คริสเตียนขับรถออกมาจากร้านเล็กๆ อย่างอารมณ์ดี เขาไม่เคยคิดเลยว่าห้องเล็กๆ นั่นจะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจได้ขนาดนี้
ครืด~~
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อบึ้งตึงขึ้นมาทันทีที่เห็นเบอร์โทรที่โชว์อยู่หน้าจอ
“มีอะไรเหรอ”
(ทำไมทักทายเมียแบบนี้หล่ะคะ ฉันจะโทรหาสามีมันต้องมีธุระด้วยเหรอ)
“ผมขับรถอยู่”
(ฉันมาหาคุณอยู่ที่ทำงาน แต่ไม่เจอคุณ เลขาคุณก็ไม่ทราบว่าคุณไปไหน ฉันก็เลยโทรหา)
“ผมออกมาทำธุระ”
คริสเตียนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งที่เริ่มจะหงุดหงิดกับการกระทำของเธอเหลือเกิน ที่นับวันจะเริ่มแสดงความเป็นเจ้าของเขา ทั้งๆ ที่ตกลงสถานะกันตั้งแต่แรกแล้ว
(ถ้าอย่างนั้น ฉันจะกลับไปรอที่บ้านนะคะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ)
“ครับ”
คริสเตียนตัดสายไปทันทีเมื่อพูดจบ ไม่ได้ตื่นเต้นกับเรื่องที่เธอจะบอกเลยสักนิด
..
คริสเตียนเดินเข้ามาในบ้านตามปกติ แต่ยังไม่ทันเข้ามาถึงห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงของคุณย่าดังขึ้นมา ผสานกับเสียงของคุณแม่ของเขา แล้วยังมีเสียงของนุชนาถดังขึ้นมาอีกด้วย
ได้ยินเช่นนั้น คริสเตียนก็รีบก้าวผ่านห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันถึงไหนเสียงของคริสติน่าก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“พี่จะไปไหน คุณย่ารอคุยกับพี่อยู่นะ” คริสติน่าบอกออกไปทันทีก่อนที่พี่ชายจะหลบหนีไป ปล่อยให้เธอรับหน้าอยู่คนเดียว
“แล้วน้องหล่ะ ทำไมไม่เข้าไป มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
คริสเตียนถามกลับบ้าง และเขาก็พอจะรู้คำตอบดี เพราะมันเป็นคำตอบเดียวกันกับเขา คริสติน่าพยายามหลีกเลี่ยงไม่พบคุณย่า เพราะไม่อยากโดนคลุมถุงชนเหมือนพี่ชาย
“น้องก็รอพี่อยู่ไงคะ”
คริสติน่าแกล้งพูดออกไปแล้วควงแขนพี่ชายเข้ามาในห้องรับแขกด้วยกัน ถ้าขืนเธอเข้ามาคนเดียว คุณย่าคงจะหาคู่ออกเดทให้เธออีกแน่ๆ
“พี่คริสมาแล้วค่ะคุณย่า”
คริสติน่าพูดออกไปเสียงใส แล้วดันร่างพี่ชายให้ไปนั่งกับคุณย่า ส่วนเธอนั่งข้างพี่ชายอีกที
“สวัสดีครับคุณย่า สบายดีนะครับ”
“ย่าจะสบายหรือไม่สบายเคยมีคนเป็นห่วงด้วยเหรอ”
คุณย่าถึงกับแกล้งงอนหลานๆ ที่ไม่เคยไปเยี่ยมคนแก่เลย จนท่านต้องหอบสังขารมาหาหลานเอง
“โถ่... คุณย่าครับ ผมก็อยากจะไปหาคุณปู่กับคุณย่านะครับ แต่ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากจริงๆ
คริสเตียนพูดออกไปด้วยท่าทางออดอ้อนแล้วสวมกอดคุณย่าอย่างเอาใจ เพราะนี่อาจจะเป็นวิธีที่ทำให้เขารอดจากสิ่งที่คุณย่ากำลังจะพูดถึง
“ไม่ต้องมาอ้อนย่าเลยนะ ยังไงวันนี้ย่าก็จะต้องได้คำตอบ”
“คำตอบอะไรกันครับคุณย่า ผมขอเวลา...”
คริสเตียนยังไม่ทันได้พูดจบ คุณย่าก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“ย่าให้เวลาคริสมา5ปีแล้วนะ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีหลานให้ย่าสักที ต้องให้ย่าตายก่อนใช่มั้ย ถึงจะมี” คุณย่าพูดออกมาด้วยท่าทางแง่งอนตามปะสาคนแก่ที่อยากเห็นเหลน
“เรื่องแบบนี้มันมีกันง่ายๆ ซะที่ไหนหล่ะครับ ขนาดเพื่อนผมแต่งงานมา10ปีแล้วก็ยังไม่มีลูกเลยครับ” คริสเตียนพยายามหาข้ออ้าง
“ไม่มีเพราะเขาไม่อยากมีต่างหากหล่ะ หรือว่านุชนาถจะมีปัญหาเรื่องมดลูก” คุณย่าหันมาถามหลานสะใภ้ที่นั่งอยู่ทันที
“ไม่มีหรอกค่ะคุณย่า นุชไปพบหมอเป็นประจำ” นุชนาถตอบไปด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“ถ้าปกติดี แล้วทำไมถึงไม่ท้องสักที ถ้ามีแบบธรรมชาติมันยากนัก ก็ลองไปปรึกษาหมอดูสิ จะเสียค่าใช้จ่ายสักเท่าไหร่กันเชียว”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณย่า ผมมีน้ำยาพอ ไม่ต้องพึ่งหมอหรอก”
คริสเตียนบอกไปตามตรง เพราะที่เขายังไม่มีลูก เพราะเขาไม่อยากให้มีต่างหากหล่ะ
“แต่งงานมา5ปีแล้ว แต่เมียยังไม่ท้อง ยังจะบอกว่ามีน้ำยาอย่างนั้นเหรอ ถ้ายังนิ่งนอนใจอยู่แบบนี้ ชาตินี้จะมีลูกกับเขามั้ย”
“มีสิครับคุณย่า” บางทีผมอาจจะมีลูกโตแล้วก็ได้
ประโยคหลังคริสเตียนได้แต่พูดในใจ อยู่ๆ ใบหน้าของเด็กน้อยก็เข้ามาในหัวของเขา เช่นเดียวกับคำถามที่ผุดขึ้นมามากมาย แน่นอนว่าเขาต้องรู้ให้ได้ ว่าเด็กคนนั้นใช่ลูกสาวของเขาหรือเปล่า
..
หลังจากกลับมาจากห้างสรรพสินค้า ไอยลดาก็เปิดร้านตามปกติ เพราะตอนนี้มันแค่บ่ายโมงเอง ยังมีเวลาให้ลูกค้าเข้ามาช็อปอีกตั้งหลายชั่วโมง เพราะปกติเธอปิดเกือบสองทุ่ม
กริ๊ง~~
เสียงกริ่งเตือนว่ามีลูกค้าเข้าร้าน ไอยลดารีบลุกจากโซฟาแล้วเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์ทันที แต่ก็พบว่าคนที่เข้ามาเป็นพนักงานส่งของ ไม่ใช่ลูกค้า
“คุณไอยลดาหรือเปล่าครับ” พนักงานหนุ่มถามด้วยท่าทางสุภาพ
“ใช่ค่ะ” ไอยลดาตอบไปด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นกัน ถึงจะสงสัยอยู่เหมือนกันว่ามาส่งผิดหรือเปล่า เพราะเธอไม่ได้สั่งอะไรหนิ
“รบกวนช่วยเซ็นรับสินค้าด้วยครับ”
“ขอโทษนะคะ มาส่งผิดร้านหรือเปล่าคะ คือฉันไม่ได้สั่งอะไร” ไอยลดาถามออกไปด้วยความสงสัย
“ไม่ผิดหรอกครับ” พนักงานหนุ่มตอบด้วยความมั่นใจแล้วยื่นเอกสารไปตรงหน้าเจ้าของบ้าน ตามที่ได้รับคำสั่งมา
“ขอบคุณครับ” พนักงานหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำสุภาพหลังจากที่ลูกค้าเซ็นเอกรับสินค้าเสร็จเรียบร้อย
“แล้วจะให้เราวางสินค้าไว้ตรงไหนดีครับ”
“แล้วสินค้าคืออะไรหล่ะคะ”
“ตามรายการ ก็มีชุดเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าและของเล่นเด็ก แล้วก็กระเป๋าแบรนด์เนมครับ”
ไอยลดาถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อได้ยินรายการที่พนักงานบอกมา ใครกันที่สั่งของพวกนี้มา
“เอาไว้ตรงนั้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบไปก่อนจะได้ไม่เสียเวลาของคนส่งของ ส่วนเรื่องข้าวของพวกนี้ เธอต้องโทรศัพท์ถามคนที่น่าจะเป็นคนส่งมาก่อน
และคนแรกที่เธอนึกถึงคือหมอภาคิณ ที่ชอบเซอร์ไพรส์เธออยู่บ่อยๆ ตามด้วยป้านัตตี้แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยมาก
..
คริสเตียนเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังจากไปส่งคุณย่าขึ้นรถ
“พี่คริสคะ น้องมีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ฟัง” คริสติน่าพูดขึ้นมาด้วยท่าทางร้อนรน ปนดีใจในเวลาเดียวกัน
“เรื่องอะไร ถ้าเรื่องลูกพี่ขอผ่านนะ แค่นี้พี่ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว” คริสเตียนพูดออกไปเสียงเรียบ เมื่อคิดว่าน้องสาวจะมาพูดเรื่องเดียวกันกับคุณย่า
“เรื่องลูกค่ะ”
นั่นไง! ว่าแล้วเชียว คริสเตียนรีบหันหลังเดินขึ้นข้างบนทันที แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“แต่เป็นเรื่องลูกสาวของคุณไอยลดานะคะ”
“เข้าไปคุยที่ห้องทำงานพี่”
คริสเตียนเดินนำไปที่ห้องทำงานอย่างรีบร้อน โดยมีคริสติน่าเดินตามเข้าไปติดๆ โดยที่ไม่รู้ว่ามีใครบางคนมองอยู่พอดี
“คุณดาไม่เคยคบกับใคร ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน” คริสติน่าพูดออกมาด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจแล้วมองหน้าพี่ชายที่กำลังช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่แปลกหรอกนะที่พี่ชายของเธอจะช็อก ขนาดเธอเองยังช็อกเลย
“น้องมั่นใจได้ยังไง” คริสเตียนถามออกไปด้วยท่าทางสับสน ที่อยู่ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาแบบนี้
“น้องให้คนไปสอบถามคนในวงการแล้วก็คนสนิทของคุณนัตตี้มาค่ะ น้องบอกตรงนี้เลยนะคะ ว่าน้องมั่นใจ ว่าคิริณเป็นลูกของพี่!!”
คริสเตียนนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน ราวกับคนไร้ความคิด ตอนนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าต้องทำยังไงต่อไป แล้วเขาจะแน่ใจได้ยังไงว่าผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างไอยลดาจะไม่เคยคบกับใคร และที่สำคัญ... เขาจะแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขา
“พี่จะจัดการเรื่องนี้ยังไงคะ”
“พี่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ พี่ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนก่อนว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของพี่จริงๆ”
“พูดแบบนี้ เหมือนพี่ไม่เชื่อใจคุณดานะคะ” คริสติน่าพูดออกไปตามที่คิด
“น้องไม่รู้นะคะว่าเรื่องของพี่กับคุณดาเป็นมายังไง แต่เท่าที่น้องดู คุณดาเธอเป็นผู้หญิงที่วางตัวดีมากนะคะ เป็นกุลสตรีมากกว่าเมียพี่ซะอีก” คริสติน่าแอบแขวะพี่สะใภ้เบาๆ
คริสเตียนได้แต่คิดตามคำพูดของน้องสาว ตอนนี้เขาไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ทั้งนั้น นอกจากจะพิสูจน์ได้ก่อน