ตอนที่ 3 ฟ้าประทานพันล้านมาให้

3520 คำ
หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์? แม้ว่าใบหน้าของหลิงอวิ๋นจะปรากฏรอยยิ้ม แต่ในใจของเขากำลังก่นด่า ธุรกิจตั้งร้อยล้านดอลลาร์ จะต้องมาหาความร่วมมือจากเขางั้นหรือ? หลิงอวิ๋นยังพอรู้จักประเมินตนเองอยู่บ้าง จาวฮุยกรุ๊ปก็นับเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็พอได้เคยมีส่วนร่วมบ้างในบางโครงการ โครงการระดับเกินร้อยล้าน ก็เคยผ่านงานมาบ้าง แต่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐนี่ยังไม่เคยเห็นจริง ๆ สำหรับเมืองแห่งนี้ คนที่สามารถพูดเรื่องการลงทุนระดับร้อยล้านดอลลาร์นั้น หลิงอวิ๋นพอจะยกนิ้วขึ้นมานับได้ แต่ไม่รวมบุคคลตรงหน้าผู้นี้อย่างแน่นอน ไอ้เวรนี่ต้องกำลังล้อเลียนเขา หลิงอวิ๋นรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายเหลือเกิน ทำไมต้องมาเจอกับคนบ้าแบบนี้ หลิงอวิ๋นหันหลังและเดินจากไปโดยไม่รอให้ชายคนนั้นพูดจบ ตามความเห็นของเขา มันต้องเป็นไอ้สารเลวที่คิดจะมาโรยเกลือลงบนบาดแผลของเขาอย่างแน่นอน หากเป็นเวลาปกติ เขาคงปล่อยหมัดออกไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ เมื่อหลิงอวิ๋นเดินออกไปที่หน้าประตูร้าน แสงสว่างจ้าสาดใส่จนเขาลืมตาไม่ขึ้น เมื่อแสงดับลง ตรงหน้าของหลิงอวิ๋นก็ปรากฏรถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอม รุ่นฐานล้อยาวคันหนึ่ง รถทั้งคันประดุจอาชาที่กำลังควบทะยาน ดูองอาจปราดเปรียว ภายนอกดูหรูหราตระการตา โดยเฉพาะสัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี ที่เป็นรูปตุ๊กตานางฟ้าแพลตตินั่มนั้น ดูโดดเด่นกว่าทั่วไปที่เป็นตุ๊กตานางฟ้าสีทอง ลำพังแค่ตุ๊กตานางฟ้าแพลตตินั่มก็ปาไปสองล้านแล้ว นอกจากนี้ด้านหลังยังสลักชื่อเจ้าของรถไว้ให้เป็นเกียรติ บ่งบอกว่ามีเพียงคันเดียวในโลก เลขแปด 4 ตัวบนป้ายทะเบียนของรถคันนี้ดูด้อยไปถนัดตาเลย นับแต่หลิงอวิ๋นแต่งเข้าไปอยู่กับบ้านตระกูลซ่ง ก็ได้เห็นรถยนต์หรูหราจำนวนมาก จนเขาชินชาไปตั้งนานแล้ว แต่อัครยานยนต์สุดหรูที่เจ้าของสั่งผลิตเองเหมือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกจริง ๆ ระดับมณฑล(จังหวัด)คงไม่ต้องพูดถึง เกรงว่าทั้งประเทศคงจะมีแค่ไม่กี่คัน หลิงอวิ๋นพอจะประเมินราคาของรถคันนี้ได้ ในความคิดของเขาต้องเป็นราคาที่ทำให้ผู้คนตกใจเลยทีเดียว ชายคนนั้นเดินตามออกมาจากร้านเหล้า ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นกับหลิงอวิ๋น “ขึ้นรถเถอะ จะรออะไรอีก” หากบอกว่าก่อนหน้านี้หลิงอวิ๋นยังคงแคลงใจเกี่ยวกับธุรกิจร้อยล้านดอลลาร์นี้ แต่ตอนนี้เขารู้ว่าชายคนนั้นไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย คนที่เป็นเจ้าของรถคันนี้ได้ หากเติมเลขศูนย์อีกสักตัวต่อท้ายเลขร้อยล้าน มันจะแปลกอะไร? เพียงแต่หลิงอวิ๋นยังคงสงสัยเล็กน้อย คนตรงหน้านี้เป็นใคร ทำไมถึงมาหาตน พวกเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่? เวลานี้ หลิงอวิ๋นหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ชายคนนั้นดันหลังหลิงอวิ๋นและจะประคองเขาขึ้นรถ หลิงอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้าน เขามีความสนใจต่ออิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังของคนคนนี้มาก ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด เขาถูกผลักเข้าไปด้านใน หลิงอวิ๋นแทบอยากจะรู้ความจริงแล้ว เมื่อเข้าไปในรถ หลิงอวิ๋นตกตะลึงกับการตกแต่งประดับประดาที่หรูหราระดับท๊อปภายในรถ หลังคารถประดับด้วยดาวระยิบระยับ เป็นการใช้วัสดุพิเศษมาตกแต่งให้หลังคารถแปรเปลี่ยนเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว ทำให้ผู้คนที่ได้สัมผัสเพลิดเพลินและประทับใจ เบาะสไตล์เรโทรที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสมัยนิยม แถวหลังติดตั้งที่พักแขนยกพิเศษและแป้นเหยียบไฟฟ้า นั่งสบายเป็นที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงความแยบยลในการออกแบบ ในใจของหลิงอวิ๋นรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้คือเงิน รถคันนี้ก็เหมือนคฤหาสน์สุดหรูเคลื่อนที่ ตอนนี้หลิงอวิ๋นไม่สามารถประเมินราคาออกมาได้แล้ว ตลอดทางหลิงอวิ๋นมีคำถามมากมาย หลายครั้งที่คิดจะเอ่ยปากถามให้หายข้องใจ แต่สุดท้ายเขาก็กลืนมันกลับลงไป เขาได้ยินชายคนนั้นสั่งให้คนขับรถไปที่อาคารเหาถิง ในใจของหลิงอวิ๋นสะดุดกึก อาคารเหาถิงเป็นโครงการพัฒนาของฝูติ่งเรียลเอสเตท หรือว่าคังเล่อเหว่ยต้องการจะแกล้งเขา? เขาเพิ่งเสียหน้าไปที่บ้านตระกูลซ่ง หรือเขาต้องการจะแก้แค้น หลิงอวิ๋นตื่นตัวขึ้นทันที เขาขยับนั่งตัวตรง หากเป็นแผนการของคังเล่อเหว่ย เขาจะต้องซัดไอ้หมอนั่นให้หมอบไปกับพื้นอย่างแน่นอน จะรังแกกันเกินไปแล้ว เมื่อก่อนหลิงอวิ๋นอาจจะกังวล แต่ตอนนี้ยังไงก็ได้ เขาออกจากตระกูลซ่งแล้วนี่นา ชายคนนั้นเห็นหลิงอวิ๋นทำหน้าบึ้งตึง เขาจึงยิ้มเพื่อเป็นสัญญาณให้หลิงอวิ๋นผ่อนคลายลง ไม่จำเป็นต้องตึงเครียดขนาดนี้ แต่หลิงอวิ๋นไม่ได้เชื่อคำของชายคนนั้น และยังคงตื่นตัวเป็นพิเศษ รถแล่นมาถึงอาคารเหาถิงอย่างรวดเร็ว และหยุดจอดที่ทางเข้าอาคาร ชายคนนั้นและหลิงอวิ๋นต่างเดินลงจากรถ เขากำชับให้คนขับรถเอารถไปจอดที่โรงจอดรถส่วนตัวชั้นใต้ดิน เมื่อคนขับรถขับออกไปแล้ว ชายคนนั้นจึงเชื้อเชิญหลิงอวิ๋นให้ขึ้นไปข้างบน และบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะเจรจากับเขา หลิงอวิ๋นไม่อยากจะอ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว จึงบอกออกไปถึงสิ่งที่เขากังวลใจ ชายคนนั้นยิ้มและปลอบใจหลิงอวิ๋น “ต้องโทษผมที่ลืมบอกคุณไป อาคารเหาถิงได้ถูกกลุ่มทุนของพวกเราซื้อเอาไว้แล้ว ดังนั้นพื้นที่แห่งนี้ไม่ใช่ของตระกูลคังอีกต่อไป” นับเป็นอีกเรื่องที่น่าตกตะลึง สำหรับราคาที่เสนอออกไปของอาคารเหาถิง หลิงอวิ๋นนั้นจำได้อย่างแม่นยำ ราคาสองพันล้านถ้วน นับตั้งแต่ที่ฝูติ่งเรียลเอสเตทได้เริ่มก่อสร้าง ก็มีการเฟ้นหาผู้ซื้อมารับช่วงต่อ แต่เพราะราคาสูงเกินไปจึงยังขายไม่ออก คาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่ลมปากของไอ้หมอนี่จะกลืนกินอาคารระดับ 5A ในพื้นที่ที่ดีที่สุดของเมืองโดยที่ไม่ได้ต่อราคาสักแดงเดียว ด้วยทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกนี้ไม่มีตระกูลไหนเข้าตาเลย สรุปแล้วเป็นเทพยดาองค์ไหนกัน ที่มีกระแสเงินสดมากมายมหาศาลขนาดนี้ที่สามารถกลืนโครงการใหญ่ขนาดนี้ได้ในคราเดียว ต่อมสงสัยของหลิงอวิ๋นเริ่มถูกสะกิดขึ้นอีกครั้ง เศรษฐีผู้อยู่เบื้องหลังคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ในเมื่อไม่ใช่กับดักของคังเล่อเหว่ย และตัวเองก็มาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปในอาคารพร้อมชายคนนั้น หลิงอวิ๋นเดินตามชายคนนั้นไปจนถึงชั้น 18 ของอาคาร แม้ว่าอาคารเหาถิงจะแล้วเสร็จมา 4-5 ปีแล้ว แต่อัตราการปล่อยเช่ายังไม่สูงนัก ดังนั้นทั้งอาคารจึงยังคงดูว่างเปล่า หลิงอวิ๋นมองเข้าไป หลายจุดกำลังรีโนเวท ชั้น 18 ทั้งชั้นถูกรีโนเวทให้กลายเป็นห้องทำงานหนึ่งห้อง ป้ายหน้าชั้นเขียนไว้ว่า “ห้องทำงานประธานกรรมการ” โอ้! เล่นใหญ่เหลือเกิน คนเดียวยึดทั้งชั้นเลย ห้องทำงานนั้นตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในมีทั้งห้องรับรอง ห้องพักผ่อน และห้องสันทนาการ นอกจากนี้ยังมีสนามกอล์ฟในร่มอีกต่างหาก คนรวยนี่ช่างบันเทิงจริง ๆ “สวัสดีค่ะคุณหลิง! ” น้ำเสียงนุ่มนวลกระทบเข้าที่ใบหูของหลิงอวิ๋น เขาหันหน้าไปตามต้นเสียง เห็นเพียงกำแพงฝั่งชั้นหนังสือกำลังขยับ ประตูที่มองไม่เห็นก็เปิดออก หญิงสาวสวยสง่านางหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน มือของเธอมีแก้วไวน์ทรงสูง ดวงตาทอประกายคู่นั้นจ้องมองมาที่หลิงอวิ๋น หลิงอวิ๋นประทับใจในท่วงท่าอันสูงสง่าของหญิงสาวคนนี้ในทันที ชุดทำงานที่เรียบง่ายพอดีตัวไม่สามารถบดบังเสน่ห์รัญจวนที่ออกมาจากภายในของเธอผู้นี้ได้ ผิวของเธอขาวนวล ใบหน้าหมดจดงดงาม ดวงตากระจ่างราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ประกอบกับเรียวปากสีแดงบาง งดงามประหนึ่งผลพีช นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นหญิงสาวที่ดูสดใสและทันสมัยเช่นนี้ “สวัสดีครับ... คุณคือ...” หลิงอวิ๋นติดพูดติดอ่างเล็กน้อย และใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อชายคนนั้นเห็นหญิงสาวเดินออกมาก เขาก็รีบโค้งคำนับทักทาย “สวัสดีครับ คุณหนู” หญิงสาวคนนั้นพยักหน้าตอบ ชายคนนั้นเชิญให้หลิงอวิ๋นนั่งลง จากนั้นจึงยื่นนามบัตรให้ และกล่าวขึ้นอย่างเป็นทางการ “ต้องขอโทษด้วย คุณหลิงอวิ๋น ผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อปีเตอร์ จาง นี่เป็นนามบัตรของผม” หลิงอวิ๋นรับนามบัตรมาพลิกดู ที่แท้เป็นลูกครึ่งจีน-อเมริกัน มิน่าถึงได้มีชื่อแบบนี้ หลิงอวิ๋นกวาดตาเห็นส่วนที่เป็นชื่อของบริษัท ตกใจจนลุกขึ้นพรวดจากโซฟา ATG กรุ๊ป! เป็น ATG กรุ๊ปที่ถูดจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก ใช่ไหม? มือของหลิงอวิ๋นที่กำลังจับนามบัตรเริ่มสั่น เขาไม่คาดคิดเลยว่าชายวัยกลางคนที่หน้าตาและคำพูดของเขาดูธรรมดามากคนนี้ ที่แท้เป็นถึงประธานภาคพื้นเอเชียตะวันออกของ ATG กรุ๊ป บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นประธานภาคพื้นเอเชียตะวันออกของ ATG กรุ๊ปค่อนข้างเคารพหญิงสาวผู้นั้น เช่นนั้นตัวตนของหญิงสาวจะต้องน่าทึ่งยิ่งขึ้นไปอีก ปีเตอร์ จาง เริ่มแนะนำหญิงสาวผู้งดงามคนนั้น  “คุณหนูของพวกเราคือ...”  “คุณอาจาง ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันแนะนำเองค่ะ!” เธอส่งยิ้มหวานให้หลิงอวิ๋น สายตาของเธอก็จ้องมองหลิงอวิ๋นโดยตลอด แม้ว่าหลิงอวิ๋นจะได้พบกับหญิงสาวเป็นครั้งแรก แต่จากแววตาของเธอ ทำให้หลิงอวิ๋นรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาเป็นเวลานาน หลิงอวิ๋นมีความรู้สึกคุ้นเคยกับสาวน้อยคนนี้อย่างอธิบายไม่ถูก “พี่หลิงอวิ๋น ไม่รู้จักฉันแล้วหรือไง? ” พี่? หลิงอวิ๋นรู้สึกงุนงง ตนเองไปมีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไรกัน? “ฉัน... ซุนเจียอี๋ไงล่ะ! ” หญิงสาวมีท่าทีตื่นเต้นขณะที่พูด เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ นัยน์ตาแวววาวจ้องมองหลิงอวิ๋น ซุนเจียอี๋? หลิงอวิ๋นเหมือนจะคุ้นราง ๆ แต่เขานึกยังไงก็นึกไม่ออก “ปู่ของฉันคือซุนกั๋วเหาไงคะ เป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบกับคุณปู่หลิง ต่อมาคุณปู่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และได้กลับมาเยี่ยมญาติตอนที่ฉันอายุได้ 6 ขวบ ตอนนั้นพวกเราได้เจอกันไงคะ” ได้ฟังคำบอกเล่าของซุนเจียอี๋ หลิงอวิ๋นนึกออกแล้ว คุณปู่มีสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่คนหนึ่งจริง ๆ พวกเขายืนหยัดสู้รบด้วยกัน ต่อมาคุณปู่ได้ช่วยชีวิตซุนกั๋วเหาเอาไว้ ทั้งสองจึงผูกพันประหนึ่งพี่น้อง ต่อมา ซุนกั๋วเหาย้ายไปอยู่ต่างประเทศจึงขาดการติดต่อกันไป และเมื่อมีการเปิดประเทศ ทั้งสองจึงค่อย ๆ ฟื้นฟูความสัมพันธ์อีกครั้ง ซุนกั๋วเหาพาซุนเจียอี๋กลับมาเยี่ยมญาติ เวลานั้นพวกเขาพักอยู่ที่บ้านของหลิงอวิ๋น หลิงอวิ๋นดีใจมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบน้องซุนเจียอี๋ที่ไม่ได้พบกันนานหลายปีแล้ว ณ ที่แห่งนี้ เขารีบร้อนถามขึ้น “น้องเจียอี๋ ฉันนึกออกแล้ว ฉันจำได้ทั้งหมดเลย ใช่แล้ว สุขภาพของคุณปู่กั๋วเหาเป็นอย่างไรบ้าง?” ร่องรอยของความโศกเศร้าปรากฏขึ้นในดวงตาของซุนเจียอี๋ เธอถอนหายใจ บอกว่าสุขภาพของซุนกั๋วเหาย่ำแย่ และตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ “ท่านอายุมากแล้ว ร่างกายก็ไม่สู้แต่ก่อน” หลิงอวิ๋นปลอบให้ซุนเจียอี๋ว่าอย่าได้คิดมาก “นายท่านใหญ่เป็นคนก่อตั้ง ATG กรุ๊ปขึ้น ตอนที่ได้ยินข่าวว่าคุณท่านหลิงถึงแก่กรรม ท่านก็เสียใจมาก เดิมทีคิดอยากจะบินมาเคารพศพคุณท่านหลิงด้วยตนเอง แต่สุขภาพของนายท่านใหญ่ไม่เอื้ออำนวย... ด้วยเหตุนี้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งในความเสียใจในชีวิตของท่าน” เมื่อปีเตอร์ จาง พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาดูเศร้าสลด แสดงให้เห็นถึงความภักดีและความเข้าอกเข้าใจของเขาที่มีต่อครอบครัวของเจ้านาย “น้ำใจของคุณปู่ซุน คุณปู่ของผมที่จากไปแล้วจะต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน... แต่ เดี๋ยวนะ คุณบอกว่าคุณปู่ซุนคือผู้ก่อต้อง ATG กรุ๊ป งั้นเจียอี๋ก็คือ...” “คุณหนูเจียอี๋เป็นทายาทตามกฎหมายเพียงคนเดียวของ ATG กรุ๊ป และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่เป็นผู้บริหารของบริษัทในเครือด้วย" ความตกตะลึงภายในใจของหลิงอวิ๋นเพิ่มทวีขึ้น เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพี่น้องร่วมสาบานของคุณปู่จะกลายเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลก และเพื่อนในวัยเด็กของตนจะเป็นทายาทของมหาเศรษฐี หลิงอวิ๋นสะกดอารมณ์ตื่นเต้นเอาไว้ เสแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง และตั้งคำถามต่อไปอีกว่า “ไม่รู้ว่าครั้งนี้ พวกคุณมาหาผมด้วยเรื่องอะไร? ”  “อันที่จริง คุณปู่ท่านคิดจะ...” ซุนเจียอี๋เกือบจะโพล่งออกมา แต่เธอก็ตระหนักได้ในทันทีตนเองได้เสียมารยาทแล้ว  “อ่อ ความหมายของคุณหนูคือต้องการให้คุณหลิงอวิ๋นเข้ามาทำงานที่บริษัทของเรา และตามความต้องการของนายท่านใหญ่ เขาต้องการอุทิศเงินส่วนตัวจำนวนหนึ่งพันล้านดอลลาร์ให้แก่คุณ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณคุณท่านหลิงที่เคยช่วยชีวิตท่านเอาไว้ หวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธ” ปีเตอร์ จาก รีบรับช่วงต่อทันที และดำเนินตามความหมายของซุนเจียอี๋ “เท่า...เท่าไร...ล้านนะ? หลิงอวิ๋นคิดว่าหูของเขามีปัญหา “หนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ หวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธ เป็นน้ำใจเล็กน้อยของนายท่านใหญ่ที่มีต่อคุณท่านหลิงที่จากไปแล้ว” ฟ้าประทานพันล้านมาให้ แถมหน่วยเป็นดอลลาร์! หลิงอวิ๋นมึนงงทำอะไรไม่ถูก เขาปฏิเสธออกไปโดยไม่รู้ตัว จำนวนนี้มันมากเกินไป “พี่หลิงอวิ๋น อย่าทำแบบนี้เลย หากคุณปู่รู้ว่าพี่ปฏิเสธความหวังดีของท่าน ท่านคงจะเสียใจ ได้โปรดเห็นแก่สุขภาพของคุณปู่ท่านด้วยค่ะ” หลิงอวิ๋นยังคงตะลึงจนพูดไม่ออก มีเสียงสะท้อนก้องอยู่ภายในใจบอกให้เขารับเงินจำนวนนี้มาแล้วก็ขอบคุณเขาไป แต่หลิงอวิ๋นก็ยังคงลังเลใจ ปีเตอร์ จาง รีบเข้าตีเหล็กขณะที่มันยังร้อน หยิบเช็คและสัญญาออกมาส่งให้หลิงอวิ๋น “นี่คือจำนวนเงินส่วนแรก เช็คเงินสดจำนวนหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ของธนาคารเครดิตสวิส เพราะติดเงื่อนไขการจำกัดอัตราแลกเปลี่ยน อีกเก้าร้อยล้านดอลลาร์ที่เหลือจะทยอยแบ่งชำระตามไปให้ นอกจากนี้ นี่เป็นสัญญา เมื่อเซ็นแล้ว คุณก็จะเป็นเจ้าของเงินจำนวนหนึ่งพันล้านดอลลาร์ได้อย่างถูกต้อง” หลิงอวิ๋นหยิบปากกาขึ้นมา ยังคงคิดห่วงหน้าพะวงหลัง และเขาก็จรดปากกาเซ็นชื่อลงไปด้วยความสั่นเทา เขาต้องการเงินจำนวนนี้มาก เมื่อมีเงินจำนวนนี้แล้ว จะไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาอีก ไม่มีใครกล้าเรียกเขาว่าเป็นแมงดา และไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกต่อไป เมื่อวันหนึ่งปณิธานสมดังหมาย ลิขิตฟ้าจะต้องถูกพลิกขึ้นมาเขียนใหม่อีกครั้ง หลิงอวิ๋นจำไม่ได้ว่าเขาเดินออกจากอาคารเหาถิงเมื่อไร มีเพียงความรู้สึกล่องลอยเหมือนอยู่ในแดนสวรรค์ เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เมื่อหลิงอวิ๋นจากไปแล้ว ปีเตอร์ จาง จึงนำเอาสัญญาให้ซุนเจียอี๋ดู ซุนเจียอี๋พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ในที่สุดความปรารถนาของคุณปู่ก็ลุล่วงแล้ว ATG กรุ๊ปเปลี่ยนเป็นแซ่หลิงแล้ว พี่หลิงอวิ๋นเซ็นชื่อแล้ว  ———— หลิงอวิ๋นออกจากอาคารเหาถิง เขาตรวจสอบเช็คใบนั้นอยู่หลายครั้ง จนแน่ใจว่าไม่มีปัญหา จึงเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อด้วยความระมัดระวัง สำหรับหลิงอวิ๋นแล้ว นี่เป็นโอกาสหาได้ยากและมีค่ายิ่ง เขาต้องคว้ามันไว้ จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แล้ว แม้เขาจะรู้ดีว่าจุดประสงค์ของพวกปีเตอร์ จาง จะไม่ใช่เพียงต้องการล้มฝูติ่งเรียลเอสเตทง่าย ๆ แบบนั้น แต่หลิงอวิ๋นก็ไม่สนอะไรแล้ว เมื่อคิดถึงการแสดงออกของคนในบ้านของซ่งอวี่ถง หลิงอวิ๋นก็โกรธจนระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ฮึ! คอยดูเถอะ หลิงอวิ๋นโบกแท็กซี่คันหนึ่ง และตรงกลับไปยังบ้านตระกูลซ่ง ในเมื่อรับเงินคนอื่นมาแล้ว งั้นก็ต้องปัดเป่าภาระให้เขาด้วย การกลับไปยังบ้านตระกูลซ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด หลิงอวิ๋นรู้ดีว่าเขาคงไม่พ้นที่จะถูกดูแคลนอีก อย่างไรก็ตามเขาก็อดทนมาห้าปีแล้ว ยังจะต้องใส่ใจอีกด้วยหรือ? เมื่อถึงหน้าคฤหาสน์ตระกูลซ่ง หลิงอวิ๋นหยิบกุญแจออกมาและไขเข้าไป เจ้าลาบราดอร์ที่ซ่งอวี่ถงเลี้ยงไว้กระโจนเข้าใส่หลิงอวิ๋น พร้อมทั้งเห่าเสียงดังไม่หยุด หลิงอวิ๋นรู้สึกโมโห ให้ตายสิ แม้แต่สุนัขยังทำกับเขาแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเหลือเกิน หลิงอวิ๋นไม่สนใจแล้ว เขาเดินหน้าขึ้นไปและเงื้อขาขึ้นเตะ ลาบราดอร์ตัวนั้นกระเด็นออกไปไกล และตกกระทบลงบนพื้นอย่างรุนแรง “เอ๋ง ๆ ๆ ...” เจ้าสุนัขตัวร้ายถอยกลับไปด้วยความเจ็บปวด และเดินกะเผลกกลับไปที่บ้านสุนัขโดยไม่ส่งเสียงอีก “ไอ้หมาเอ้ย ทีหลังอย่าซีซั้วเห่า” หลิงอวิ๋นผลักประตูเดินเข้าไป ห้องโถงยังคงเปิดไฟสว่างอยู่ เขามองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว ปกติเวลานี้ คนในตระกูลซ่งเข้านอนหมดแล้วนี่นา เป็นใครกันที่ยังอยู่ในห้องรับแขก? หลิงอวิ๋นเปลี่ยนรองเท้าและเดินเข้าไปในห้องรับแขก พบว่าไม่ใช่ใครอื่น เป็นซ่งอวี๋ถงในชุดนอนที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวในนั้น สายตาของซ่งอวี่ถงพลันเหลือบเห็นหลิงอวิ๋น วันนี้เธอไม่มีความสุข งานเลี้ยงดี ๆ กลับเลิกรากันด้วยบรรยากาศที่น่าหงุดหงิด และตนเองก็พลอยเสียหน้าไปด้วย  “อุ๊ยตาย กลับมาได้แล้วหรือ? ” ซ่งอวี่ถงวางแก้วไวน์ลง เธอนั่งไขว่ห้าง จ้องมองหลิงอวิ๋นอย่างเย็นชา หน้าแดงเจิดจ้าราวกับกุหลาบป่าเดียวดายในสวนดอกไม้ หลิงอวิ๋นนวดขมับของตนเอง เขาเหนื่อยล้าจากเรื่องราววุ่นวายในวันนี้ ไม่ต้องการทะเลาะกับซ่งอวี่ถงอีก ทะเลาะกันมาหลายปี หลิงอวิ๋นเหนื่อยแล้วจริง ๆ เขาบอกกับเธอว่าไม่ต้องการทะเลาะด้วย จึงตัดสินใจขึ้นไปด้านบน กลับห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน หลิงอวิ๋นและซ่งอวี่ถงแยกห้องนอนกันตั้งนานแล้ว ระหว่างเขาทั้งคู่ไม่มีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยามานานหลายปีแล้ว หลิงอวิ๋นก็ไม่มีปากเสียงอะไร เขาทำได้เพียงรอคอยให้คนที่เขารักเปลี่ยนใจกลับมา แต่การรอคอยของเขายังคงคว้าน้ำเหลว จนกระทั่งวันนี้ความอดทนสิ้นสุด เมื่อการอยู่อาศัยในตระกูลซ่งยังไม่เทียบเท่าสุนัขตัวหนึ่ง หลิงอวิ๋นกำลังจะเดินขึ้นข้างบน เวลานี้ไฟจากด้านบนก็สว่างขึ้น หวางอวิ๋นสวมเสื้อคลุมเดินลงบันไดมา พลางตะโกนใส่หลิงอวิ๋น “หยุดอยู่ตรงนั้นเลย เอาล่ะ ฉันก็ว่าใคร ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่หลับไม่นอน เสียงดังจนฉันตื่น ที่แท้ก็ลูกเขยคนเก่ง! ” หวางอวิ๋นจงใจลงน้ำหนักที่คำว่า “คนเก่ง” เน้นถึงการเสียดสี “คุณแม่ รีบพักผ่อนเถอะครับ” หลิงอวิ๋นไม่อยากจะทะเลาะกับหวางอวิ๋น จึงยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง “อย่าเลย ฉันไม่มีวาสนาคู่ควรให้เธอเรียกแม่หรอกนะ ฉันมีคุณสมบัติจะเป็นแม่ยายของเธอที่ไหนกันล่ะ เมื่อวานยังชักสีหน้าให้ฉันอยู่เลย เก่งแล้วสินะ งั้นก็ไม่ต้องกลับมาสิ ชิ” หวางอวิ๋นอ้าปากหาว พลางพูดสั่งสอนหลิงอวิ๋น ตอนนี้อารมณ์ของหลิงอวิ๋นนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อยั่วให้แม่ยายโกรธ แต่นาทีนี้ สิ่งที่เขาคิดคือจะทำอย่างไรให้ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น ปากไวไม่ได้มีประโยชน์อะไร ปากเก่งแล้วเป็นไง ก็ไม่แคล้วโดนคนดูถูกหาว่าเป็น “แมงดา” อยู่ดี? ดังนั้นสิ่งที่หลิงอวิ๋นกำลังคิดในตอนนี้คือ จะทำอย่างไรจึงจะสลัดคราบ “แมงดา” ออกไปจากตัวเขา และเปลี่ยนมุมมองของคนในตระกูลซ่งที่มีต่อเขาเสียใหม่ให้เร็วที่สุด ให้พวกเขารู้สึกผิดที่เคยเหยียดหยามเขา หลิงอวิ๋นจึงอดทน ยอมให้หวางอวิ๋นอบรมสั่งสอนเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม