หลังจากไปสูบบุหรี่เสร็จ ฟรินท์ก็เดินเข้าไปในห้องวีไอพี คราวนี้ไม่ได้มีแค่เพื่อนสนิทสองคนที่นั่งอยู่ แต่มีหญิงสาวสองคนนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย น่าจะเป็นเด็กเสิร์ฟที่ธันเดอร์เรียกมาให้บริการชงเหล้าเหมือนทุกครั้ง
“ไปบริการเพื่อนพี่หน่อยครับ วันนี้มันเครียดเรื่องงาน”ไทเกอร์สะกิดหญิงสาวชุดเกาะอกสีแดงให้พร้อมพยักเพยิดใบหน้ามาทางเขา ซึ่งเขาก็ถลึงตาใส่เพื่อนทันที เพราะทุกครั้งเขาไม่ชอบให้ผู้หญิงที่เพื่อนเรียกมาถึงเนื้อถึงตัวเขา
“เหอะน่า มึงจะถือศีลหรือไงว่ะ กูเห็นไม่ยุ่งกับใครมานานแล้วนะ ทำอย่างกับ….”
“ทำอย่างกับอะไร?”ธันเดอร์ถามต่อทันที เมื่อเห็นไทเกอร์เว้นจังหวะการพูด
“ทำอย่างกับมึงมีใครในใจอยู่แล้ว”
“มึงก็รู้กูไม่ชอบ พวกมึงชอบก็พอดีแล้วนี่หว่าคนละคนไงว่ะ”
เขาเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม แต่ทว่าขนาดเขาพูดไปแบบนั้นแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ยังเดินมานั่งลงใกล้กับเขา เธอยิ้มทักทายเขาพร้อมกับทำท่าทางยั่วยวน
“พี่ชื่ออะไรคะ”
“จะอยากรู้ไปทำไมครับ”
“หนูจะได้เรียกถูกไงคะ”
“ฉันไม่ชอบให้ใครเรียกนอกจากคนที่สนิท ไม่รู้จักก็ไม่ต้องเรียกเข้าใจไหม”เสียงทุ้มห้วนบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจ ทำให้หญิงสาวคนนั้นหน้าหงอไปทันที จากที่จะมาผูกมิตรด้วยเลยได้แต่นั่งเงียบ
ไทเกอร์ที่เห็นอาการของเพื่อนทุกอย่าง ก็ขมวดคิ้วสงสัยอย่างหนัก อันที่จริงเขาก็สงสัยมานานแล้วว่าทำไมเพื่อนถึงไม่ค่อยสนใจผู้หญิงคนไหน แนะนำใครให้รู้จักก็ปฏิเสธเสียหมด แล้วอาการหงุดหงิดวันนี้ของมันก็ไม่ปกติเอามาก ๆ บุหรี่เลิกสูบไปนานแล้ว ก็ยังกลับมาสูบ ถ้าไม่ได้มีอะไรก่อกวนใจมันจริง ๆ เขาคิดว่ามันไม่น่าจะกลับไปสูบอีกแล้ว ถึงจะบอกว่ามวนเดียวก็เถอะ
“มีอะไรกวนใจมึงนักหนาว่ะ กูเห็นมึงดูไม่ปกติตั้งแต่อยู่ที่สนามแข่งแล้ว”
“เรื่องงานนิดหน่อย เมื่อเช้ากูไปทำงานสายแล้วโดนพ่อด่าว่ะ”
เขาแกล้งยกเรื่องนี้ขึ้นมาบอก เพื่อให้เพื่อนเลิกสนใจอาการของเขา ตอนนี้มันแน่นในอกไปหมดแล้ว ไหนจะเรื่องที่ต้องปิดบังเพื่อน ไหนจะเรื่องที่เขากำลังคิดมาก บางทีก็นึกอยากให้เพื่อนรู้เหมือนกัน จะรู้วิธีไหนก็ช่าง อยากรู้เหมือนกันว่าหากทุกคนรู้ เรื่องของเขากับเรนเดียร์จะเป็นยังไง
“คิดไรมากว่ะ พ่อมึงก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ว่าแต่ทำไมมึงถึงไปทำงานสาย เมื่อคืนก็ไม่ได้ออกมาดื่มกันนี่หว่า”
“กูดูหนังเพลินไปหน่อย เผลอแปบเดียวตีสามว่ะ”
“เออกูก็เคยเป็น”ธันเดอร์เออออไปด้วย เพราะเชื่อเรื่องที่เพื่อนเล่าเต็มอก เป็นแบบนี้ทุกครั้ง หากเขาต้องโกหกเรื่องนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจทุกทีที่ต้องทำแบบนี้ มันเหมือนกำลังทรยศความไว้ใจของเพื่อนสนิท
ส่วนเรนเดียร์ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนที่นอน ในมือถือโทรศัพท์เปิดเฟซบุ๊กไถฟีดไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่ดวงตากลมโตจะชะงักที่โพสต์ล่าสุดของธันเดอร์เมื่อสิบนาทีที่แล้ว
ในภาพเป็นการนั่งดื่มเหล้ากันปกติ คนในภาพก็ล้วนแต่เป็นคนที่เธอสนิทสนมคุ้นเคยดีทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่เพิ่งส่งข้อความหาเธอก่อนหน้านี้
"ที่แท้ก็ไปนั่งกินเหล้าอยู่นี่เอง แล้วดูสิ..."
เสียงหวานหยุดชะงักพร้อมกับภาพที่ฟรินท์นั่งข้างผู้หญิงคนหนึ่ง มองดูการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นเด็กนั่งดริ้งผับธันเดอร์ นึกแล้วก็โมโหที่เมื่อกี้อยากจะมาหาเธออยู่เลย พอบอกว่าประจำเดือนมาเท่านั้นแหละ รีบตอบกลับมาทันทีว่าไม่มาดีกว่า
ไม่ใช่ว่าที่ไม่มาหาเธอ เพราะมีที่ลงคืนนี้แล้วหรอกนะ คิดแล้วมือบางก็ดึงแผ่นมาร์คปิดหน้าออกทันที พยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ และคิดว่าเธออาจจะคิดมากไปเอง
จากการที่อยู่ใกล้ชิดกับเขามานาน ฟรินท์ไม่เคยมีนิสัยเจ้าชู้หรือกินไม่เลือกแบบนั้น แต่แล้วทำไมเธอต้องมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ตอนที่กำลังจะนอนด้วย มันทำให้เธอนอนไม่หลับ กระวนกระวายใจแบบนี้
เมื่อเห็นว่าการจะนอนสงบนิ่งแบบนี้ไม่เป็นผล เลยตัดสินใจโทรหาอีกฝ่ายทันที ซึ่งก็รอไม่นานปลายสายก็รับด้วยน้ำเสียงแปร่งเล็กน้อย น่าจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์
"นายอยู่ไหนฟรินท์"
(ผับไอ้ธัน)
เรนเดียร์ถอนหายใจออกมาทันทีอย่างโล่งอก อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดโกหกเธอเรื่องนี้
"ทำไมยังไม่กลับคอนโด พรุ่งนี้ไม่ทำงานหรือไง"
(ก็ไม่มีใครรออยู่ที่คอนโด จะรีบกลับไปทำไม)
"ฉันว่านายเริ่มเมาแล้วนะ นอนกับธันไปเลย ไม่ต้องขับรถกลับคนเดียวนะ"
(ตกลงเธออยากให้ฉันกลับ หรือไม่อยากให้กลับกันแน่ ฉันจะได้ทำให้ถูกใจเธอ)
คำพูดที่ออกมาฟังดูเหมือนคนเมาธรรมดา แต่ทว่าหญิงสาวจับความรู้สึกเขาได้ว่าเหมือนกำลังน้อยใจอะไรบางอย่างอยู่ หรือเพราะที่ไปดื่มเหล้าจนเมามาย เพราะกำลังคิดมากเรื่องของเธออีกแล้ว
"ฉันเป็นห่วงนะถึงได้พูด ไม่ได้บังคับให้นายทำตามใจตัวเอง หรือที่ผ่านมานายคิดว่าฉันบังคับฝืนใจนายมาตลอด"
(ไม่เคย...เธอไม่เคยบังคับฝืนใจฉัน เป็นฉันเองที่อยากอยู่กับเธอแบบนี้เรน เป็นฉันเองที่เริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องโกหกคนอื่นอีกแล้ว)
คนตัวเล็กเม้มปากเข้าหากันแน่น เมื่อได้ยินประโยคตัดพ้อของคนเมา นึกสงสัยว่าตอนนี้เขากำลังคุยโทรศัพท์ตรงส่วนไหนของผับ เพราะเธอไม่ได้ยินเสียงเพลงของผับเลย ได้ยินแค่เสียงหายใจฟึดฟัดของปลายสายเท่านั้น
(เรื่องรีสอร์ทที่ระยอง ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอจะต้องเป็นคนไปดูแลที่นั่น ทั้ง ๆ ที่ฉันจะเป็นคนสร้างให้เธอแท้ ๆ แต่กลับต้องมารู้จากปากคนอื่น)
"ฉันยังไม่ได้ตกลงพ่อไปนะ ถึงวันที่สร้างเสร็จ ฉันอาจจะไม่อยากไปอยู่ที่นั่นก็ได้ มันยังอยู่ในช่วงของการตัดสินใจนะฟรินท์"
ที่แท้เขาก็คิดมากเรื่องนี้ เธอยังไม่ได้ตัดสินใจจริง ๆ เสียหน่อย ยังบอกกับคนเป็นแม่ไปว่าเธอรับผิดชอบให้ได้โครงการนี้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะไปบริหารที่นั่น
"เพราะเรื่องนี้เหรอ นายถึงเอาแต่พูดประชดประชันฉัน"
เสียงปลายสายเงียบไปไม่ตอบอะไร เรนเดียร์เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู และมองดูหน้าจอยังเห็นเวลาการโทรขึ้นอยู่หน้าจอ หรือว่าเขาจะเมาจนหลับไปแล้ว เลยคิดจะกดวางสาย แต่ทว่าได้ยินเสียงเรียกขึ้นมาเสียก่อน
(เรนเดียร์)
"หืม"
(เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันรักเธอ)
คราวนี้เป็นเธอบ้างที่เงียบไป หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วเมื่อได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของเขา ที่ผ่านมาจะบอกว่าเธอไม่รู้ว่าฟรินท์รู้สึกยังไงกับเธอ ก็คงจะกลายเป็นคนโง่เต็มที ก็เขาแสดงออกชัดเสียอย่างนั้น เพียงแต่เขาไม่เคยบอกกับเธอตรง ๆ แบบนี้มาก่อน
และเธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้แล้วเธอจะมีความรู้สึกดีใจที่เธอไม่ได้คิดไปเองว่าเขามีใจให้กับเธอ
"ฟรินท์ นายยังอยู่หรือเปล่า?"
เสียงเงียบไปแล้ว ได้ยินเพียงเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เป็นไปได้ว่าเขาน่าจะเมาหลับไปแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นกังวลว่าเขากำลังเมาหลับอยู่ตรงส่วนไหนของผับ เลยตัดสินใจโทรหาไทเกอร์แกล้งทำเป็นถามว่าอยู่ที่ไหนกัน ได้คำตอบว่ายังอยู่ที่ผับ
"แล้วคนอื่นล่ะ"
(ไอ้ธันก็นั่งกับผมนี่แหละ แต่ไอ้ฟรินท์ออกไปคุยโทรศัพท์นานแล้วนะ ไม่เห็นมันเข้ามาสักที)
"ไม่ใช่ว่าไปเมาหลับอยู่แล้วเหรอ ทำไมนายไม่ดูเพื่อนให้ดีเกอร์"
คิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าต้องไปเมาหลับอยู่ตรงไหนแน่นอน ดีนะที่เธอโทรหาน้องชาย ไม่งั้นจนผับปิดก็คงไม่มีใครรู้ คอยดูเถอะพรุ่งนี้เธอจะบ่นให้หูชาเลย โทษฐานเมาแล้วทำตัวเรี่ยราด