ระยะหลังๆ อาการปวดหัวของเธอหนักขึ้นเรื่อยๆ มีอาการตาพร่าร่วมด้วย แบบว่าภาพที่ปรากฏออกมามันเบลอจัดจนบางทีเหมือนตาเธอดับไปเสียดื้อๆ แน่นอนว่าอาการที่รุนแรงมากขึ้น ย่อมสร้างความกังวลและร้อนใจ จนอารญาต้องมาหาหมอก่อนวันนัด โดยเลือกวันที่หมอนิวโรศัลย์ออกตรวจ หลังจากพูดคุยกับหมอ คนถูกเร่งรัดให้ตัดสินใจในการผ่าตัดก็เดินออกมาจากห้องตรวจด้วยท่าทางหมดแรง จริงๆ อารญาไม่ได้กลัวการผ่าตัด ไม่ได้กลัวว่าจะเจ็บ เธอกลัวว่าตัวเองจะไม่รอด กลัวว่าลูกจะต้องกำพร้าแม่ ต่อจากนั้นอารญาก็เดินเอื่อยฉื่อยไปตามถนน เธอเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ไม่ขึ้นรถเมล์ ไม่นั่งพี่วิน ไม่โบกแท็กซี่ สองขาก้าวไปข้างหน้าในวันที่แสงแดดอ่อนๆ ไม่ร้อนเหมือนอย่างสองวันก่อน แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยความอึดอัด กังวลใจ และคิดไม่ตก กระทั่งมาหยุดลงที่ป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อารญาถึงได้สติว่าตัวเองเดินมาไกลมากๆ “เฮ้อ…” เธอนั

