เมื่อต้องเผชิญกับอาการบ่นพึมพำไม่รู้จบของหวางอวิ๋น คนเป็นลูกสาวอย่างซ่งอวี่ถงก็อดรนทนไม่ได้อีกต่อไป "คุณแม่ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ เรื่องของพวกเรา เดี๋ยวพวกเราจัดการกันเองได้ คุณแม่กลับไปพักผ่อนนะคะ จะได้ไม่กระทบกับเรื่องในวันพรุ่งนี้"
หวางอวิ๋นเห็นลูกสาวพูดแบบนี้ก็กลอกตาไปทางหลิงอวิ๋นพลางถอนหายใจติดต่อกัน จากนั้นจึงเดินกลับเข้าห้อง
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมกลับไปพักผ่อนเลยแล้วกัน”
หลิงอวิ๋นและซ่งอวี่ถงเองก็ไม่มีเรื่องจะคุยกัน
ซ่งอวี่ถงเงยหน้ายกแก้วไวน์ดื่มจนหมดแก้วในคราเดียว แล้วบอกว่าพรุ่งนี้เธอมีเรื่องจะคุยกับหลิงอวิ๋น จากนั้นก็สวมเสื้อกันลม เตรียมออกไปข้างนอก
“ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกไปอีกเหรอ” หลิงอวิ๋นเหมือนจะหลุดปากพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว
“อย่ามายุ่ง” ซ่งอวี่ถงทิ้งคำพูดเยียบเย็นสองสามคำ จากนั้นสะบัดตัวเดินออกนอกประตูไป
หลิงอวิ๋นส่ายหัวพูดไม่ออก ได้แต่เดินอย่างโกรธขึ้งขึ้นชั้นบนเพื่ออาบน้ำ แล้วขึ้นไปนอนบนเตียง
เขากางเช็คใบนั้นวางบนโต๊ะหัวเตียง จากนั้นเอามือถือมาวางทับไว้
วันนี้เขาเหนื่อยมากจริง ๆ จึงไม่อยากคิดอะไรมากเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
การนอนหลับในครั้งนี้ของหลิงอวิ๋นเป็นการนอนที่เป็นสุขที่สุดในรอบหลายปีมานี้ จิตใจสงบ ไม่พะว้าพะวัง
วันต่อมา เป็นวันที่มีแสงแดดเจิดจ้าอีกวันหนึ่ง
ตะวันส่องก้นแล้ว หลิงอวิ๋นถึงลุกขึ้นมาได้ ตามปกติเขาจะไปรอซ่งอวี่ถงตื่นนอนที่ห้องโถงใหญ่ จากนั้นค่อยส่งเธอไปทำงานที่บริษัท
ทว่าในเมื่อคิดจะแยกตัว หลิงอวิ๋นจึงไม่จำเป็นจะต้องเรื่องเสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์พวกนั้นอีกต่อไป
เมื่อเขาเดินลงมาชั้นล่างก็พบหวางอวิ๋นกำลังทานมื้อเช้าอยู่ กลับไม่เห็นเงาของซ่งอวี่ถง ดูท่าจะไม่ได้กลับมาทั้งคืน
คนรับใช้เห็นเขยรองลงมา จึงเอ่ยถามว่าจะรับมื้อเช้าหรือไม่
หลิงอวิ๋นผงกหัว กินก็กินสิ
แต่ก่อนคือ พอพวกหวางอวิ๋นทานมื้อเช้ากันเสร็จแล้วตัวเขาถึงจะมาทานอะไรง่าย ๆ เล็กน้อย แต่วันนี้หลิงอวิ๋นอยากรู้ว่า รสชาติของการร่วมโต๊ะอาหารเช้านั้นเป็นอย่างไร
หลิงอวิ๋นทักทายหวางอวิ๋น จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามกับหวางอวิ๋นเพื่อเตรียมทานมื้อเช้า
หวางอวิ๋นนั้นรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ตามความเห็นของเธอ ฐานะของหลิงอวิ๋นเหนือกว่าคนรับใช้ในบ้านอยู่หน่อยหนึ่งเท่านั้น
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไร ถึงกล้ามานั่งทานมื้อเช้าร่วมโต๊ะเดียวกันกับเธอเสียได้ หวางอวิ๋นกระแอมไออยู่สองสามหน คิดอยากจะเอ่ยเตือนหลิงอวิ๋นไม่ให้ลืมสถานะของตัวเอง
หลิงอวิ๋นหรือจะไม่รู้ว่าหญิงชราผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องพลางเอ่ยปากพูดกับคนรับใช้
“แม่บ้านจ้าว ผมเห็นคอของคุณแม่ดูท่าจะไม่ค่อยดีเลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
คนรับใช้เองก็ได้ยินเสียงไอของหวางอวิ๋น เธอจึงรุดหน้าไปโดยเร็วพลางซักถามว่า “คุณนาย จะให้เชิญหมอจงมาดูอาการหน่อยไหมคะ”
หวางอวิ๋นโกรธจนหน้าเขียวปั้ด ไม่คิดว่าหมอนี่จะมาไม้นี้กับเธอ
เธอโบกมือ บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเรียกคุณหมอมา
“ค่ะ งั้นดิฉันจะไปแจ้งทางห้องครัวให้ตุ๋นสาลี่ใส่ชวนเป้ยและน้ำตาลกรวดเอาไว้ให้คุณนายนะคะ พอเย็นนี้คุณนายกลับมาดื่ม วันต่อมาคอของคุณนายจะต้องดีขึ้นแน่ ๆ ค่ะ”
หวางอวิ๋นผงกหัวพร้อมสั่งการให้คนรับใช้ถอยออกไป
หลิงอวิ๋นทำทีไม่สนใจ เลือกทานอะไรง่าย ๆ สักหน่อย แล้วออกจากห้องรับประทานอาหารมานั่งยังห้องโถงใหญ่
เขาเห็นหนังสือพิมพ์ประจำวันนี้บนโต๊ะน้ำชา จึงหยิบขึ้นมาพลิกอ่านโดยละเอียด พาดหัวที่หน้าแรกของวันนี้เป็นข่าวงานประมูลที่จัดโดยสมาคมการกุศลประจำมณฑล
หนังสือพิมพ์เขียนเอาไว้ว่าเหล่าบรรดาผู้มีชื่อเสียงและนักธุรกิจรายใหญ่จากเมืองหลวงและตามแต่ละมณฑลจะมาเข้าร่วมงานโดยมีจาวฮุยกรุ๊ปและบริษัทอสังหาฯ ฝูติ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในครั้งนี้
ถึงว่าวันนี้หวางอวิ๋นก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ที่แท้ช่วงเช้าจะมีกิจกรรมทางธุรกิจนัดสำคัญเยี่ยงนี้เอง
ซ่งอวี่ถงก็คงจะไปด้วยสินะ แต่ยังไม่เห็นเงาของเธอตั้งแต่เช้าแล้ว
ขณะที่หลิงอวิ๋นกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่นั้น หวางอวิ๋นก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดกี่เพ้าสั่งตัดระดับไฮเอนด์ สวมชุดเครื่องประดับจากอัญมณีและหยกที่นักออกแบบชาวฝรั่งเศสลงมือรังสรรค์ผลงานเพื่อเธอ เธอบอกให้คนขับรถไปเปิดประตู แล้วจึงเดินออกไป
อืม คงจะไปงานประมูลเพื่อการกุศลนี้อย่างแน่นอน
หวางอวิ๋นออกไปไม่นาน ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของหลิงอวิ๋นก็ดังขึ้น น้ำเสียงฝ่ายตรงข้ามฟังดูคุ้นหู
“คุณหลิง เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมครับ? ”
คือปีเตอร์ จาง
“ก็ไม่เลวครับ ผมไม่ได้หลับสบายแบบนี้มานานมากแล้ว”
“ครับ เชื่อว่าคุณคงรู้ข่าวเกี่ยวกับการประมูลเพื่อการกุศลครั้งนี้ด้วยแล้ว ภารกิจแรกที่ผมจะให้คุณก็คือการประมูลของชิ้นสุดท้ายของงานนี้——น้ำตาแห่งฟิกริสนั่นเองครับ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ คุณจะต้องประมูลมาให้ได้”
ของประมูลชิ้นเดียวที่ทำให้ประธานภาคพื้นเอเชียตะวันออกแห่ง ATG กรุ๊ป ต้องโทรมาหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้หลิงอวิ๋นไม่กล้าดูเบาอีกต่อไป
เขาตอบรับคำขอของอีกฝ่าย โอกาสที่จะแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาต่อหน้าตระกูลซ่งและตระกูลคังอีกครั้ง นับเป็นสิ่งที่เขาถวิลหาอย่างยิ่งยวดแม้ในยามฝันมานานหลายปีแล้ว
หลิงอวิ๋นไม่กล้าเมินเฉย ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนการประมูลจะเริ่มขึ้น เขาขับรถไปยังธนาคารเครดิตสวิสสาขาในเมือง เพื่อนำเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์ไปแลกเป็นเงินหยวนและฝากเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา ซึ่งเป็นจำนวนเงินมากกว่า 69 ล้านหยวน
ธนาคารเครดิตสวิสสาขาในเมืองดูเหมือนจะไม่เคยเจอลูกค้าส่วนบุคคลที่มีเงินเป็นจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน จึงตกใจเสียจนผู้จัดการสาขาย่อยต้องลงมาต้อนรับด้วยตนเอง จากนั้นก็จัดการให้ทุกคนร่วมน้อมส่งหลิงอวิ๋นออกนอกประตู
ความรู้สึกของการเป็นคนรวยชวนให้รื่นเริงใจเสียจริง สายตาผู้คนที่จับจ้องมองดูคุณก็ดูแตกต่าง
ถึงแม้หลิงอวิ๋นจะมีตำแหน่งเป็นเขยคนรองของตระกูลซ่ง แต่คนรอบข้างต่างรู้กันว่าเขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงเลยแม้แต่น้อย สุภาพหน่อยก็เรียกคุณหลิง พวกหยาบคายก็จะเรียกตรง ๆ ว่าแมงดา หลิงอวิ๋นรู้สึกอัดอั้นตันใจมาหลายปีแล้ว
เมื่อเขามีเงินสดจำนวนมหาศาลนี้แล้ว ความมั่นใจของเขาก็ท่วมท้นไปด้วยเช่นกัน