หลังจากไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรู ฟรินท์ก็ขับรถไปส่งเรนเดียร์ที่บริษัท ส่วนเขาที่เคลียร์เอกสารเรียบร้อยหมดแล้ว และเห็นว่าเป็นเวลาสี่โมงกว่า เลยขับรถไปที่สนามแข่งรถที่เขาเป็นหุ้นส่วนกับไทเกอร์ เพื่อนสนิทของเขาและเป็นน้องชายฝาแฝดของเรนเดียร์
ที่สนามแข่งเขามีหน้าที่คล้ายกับที่บริษัทของคนเป็นพ่อคือจัดการเรื่องเอกสารสำนักงานต่าง ๆ เนื่องจากเรียนจบมาสายนี้โดยตรง ส่วนไทเกอร์ที่เรียนจบวิศวะยานยนต์ รายนั้นจัดการทุกอย่างหมดยกเว้นดูแลเอกสารที่ไม่ถนัด
"วันนี้ทำไมเข้ามาเร็วนักว่ะ"
เมื่อเข้ามาในส่วนของออฟฟิศ เสียงทักทายของไทเกอร์ก็ดังขึ้น เห็นเพื่อนยกข้อมือดูนาฬิกา คงจะสงสัยเพราะปกติเขาจะเข้ามาที่นี่ห้าโมงเกือบหกโมงทุกวัน
"ไปกินข้าวกับพี่มึงมา"
"พี่เรนไปบริษัทมึงเหรอ?"
เขาพยักหน้าและเดินไปนั่งประจำที่โต๊ะของตัวเอง"อืม...โครงการสร้างรีสอร์ทที่ระยอง"
"อ๋อ...กูได้ยินแม่พูดถึงอยู่ เห็นบอกว่าสร้างเสร็จจะส่งพี่เรนไปอยู่ที่นู่น"
กึก!!!
มือหนาที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารหยุดชะงักไปทันที เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าจะต้องเป็นเธอที่ไปดูแลที่นั่น
"ทำไมไม่จ้างคนอื่นว่ะ พี่มึงอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ"
"แม่กูเป็นคนบอกพ่อให้สร้างเพราะจะยกให้พี่เรนเป็นของขวัญแต่งงานว่ะ"
คราวนี้ปากกาในมือฟรินท์หล่นทันที พยายามควบคุมสีหน้าตัวเองให้ปกติต่อหน้าเพื่อน แม้จะทำได้อย่างยากลำบาก
"พี่มึงมีแฟนแล้วเหรอว่ะ"ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็อยากแกล้งถามออกไป
"ไม่รู้สิ แต่เวลาแม่ถามก็บอกว่าโสดตลอด แต่กูว่าน่าจะมีบ้างแหละ มึงก็รู้พี่กูสวยขนาดนั้น"
ฟรินท์เงียบ เขาไม่อยากแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ทั้งที่จริงในสายตาของเขาเรนเดียร์คือผู้หญิงที่สวยมากจริง ๆ หุ่นเอย ผิวเอย ก็ดูดีไปหมดทุกส่วน ยิ่งในร่มผ้าไม่ต้องพูดถึง ทำเขาหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นถึงทุกวันนี้
"มึงคิดอะไรไอ้ฟรินท์?"
ไทเกอร์หรี่ตาจับผิดเพื่อนที่นั่งเงียบ แต่ทว่าใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู
"คิดเรื่องงานอยู่นี่ไง กูเซ็นเอกสารอยู่ จะให้คิดเรื่องอะไรว่ะ"
"กูจะไปรู้เหรอ พูดเรื่องพี่กูอยู่ แล้วกูเห็นหน้ามึงแดงแปลก ๆ คิดว่ามึงคิดอกุศลอะไรกับพี่กูเสียอีก"
"คิดอะไรบ้า ๆ นะมึง จนตอนนี้มึงยังหวงพี่สาวอยู่อีกเหรอว่ะ"
"หวงสิ พี่สาวกูทั้งคนนะ"
"....."
"เห็นเป็นคนมั่นใจแบบนั้น ก็ใช่ว่าจะทันผู้ชาย"
อยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าไม่จริงเลย เรนเดียร์เป็นผู้หญิงที่ฉลาดในการใช้ชีวิตมากกว่าเขาเสียอีก ตั้งแต่แอบนอนด้วยกันมา เขาไม่เคยเห็นเรนเดียร์ร้องไห้กับเรื่องอะไรเลยสักครั้ง
บางครั้งเครียดเรื่องงาน เธอก็แค่โทรหาเขาเพื่อระบายความอึดอัดให้เขาฟังไม่ถึงห้านาทีเธอก็หาย หรือไม่ก็ระบายอารมณ์เรื่องเครียดไปกับกิจกรรมบนเตียงของเราสองคน
ยังนึกอยากให้เธอเป็นผู้หญิงอ่อนแอดูบ้าง เผื่อบางทีเรื่องของเราคงไม่ถูกเก็บเป็นความลับมานานขนาดนี้
"ไอ้ธัญชวนไปผับ"
"ชวนแดกได้ทุกวัน ผับมันยังไม่เจ๊งอีกเนอะ"
เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าเพื่อนคนไหนไปเมาที่ผับของธันเดอร์แล้วไม่ต้องจ่ายเงิน เพราะเจ้าของผับเลี้ยงตลอด ไม่ว่าค่าเหล้าจะแพงขนาดไหนก็ไม่หวั่น ขอแค่มีเพื่อนไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนมันก็พอ
21.30 น.
สามหนุ่มกำลังนั่งดื่มอยู่ที่ชั้นวีไอพีของผับธันเดอร์ ที่จริงนัดกันสี่คนมีไทก้าด้วยอีกคน แต่รายนั้นเรียนหมอปีสุดท้าย ไม่ค่อยมีเวลาออกไปสังสรรค์กับเพื่อน นาน ๆ สักครั้งถึงจะได้เห็นหน้าเพื่อนคนนี้ ขนาดคนเป็นพี่ชายฝาแฝดอย่างไทเกอร์ ยังไม่ค่อยได้เจอ อีกทั้งเรนเดียร์ก็ยังบ่นให้ฟรินท์ฟังตลอดเรื่องที่ไม่ค่อยได้เจอน้องชายตัวเอง
"วันไหนว่าง ๆ กูว่าไปเซอร์ไพรส์ไอ้ก้าในโรงพยาบาลบ้างดีกว่า นี่กูจะลืมหน้ามันไปแล้วนะถ้าไม่ได้เห็นหน้าไอ้เกอร์"ธันเดอร์เอ่ยออกมา ล่าสุดที่เจอไทก้าน่าจะเกือบสองเดือนที่แล้ว
"มึงว่างเหรอว่ะ ไอ้เจ้าของผับ ถ้าพวกกูไม่มาหาถึงนี่ กูกับไอ้เกอร์ก็คงไม่ได้เห็นหน้ามึงเหมือนกันนั่นแหละ"
"มึงดูดิว่ะ ลูกค้าเพียบทุกคืนขนาดนี้ จะให้กูทิ้งไปได้ไง"
"ถึงว่าผับมึงไม่เจ๊งสักที"
"กูว่าจะขยายผับอีกรอบว่ะ คงต้องใช้บริการมึงอีกไอ้ฟรินท์ ว่าแต่มึงรับไหมว่ะ ไม่ได้ก่อสร้างใหญ่เหมือนอัศวรักษ์"
ธันเดอร์พูดหยอกบริษัทของพ่อไทเกอร์ รายนั้นชอบก่อสร้างโครงการหลายร้อยล้าน ยิ่งพวกรีสอร์ทกับโรงแรมยิ่งชอบ
"รับสิ อะไรได้เงินกูรับหมดแหละ กูไม่ฟรีให้เพื่อนเหมือนมึงหรอก พ่อกูเอาตาย ฮ่า! ฮ่า!"
"ว่าแต่ทำไมพ่อมึงไม่สร้างโรงพยาบาลให้ไอ้ก้าซะเลยว่ะ"
"มีมันคนเดียวที่แหกคอกไปเรียนหมอ ให้มันไปทำงานโรงพยาบาลคนอื่นเหอะว่ะ อย่าให้ต้องถึงขั้นพ่อกูสร้างเลย แค่รีสอร์ทที่ระยองก็น่าจะหลายร้อยล้านอยู่"
"อันนั้นสร้างให้พี่เรนไม่ใช่เหรอว่ะ"
ฟรินท์หันขวับมามองธันเดอร์ทันทีที่รู้เรื่องนี้ ในขณะที่คนใกล้ชิดแบบเขากลับไม่รู้เรื่องนี้เลย
"มึงรู้ด้วยเหรอ?"
"วันก่อนพี่เรนมาผับกู เลยนั่งคุยกันนิดหน่อย"
"มากับใคร?"เพราะความอยากรู้ส่วนตัว ปากไวเลยถามออกไปทันที
"น่าจะเลขาไหมว่ะ เธอว่างั้น แต่..."
"....."
"แต่กูมองแล้วสนิทกันดีนะ"
แก้วเหล้าในมือของฟรินท์ถูกมือหนาบีบอย่างแรงตามอารมณ์คุกกรุ่นในใจ เขาไม่ได้คิดมากไปเองที่เห็นเธอกับเลขาคนนั้นสนิทกันถึงขั้นเรียกแทนตัวกันสนิทสนม ขนาดธันเดอร์เองก็ยังคิดแบบเขา
"พี่อัทธ์เขาเคยเป็นเลขาพ่อกู เห็นว่าทำงานเก่งเลยส่งให้ไปช่วยงานพี่เรน แต่ถ้าเขาจะเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน อันนี้กูไม่แน่ใจ"
ฟรินท์เหลือบตามองเพื่อน ปกติแล้วมันก็หวงพี่สาวค่อนข้างมากอยู่ แต่ทำไมกับเลขาคนนี้มันถึงพูดแบบไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ตอนนี้เขาชักเริ่มไม่พอใจเรนเดียร์มากขึ้นทุกที มือหนาเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเธอ
ฟรินท์: เธออยู่ไหน
ข้อความไม่ได้รับการเปิดอ่านทันที ความคุกกรุ่นในใจยังไม่จางหายไปง่าย ๆ“มีบุหรี่ไหมว่ะ”
ไทเกอร์หันมาขมวดใส่เพื่อนเหมือนเห็นตัวประหลาด“มึงเลิกไปนานแล้วนี่หว่า จะสูบทำไมอีกว่ะ”
“แค่มวนเดียวคงไม่เป็นไรหรอกว่ะ”
ได้บุหรี่แล้วก็เดินออกมาจุดสูบด้านหลังร้าน เป็นส่วนที่เอาไว้ให้ลูกค้ามายืนสูบบุหรี่รวมกันตรงนี้ ควันบุหรี่สีขาวพวยพุ่งออกมา รสชาติของมันยังเหมือนก่อนหน้าที่เขาเคยสูบ มันไม่ได้ทำให้เราหายจากเรื่องเครียด แค่ทำให้หัวสมองเราว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
จำได้ว่าเลิกไปตั้งแต่เรียนปีสี่ ตอนนั้นเพราะหญิงสาวที่กำลังทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ตอนนี้เป็นคนสั่งห้ามไม่ให้เขาสูบ เพราะเธอไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ นึกแล้วก็ขำตัวเองเหมือนกัน ที่เขาปล่อยให้เธอมีอิทธิพลทุกอย่างในชีวิตของเขามาตั้งนานแล้ว ในขณะที่ตัวเขาเองอาจจะยังเป็นแค่คนอื่นสำหรับเธออยู่
ติ้ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เมื่อเปิดดูก็เป็นเรนเดียร์ที่ตอบกลับมาหาเขา เป็นรูปภาพที่เธอกำลังนอนอยู่เตียงนอน บนใบหน้าสวยมีแผ่นมาร์กหน้าสีขาวแปะอยู่
เรนเดียร์: สภาพแบบนี้จะให้ฉันไปไหน
ฟรินท์: ไปหาได้หรือเปล่า
เรนเดียร์: มาได้แต่อดนะ
ฟรินท์: ทำไม
เรนเดียร์: แดงเดือด
พลันในใจชายหนุ่มก็ห่อเหี่ยวทันที ถ้าไปหาเธอแล้วต้องนอนจับมือกันแบบเด็ก ๆ ตอนนี้เขาทำไม่ได้เพราะอารมณ์หึงหวงเธอกำลังทำให้ใจเขาไม่สงบสุข อยากจะถามเธอเรื่องรีสอร์ทที่ระยอง เรื่องเลขาคนนั้น คงจะเป็นเรื่องดีกว่าถ้าเขาจัดการอารมณ์พวกนี้ออกไปให้หมดก่อนที่มันจะปะทุรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง