หลังจากที่ส่งลูกชายตัวน้อยไปเรียนเสร็จเรียบร้อย น้ำค้างก็จูงจักรยานกลับมาถึงบ้าน เจ้าของร่างบางรีบสวมหมวกสวมเสื้อคลุมเพื่อถางหญ้าออกจากแปลงผักที่ปลูกไว้กินไว้ขาย เธอไม่มีอาชีพเสริมมากมายนอกจากขายผัก เย็บผ้าที่ข้างบ้านแบ่งงานให้ทำ
เพราะเธอเลี้ยงลูกเอง เธอต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวตั้งแต่่ที่ยายเสียไป ตอนนั้นเธอเพิ่งรู้ตัวว่าท้องต้นไผ่ได้เพียงสองเดือนเท่านั้น เพิ่งเรียนจบมาก็ท้องเสียก่อน งานก็ไม่สามารถทำได้เต็มที่
“น้ำค้างเอ้ย ผ้าป้าเอาไปวางไว้บนแคร่แล้วนะ”
เสียงป้าจันทร์ข้างบ้านร้องบอก พร้อมกับส่งยิ้มกว้างข้ามรั้วมาให้ ทั้งหมู่บ้านนี้ใครกันจะไม่ชื่นชอบน้ำค้างกับลูกของเธอ มีแต่คนรักใคร่เอ็นดู บางครั้งก็หยิบยื่นทั้งของกินของใช้มาให้ ทำให้เธอสามารถเลี้ยงลูกมาจนโตได้ขนาดนี้
“ขอบคุณนะจ๊ะป้า ป้าเอามะเขือไปทำแกงไหมจ๊ะ?”
“ไม่เป็นไรลูกเอ้ย ที่หนูเอามาให้ป้ารอบก่อนยังกินไม่หมดเลย”
น้ำค้างส่งยิ้มกว้างพลางพยักหน้า เธอไม่พูดอะไรต่อก้มหน้าทำงาน เธอไม่ใช่คนขี้เกียจ ทำงานนี้เสร็จก็ต่ออีกงาน เพราะต้องหาเงินจุนเจือครอบครัว ตั้งใจว่าอีกไม่นานจะลองไปหางานในเมืองทำดูเผื่อโชคดี เพราะตอนนี้ต้นไผ่ก็โตขึ้นแล้ว เธอเอาลูกไปฝากไว้ ตอนกลางวันไปทำงานเย็นมารับก็คงได้ แต่จะหางานที่ไหนที่มีเวลาตรงกับเวลาว่างของเธออันนี้สิเป็นปัญหา
“พะ พี่กล้า”
เสียงเรียกเบาหวิว ทุกครั้งที่เธอเรียกชื่อนี้ทีไรมักใจสั่นตลอด เธอเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่บนรถกระบะสีดำคันโต เธอเห็นชัดเพราะเขานั้นลดกระจกลง หนุ่มหล่อสวมแว่นกันแดดคนนั้นเธอรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคนที่เธอให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
แต่คงตรงกันข้าม สำหรับเขาเธอมันก็แค่ผู้หญิงใจร้าย น่ารังเกียจ
“จะไปไหนหรือจ้ะ?” เธอตัดสินใจร้องถามอีกฝ่ายที่ชะลอรถอยู่หน้าบ้านตน บ้านเธอมีเพียงรั้วลวดหนามกั้นวัวกั้นควายไม่ให้เข้ามากินผักเท่านั้น จึงตะโกนคุยกันได้ถนัด
“...”
อีกฝ่ายไม่ตอบกลับซ้ำยังชูคอตั้งเป็นห่าน ก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้คนถามหน้าเสีย รอยยิ้มพลันหุบหายไปในทันที กลับโทษตัวเองว่าไม่น่าไปยุ่งไปทักเขา รู้ว่าเขากลียดยังจะอยากคุยด้วย
แต่อีกคนก็มารยาทสุดทราม แม้จะไม่ชอบแต่ทว่าอย่างน้อย ๆ ก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน
“เฮ้อ~~” หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย เธอพยายามข่มใจก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ท่ามกลางแสงแดดในช่วงสาย แม้ไม่แรงมากแต่ทว่ากลับรู้สึกอบอ้าวคล้ายฝนจะตก เธอรีบเร่งมือก่อนที่จะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ
“…? …”
แต่แล้วไม่นานรถกระบะคันเดิมก็วนเข้ามาจอดอีกหน คนขับก็คนเดิมนั่นแหละ แถมยังมาพร้อมกับใบหน้าไม่รับแขกอีกเช่นเคย แต่ถ้าไม่ชอบใจขนาดนั้นแล้ววนรถมาทำไมถึงสองรอบ?
“พี่กล้า_”
บรืน!
“…”
ยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็ขับรถออกไปอีกแล้ว นี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่านะ? น้ำค้างได้แต่แปลกใจ คิ้วเรียวขมวดมุ่น เขาอาจจะแค่่ผ่านมาดูโน่นนี่นั่นก่อนจะกลับกรุงเทพล่ะมั้ง คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ คิดได้ดังนั้นก็จัดผ้าถุงเตรียมจะนั่งลงถอนหญ้าต่อ แต่แล้ว…
“พี่กล้ามีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”
นั่นแหละ…เขาวนรถมาจอดอีกแล้ว แต่ครั้งนี้กลับจอดนานกว่าปกติ เธอจึงมีโอกาสถามเขา และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือเขาดับเครื่องยนต์ หรือว่า…
“ผัวไปไหน?”
คำพูดไม่น่าหลุดออกจากปาก หนำซ้ำน้ำเสียงยังฟังดูแข็งกระด้าง หากไปพูดกับคนอื่นมีหวังโดนรองเท้าฟาดปากให้เลือดกลบ แต่โชคดีที่คนที่ถูกถามนั้นเป็นน้ำค้าง เธอทำเพียงยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับเขาอย่างใจเย็น
“ไม่มีจ้ะ”
“เหอะ”
เขาหัวเราะไปหนึ่งที น้ำเสียงแฝงไปด้วยอาการของคนเย้ยหยันหลายส่วน ที่เหลือราวกับไม่เชื่อในคำพูดของเธอ ผู้หญิงคนนี้เชื่อได้ที่ไหน เห็นหน้าตาใสซื่อ พูดจ๊ะพูดจ๋าแบบนี้อย่าได้หลงเชียวเขาเคยพลาดแล้ว และจะไม่มีทางพลาดอีกเด็ดขาด
“มันทิ้งไปมีเมียใหม่ หรือเห็นผู้ชายแล้วบอกว่าตัวเองไม่มีผัวล่ะ?” คำพูดร้าย ๆ พ่นออกมาไม่หยุด เขาเคียดแค้นเธอ เธอย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่ทำไมถึงโกรธเขาไม่ลงกันนะ
“มะ ไม่ได้ทิ้งจ้ะ ตะ แต่เราจบกันไปแล้ว พี่กล้าสบายดีไหมจ้ะ ไม่เจอกันนานหลายปีเลย”
ดวงตากลมส่องประกายวาววับ ยามที่ได้มองคนตรงหน้า เธอไม่เจอเจ้าของใบหน้าคมนี้มานานห้าปี ไม่เคยลืม และไม่คิดจะลืม แม้วันนี้ทุกอย่างไม่มีทางหวนกลับมาเป็นอย่างเช่นวันวาน เธอเองก็ไม่คิดก้าวก่ายเขา เพียงแค่เขาแวะเวียนมาให้พบหน้าหน่อยก็ถือว่าเป็นบุญแค่ไหนแล้ว
“ถ้าไม่สบายดีแล้วฉันจะมาอยู่ตรงนี้ไหม” น้ำเสียงแข็งกระด้างบวกกับใบหน้าอึมขรึมนั่นแล้ว ก็อดนึกกลัวไม่ได้เลยจริง ๆ
“อะ อ๋อ จ้ะ” เธอรู้สึกหน้าเสียเป็นอย่างมาก แต่ก็ฝืนยิ้มต่อ ดวงหน้าขาวผ่อง คิ้วเรียว จมูก ตา ปาก ทุกอย่างล้วนรับกันจนไม่อาจละสายตาได้ ทั้งสวยน่ารักได้ในคน ๆ เดียวกัน สาวในกรุงเทพบางคนก็เทียบเธอไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
“เธอเลิกยิ้มน่าเกลียดแบบนี้สักทีเถอะ”
มันไม่อยากมองโว้ย!
“ขะ โทษจ้ะพี่” น้ำค้างทีี่จู่ ๆ ถูกดุก็หน้าถอดสี หุบยิ้มในทันทีก่อนจะก้มหน้าหลุบต่ำ เธอเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา กลัวเขาเห็นหน้าเธอแล้วความเกลียดชังจะยิ่งทวีคูณ จึงรีบถดตัวออกและกำลังจะเดินเข้าบ้านไป
“จะไปไหน?”
“จะ จะเข้าไปกินน้ำจ้ะ” น้ำค้างเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เหมือนคนกำลังจะร้องไห้ระคนหวาดกลัว เขาที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มใจอ่อน ลดเสียงลงพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก
“มาขายมะเขือก่อน ฉันจะเอาไปทำกับข้าวถวายพระ”
เหอะ! เขาไม่ได้จะใจดีหรอกน่า ไม่อยากมาเจอด้วยซ้ำ แต่แค่จะมาซื้อผัก ซื้อผักน่ะเข้าใจไหม?
“ดะ ได้จ้ะ เดี๋ยวหนูแถมให้พี่เยอะ ๆ นะ” น้ำค้างยิ้มได้อีกครั้ง เธอดีใจจนมือสั่นแก้มแดงปลั่ง รีบวิ่งไปหยิบตะกร้ามาเก็บผักให้เขาอย่างขยันขันแข็ง