@ คฤหาสน์ตระกูลเวลล์
คริสติน่าก้าวเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดี หลังจากไปเที่ยวเล่นกับเด็กน้อยมาทั้งวัน ยิ่งได้ใกล้ชิดยิ่งทำให้เธอรู้สึกผูกผันกับคิริณโดยไม่รู้ตัว
นี่ถ้าไอยลดาเป็นแม่ม่ายลูกติด เธอจะยุให้พี่ชายเธอจีบซะเลย แม้ว่าพี่ชายเธอจะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ก็เธอหลงรักเด็กน้อยคนนี้ไปแล้วหนิ
แต่มันก็คงเป็นแค่ความคิดเท่านั้น เพราะเธอลองถามไอยลดา แต่เธอกลับตอบว่าสามียังอยู่ด้วยกัน แต่สามีเธอไปทำงานต่างประเทศเท่านั้นเอง มิน่าหล่ะเธอไม่เคยได้ยินคิริณพูดถึงพ่อเลยสักครั้ง อาจจะไม่สนิทกันก็ได้
“แค่ไปคุยงาน ทำไมกลับมาเอาป่านนี้หล่ะ” คนที่นั่งรออยู่ถามขึ้นมาทันทีที่น้องสาวเดินมาถึงห้องรับแขก
“พี่คริสนี่เอง น้องคิดว่าเป็น...”
“อเล็กซ์มันทำงานอยู่ในห้องโน่น ไม่ออกมาสนใจใครหรอก” คริสเตียนพูดออกไปอย่างรู้ทัน แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เขาอยากรู้ จนเสียเวลามานั่งรอร่วมชั่วโมงแล้ว
“แล้วพี่มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ อย่าบอกนะว่ามารอจับผิดน้อง” คริสติน่าแกล้งแซวพี่ชายอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าพี่ชายจะชอบจับผิดเธออยู่บ่อยๆ ก็ตาม แต่เธอก็รู้เหตุผลดีว่าพี่ชายเป็นห่วงเธอ กลัวเธอจะโดนผู้ชายหลอก
“ไอยลดายอมให้ลูกสาวมาถ่ายแบบให้แล้วเหรอ” คริสเตียนถามในสิ่งที่อยากรู้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้ดูผิดปกติจนเกินไป
“ใช่ค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
แต่คนเป็นน้องก็ยังสงสัยอยู่ดี จริงๆ แล้วมันน่าแปลกตั้งแต่ตอนที่อยู่ร้านอาหารแล้วนะ ปกติเธอไม่เคยเห็นพี่ชายมองหรือสนใจเด็กคนไหนเลย รวมไปถึงแม่ของเด็กด้วย
“ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่ถามดู เห็นว่าน้องเอ็นดูเด็กคนนั้น”
“เรียกว่าหลงเลยดีกว่าค่ะ เด็กอะไรน่ารักจริงๆ พูดก็เก่ง มารยาทก็ดี” เธอเอ่ยชมด้วยความเอ็นดูสุดๆ
“จริงๆ แล้วต้องยกความดีให้คุณดานะคะ ที่เลี้ยงลูกได้ดีขนาดนี้”
ประโยคต่อมาของเธอเข้าทางคนที่อยากรู้พอดี
“ยกให้เธอคนเดียวได้ที่ไหนหล่ะ สามีเธอไม่ช่วยเลี้ยงหรือไง” คริสเตียนพูดออกไปราวกับไม่ได้สนใจ แต่จริงๆ แล้ว รอลุ้นกับคำตอบจนใจแทบจะขาด
“ให้คุณดาคนเดียวนั่นแหละถูกแล้ว เพราะสามีคุณดาอยู่ต่างประเทศ นานๆ จะกลับมาที”
“ไม่พูดเรื่องคนอื่นดีกว่า น้องไปอาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว” พูดจบเธอก็เดินไปทันที ปล่อยให้พี่ชายมองตามอย่างน่าเสียดาย เพราะยังรู้สึกมีอะไรติดค้างอยู่ในใจอยู่เลย และก็เป็นอยู่อย่างนี้มาหลายวัน
เช่นเดียวกับคุณแม่ลูกหนึ่ง ตั้งแต่เจอกับเขาที่ร้านอาหาร ไอยลดาก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อภาพของผู้ชายคนนั้นติดอยู่ในหัวของเธออยู่ตลอดเวลา เธอพึ่งจะเข้าใจคำว่า ‘อยากจะลืมแต่กลับจำ’ ก็วันนี้ เธอไม่สามารถลบผู้ชายคนนี้ออกจากหัวได้จริงๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังมีอิทธิพลกับหัวใจของเธออยู่เสมอ และที่สำคัญ เขายังดูดีไม่เปลี่ยน
แต่มันก็เป็นได้แค่เพียงความรู้สึกที่เธอไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เขามีครอบครัวที่ต้องดูแล และเธอก็มีลูกสาวที่ต้องดูแลเช่นกัน
เธอเลือกที่จะลืมเรื่องอดีตและหันมาสนใจปัจจุบันตามที่ป้านัตตี้บอก
“คุณแม่คะ” เสียงลูกสาวดังขึ้นมา ทำให้ผู้เป็นแม่หลุดออกจากภวังค์แห่งความคิดแล้วหันมาสนใจลูกสาวสุดที่รักแทน
“มีอะไรเหรอคะลูก” ไอยลดาย่อตัวลงนั่งคุยกับลูกสาวตัวเล็กด้วยท่าทางใส่ใจ
“ป้านัตบอกว่าให้คุณแม่กับคิริณแต่งตัวสวยๆ”
“แต่งตัวสวยไปทำไมคะ”
“ป้านัตบอกว่าคุณน้าคนสวยจะพาไปทานข้าวค่ะ แล้วน้าคนสวยก็จะเอาชุดสวยมาให้คิริณด้วย” เด็กน้อยพูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ตอนนี้เลยเหรอคะ” ไอยลดาทำหน้าสงสัย เพราะจริงๆ แล้วมีนัดถ่ายแบบกันพรุ่งนี้
“ค่ะ”
ไอยลายิ้มให้กับท่าทางตื่นเต้นจนออกนอกหน้าของลูกสาว แล้วรีบเข้าไปแต่งตัวตามที่ป้านัตตี้บอกทันที
..
@ ร้านอาหารหรู (ในเครือตระกูลเวลล์)
ไอยลดาจูงมือลูกสาวเข้ามาในร้านอาหารหรู โดยที่มีนัตตี้เป็นคนนำทางไปยังโต๊ะโซนวีไอพีที่จับจองไว้
“สวยจังเลยค่ะคุณแม่” ลูกสาวเงยหน้าบอกผู้เป็นแม่ด้วยท่าทางตื่นเต้น เมื่อเห็นห้องที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม แล้วยังมีกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นบรรยากาศของเมืองใหญ่อีกด้วย
“สวยจ๊ะ แต่หนูห้ามซนนะ ป้านัตต้องคุยงานกับคุณน้าคนสวย” ไอยลดาบอกลูกสาวเหมือนทุกครั้งที่มาคุยงาน
“ค่ะคุณแม่” คิริณตอบรับอย่างว่าง่าย
“เก่งมากจ๊ะ”
ไอยลดาลูบหัวลูกสาวสุดที่รักก่อนจะเดินต่อไปยังโต๊ะที่อยู่มุมสุด เรียกได้ว่าเป็นมุมที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้
“สวัสดีค่ะคุณนัต สวัสดีค่ะคุณดา” คริสติน่าทักทายแขกคนสำคัญทั้งสองคนก่อนจะหันไปทักทายแขกคนพิเศษ
“สวัสดีจ๊ะคิริณ” คริสติน่าทักทายเด็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะอุ้มร่างเล็กมานั่งที่นั่งข้างๆ
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
ไอยลดากับนัตตี้นั่งมองทั้งสองคนคุยกับพร้อมรอยยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่จะหุบยิ้มเมื่อคิริณพูดขึ้นมา
“นั่นคุณลุงหนิคะ”
ทุกคนหันไปมองตามที่คิริณบอก แล้วก็เห็นร่างสูงสง่าเดินเข้ามาทางนี้พอดี
“สวัสดีครับคุณนัตตี้ ไม่ได้เจอกันนานสบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะ”
“พี่มาทำอะไรเหรอคะ” คริสติน่าถามพี่ชายด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะออกมาก็ยังเห็นพี่ชายอยู่ในห้องทำงานอยู่เลย
“พี่ก็มาตรวจงานตามปกตินั่นแหละ พอดีเห็นน้องสาวจองห้องวีไอพีไว้ ก็เลยตามขึ้นมาดู”
คริสเตียนพูดกับน้องสาวแต่สายตากลับมองที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ตลอดเวลา ทำไมเธอถึงได้นิ่งขนาดนี้นะ เธอไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่ได้เจอเขา หรือว่าเธอลืมเรื่องคืนนั้นไปแล้ว
“เชิญนั่งด้วยกันสิคะ” นัตตี้เอ่ยชวนตามมารยาท
“ขอบคุณครับ” คริสเตียนเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับไอยลดาที่ว่างพอดี เพราะลูกสาวไปนั่งกับคุณน้าคนสวย
“ฉันว่าเราสั่งอาหารก่อนค่อยคุยเรื่องงานกันนะคะ” คริสติน่าบอกทุกคนพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดูกับตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เจ้ขอตัวไปรับสายสักครู่นะคะ” นัตตี้ลุกออกไปทันทีเมื่อมีสายเข้า
“สบายดีมั้ยครับ” คริสเตียนหันมาถามคนข้างๆ ที่เอาแต่นั่งเงียบ
“สบายดีค่ะ” ไอยลดาตอบพร้อมรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรเขาต่อ
“คุณแม่คะ คิริณทานกุ้งได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้นะลูก หนูจำที่ลุงหมอบอกไม่ได้เหรอ”
“จำได้ค่ะ” เด็กน้อยทำหน้าสลดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงตอนที่เธอแพ้กุ้งครั้งก่อน
“คิริณแพ้กุ้งเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ คิริณทานอาหารที่มีกุ้งไม่ได้เลยค่ะ”
“แพ้กุ้งเหมือนพี่ชายฉันเลย บังเอิญจังเลยนะคะ” คริสติน่าพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ไอยลดาถึงกับหัวใจสั่นระรัว จะไม่ให้เหมือนได้ยังไงหล่ะ
“คุณลุงก็แพ้กุ้งเหมือนคิริณเหรอคะ” คิริณถามออกมาด้วยความอยากรู้ เพราะเธอไม่ค่อยเห็นใครแพ้ของอร่อยเหมือนเธอเลยสักคน
“ครับ ลุงเคยแพ้จนเข้าโรงพยาบาลเลยหล่ะ”
“เหมือนคิริณเลยค่ะ ลุงหมอบอกว่าถ้าคิริณทานกุ้งอีก คิริณจะไม่ได้อยู่กับคุณแม่”
ทุกคนคิดตามกับคำพูดของเด็กน้อย ก่อนจะเริ่มเข้าใจความหมาย แล้วยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
ครืด~~ ครืด~~
ไอยลดาหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วก็พบว่าเป็นลุงหมอของคิริณ
“คิริณอยู่กับคุณน้าก่อนนะลูก แม่ไปรับสายลุงหมอก่อน”
“ค่ะคุณแม่”
“ฝากลูกสักครู่นะคะ”
“ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
ไอยลดาเดินออกมาคุยโทรศัพท์กับหมอภาคิณที่มุมหนึ่งของร้าน มุมนี้ดูเงียบและไร้ผู้คนเดินผ่าน หลังจากคุยธุระเสร็จ เธอก็รีบเดินกลับเข้ามา แต่ไม่ทันได้พ้นมุมเลี้ยว ร่างของเธอก็ชนเข้ากับใครบางคน
หมับ!!
“เป็นอะไรมั้ยครับ” เจ้าของร่างสูงเอ่ยถามคนในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“คุณคริสเตียน!!” ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่เธอชนคือเขา แล้วเขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน
“ผมดีใจนะ ที่คุณยังจำผมได้” เขาพูดออกไปด้วยท่าทางดีใจ เพราะสายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอจำเรื่องระหว่างเขากับเธอได้
“ปล่อยได้แล้วค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” ไอยลดาพูดนอกเรื่องเมื่อรู้สึกว่าเขาชักจะใกล้ชิดเธอมากเกินไปแล้ว
“คุณมีครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่” คริสเตียนเริ่มถามเข้าเรื่องที่สงสัยทันที
“มีพร้อมๆ กันกับคุณนั่นแหละค่ะ ฉันว่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะนะคะ ถ้ามีใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี” ไอยลดาพยายามพูดออกไปให้ดูปกติที่สุด
คริสเตียนได้แต่ปล่อยให้เธอเดินออกไปโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเธอกับเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำตามใจตัวเองได้อีกแล้ว