามารดาบุญธรรมที่กาญจนบุรี นราก็จะไม่ขัดขวางเพราะเอ็นดูเธอ ทุกอย่างก็จะผ่านฉลุย
การรู้จักประจบประแจง เอาอกเอาใจทำให้นิลรัตน์เป็นที่รักของนราในที่สุด เมื่อช่วงปิดเทอมมาถึง นิลรัตน์จึงชวนพสุธาไปเที่ยวที่บ้านของเธอ
“คุณแม่คะ ปิดเทอมนี้หนูจะชวนพี่ดินไปเที่ยวที่บ้านของเรานะคะ” นิลรัตน์วิดีโอคอลคุยกับมารดา โดยมีบิดายืนฟังอยู่ด้านหลังของมารดา
“จริงๆ เหรอจ๊ะ” เพราะรับรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างผ่านบุตรสาวบุญธรรม และรู้แน่แก่ใจว่านราเป็นย่าของพสุธาไม่ผิดแน่ จึงมั่นใจว่านั่นคือลูกชายของตนที่โดนขโมยไปจากอก
“แม่จะรอนะจ๊ะ แม่อยากเจอดินเหลือเกิน”
“เดี๋ยวคุณแม่ก็ได้เจอแล้วค่ะ พี่ดินน่ะน่ารัก นิสัยดีมากๆ เลยค่ะ เหมือนคุณพ่อกับคุณแม่ไม่มีผิด”
“คุณพ่อขาคุณแม่ขา แค่นี้ก่อนนะคะ”
“จ้ะลูก ว้าย!” ภัคธีมาร้องออกมาเมื่อคนที่โผล่มาด้านหลังของบุตรสาวคือนรา นางเองก็เห็นเธอในโทรศัพท์เช่นกัน เพราะวิดีโอคอลคุยกันอยู่
“คุณย่า” นิลรัตน์เรียกนราอย่างตกใจ
“ใครเป็นย่าแก นังเด็กสารเลว นี่แกเป็นลูกของอีมลอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ คุณพรากลูกของเขามาจากอกแม่ จิตใจทำด้วยอะไร”
“แกไม่มีวันได้สมหวังหรอก เพราะฉันจะทำให้แกไม่มีลมหายใจไปบอกเรื่องนี้กับใครอีก” นราตรงเข้าฉุดกระชากร่างของนิลรัตน์เอาไว้ นิลรัตน์ก็เผลอผลักนราจนล้มไปบนพื้นหญ้าหน้าบ้านหลังเล็ก
“โอ๊ย!” นิลรัตน์ตกใจเมื่อเห็นร่างหญิงชราล้มลงไปบนพื้น
นิลรัตน์หันไปมองก่อนจะออกวิ่ง แต่โดนใครคนหนึ่งฟาดจนหมดสติ
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ” เสียงถามนั้นคือเสียงของทิสานั่นเอง
ทิสานั้นมาอยู่กับญาติทางเหนือ และคอยช่วยเหลือนราอยู่ เพราะสมัยก่อนนราเคยมีบุญคุณช่วยเหลือตนเอาไว้ ตอนที่เข้ากรุงเทพฯ ไปหางานทำใหม่ ๆ
นราอาจจะเป็นหนี้เป็นสินโดนยึดทุกอย่าง บ้านก็ไม่มีให้อาศัยอยู่ แต่นางก็แอบเก็บซ่อนเงินทองเอาไว้บางส่วนที่ไม่ใช่เงินสดในบัญชี ทิสาจึงได้รับเงินจากนราให้พามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซึ่งเงินจำนวนนั้นได้ช่วยเหลือครอบครัวของทิสาเอาไว้ ทำให้นรากลายเป็นผู้มีบุญคุณกับครอบครัวของทิสานั่นเอง
“ฉันไม่เป็นอะไร ลากนังนี่ไปจัดการซะ พามันไปโยนลงที่หน้าผา อย่าให้ใครหาศพมันเจอ”
“ค่ะคุณ” ทิสาลากร่างไร้สติของนิลรัตน์ไปตรงหน้าผา แต่เสียงหนึ่งก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“นั่นจะทำอะไรครับ”