14 | มาหาลูก

2426 คำ
เป็นครั้งแรกที่คริสเตียนนั่งยิ้มอย่างมีความสุขในรอบ5ปี ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนชายหนุ่มที่พึ่งจะมีความรักยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าความรักมันเป็นยังไง แต่ตอนนี้เขารู้แค่ว่าในหัวของเขาจินตนาการไปถึงครอบครัวที่อบอุ่น มีเมียและมีลูกๆ ที่รัก วิ่งเล่นอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ก๊อก!! ก๊อก!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาทำให้คนที่อยู่ในภวังค์แห่งความคิดกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง คริสเตียนเอ่ยอนุญาตออกไปตามมารยาท ก่อนที่ร่างของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายจะปรากฏขึ้นตรงหน้า “งานยุ่งมั้ยคะ?” นุชนาถถามสามีเสียงหวาน ตามสไตล์คุณหนูผู้เรียบร้อยราวกับผ้าผับไว้ตามที่คนอื่นเข้าใจ “มีธุระอะไรเหรอครับ ถึงได้มาถึงที่นี่” คริสเตียนถามด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้แสดงความพิเศษแต่อย่างใด “ฉันต้องมีธุระอยู่แล้วค่ะ ถึงได้กล้ามาหาคุณถึงที่นี่” นุชนาถพูดออกไปด้วยน้ำเสียงติดประชด “คุณมีเรื่องอะไรรีบพูดมาเถอะ ผมมีประชุม” “ฉันแค่จะมาบอกคุณ ว่าคุณย่าท่านนัดหมอให้ฉันวันนี้ ส่วนของคุณท่านจะโทรนัดเวลาอีกที” คริสเตียนถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน คุณย่านัดหมอให้แล้วงั้นเหรอ ทำไมคุณย่าถึงได้รีบขนาดนี้นะ “ผมจะโทรบอกคุณย่าเอง คุณไม่ต้องเสียเวลาไปหรอก” “คงจะไม่ได้หรอกค่ะ เพราะครั้งนี้ท่านเอาจริง คุณก็น่าจะรู้จักคุณย่าของคุณดีนะคะว่าท่านเผด็จการแค่ไหน” นุชนาถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แววตาของเธอแสดงออกว่าเธอกำลังคิดหนักกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ทั้งๆ ที่จริงแล้ว... ‘ทายาทตระกูลเวลล์ต้องเกิดจากฉันคนเดียวเท่านั้น’ นุชนาถมองหน้าสามีด้วยสายตามีเลศนัย ดูไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “ถ้างั้นคุณก็ไปตามที่คุณย่าบอกเถอะ ส่วนผมจะโทรคุยกับคุณย่าเอง” “คุณจะคุยไปทำไมคะ ในเมื่อคุณก็รู้คำตอบดีว่าคุณย่าของคุณต้องการอะไร” นุชนาถพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปนั่งบนตักสามีด้วยท่าทางยั่วยวน “เราตกลงกันแล้วสำหรับเรื่องนี้ คุณกลับไปเถอะ ผมจะรีบเคลียร์งาน แล้วรีบไปคุยกับคุณย่า” “ทำไมคุณต้องปฏิเสธความต้องการของคุณย่าคุณด้วยคะ ในเมื่อฉันก็พร้อมจะมีลูกกับคุณ เรามีลูกด้วยกันนะคะคริสเตียน” นุชนาถพูดเสียงหวานพร้อมกับใช้มือลูบไล้หน้าอกแกร่งไปด้วย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างมีอารมณ์เลยสักนิด หมับ!! คริสเตียนจับมือเล็กไว้แล้วยังจับเธอออกจากตักของเขาด้วย “นี่มันห้องทำงาน อย่าทำแบบนี้อีกนะ” “ทำไมหล่ะคะ นุชเป็นเมียคุณนะคะ ทำไมไม่ให้นุชเอาใจคุณบ้าง” “คุณก็น่าจะรู้ดีว่าผมแต่งงานกับคุณเพราะอะไร” คริสเตียนเตือนสติหญิงสาว “ฉันรู้ดีค่ะ แต่อะไรมันก็เปลี่ยนแปลงได้หนิคะ เราอยู่ด้วยกันมา5ปีแล้วนะคะคริส สถานะของเรามันเลยคำว่าเพื่อนมาแล้วนะคะ” “ผมยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” คริสเตียนตอบอย่างชัดเจน เขาเคยคิดกับเธอแค่เพื่อน และตอนนี้... มันก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีความผูกพันอะไรทั้งนั้น .. หลายวันต่อมา... “มีของมาส่งครับ” ไอยลดาได้แต่ทำหน้าสุดปลงเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากหน้าบ้าน เพราะตลอดทั้งอาทิตย์มีของมาส่งที่ร้านของเธอทุกวัน บางวันมาถึงสองครั้ง ไม่รู้ว่าคนสั่งนึกสนุกอะไรนักหนา “ขอบคุณนะคะ” ไอยลดาเอ่ยขอบคุณหลังจากเซ็นรับสินค้าเสร็จ “ยินดีให้บริการครับ” พนักงานหนุ่มยิ้มให้ลูกค้าด้วยท่าทางสุภาพก่อนจะยกสินค้าไปไว้ที่มุมเดิม ครืด~~ ‘อย่าลืมตรวจเช็คสินค้าด้วยนะครับคุณผู้หญิง’ ไอยลดาถึงกับกุมขมับหลังจากได้อ่านข้อความที่ส่งมาทุกครั้งหลังจากสินค้ามาส่ง เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าคนที่ส่งมาต้องการอะไร “คุณแม่ขา คุณลุงส่งอะไรมาให้คิริณเหรอคะ” ลูกสาวเดินมาถามคุณแม่ด้วยท่าทางตื่นเต้น เพราะได้ของเล่นและเสื้อผ้าใหม่ทุกวัน “แม่ยังไม่เปิดดูเลยจ๊ะ” ไอยลดาตอบลูกสาวไปตามตรง เพราะไหนๆ ลูกก็รู้แล้วว่าคุณลุงซื้อของมาให้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นคนบอก ถ้าไม่ใช่ป้านัตตี้ “เรามาเปิดพร้อมกับดีมั้ย” “ดีค่ะ เย้ๆ” ไอยลดาพาลูกสาวมาเปิดดูของที่ส่งมาทันที เธอเห็นลูกมีความสุขเธอเองก็มีความสุขไปด้วย แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในความสุขของเธอกับลูก เพราะยังไง... เขาก็ขึ้นชื่อว่ามีภรรยาแล้ว ครืด~~ เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมา ขณะที่ไอยลดากำลังมองลูกสาวที่กำลังตื่นเต้นกับของเล่นใหม่ (ลูกชอบของที่ผมซื้อไปให้หรือเปล่าครับ) ปลายสายพูดขึ้นมาทันทีที่เธอรับสาย “เด็กก็ต้องชอบของเล่นเป็นธรรมดา” ไอยลดาตอบเสียงเรียบ ไม่ได้แสดงความสนิทสนมหรือตื่นเต้นกับการกระทำของอีกฝ่าย (แล้วคุณแม่หล่ะครับ ชอบของผมที่ซื้อให้หรือเปล่า) “ไม่ชอบค่ะ ไม่ต้องส่งมาอีกนะคะ” ไอยลดาพูดเหมือนทุกครั้ง (ใจร้ายชะมัด คนอุตส่าห์ซื้อให้) ปลายสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดงอน แต่มันไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสงสารเลยสักนิด เพราะคนที่น่าสงสารน่าจะเป็นเธอมากกว่า “ฉันบอกคุณหลายครั้งแล้วนะคุณคริสเตียน อย่าส่งของพวกนี้มาอีก อย่าให้ฉันต้องหอบไปคืนคุณถึงที่บ้านเลยนะคะ เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องเปล่าๆ” ไอยลดาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ โดยไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เธอกำลังจะทำ มันเข้าทางของอีกฝ่ายพอดี ถ้าเธอมาที่บ้านก็ดีหน่ะสิ เขาจะได้แนะนะให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักเธอซะเลย (อย่าปฏิเสธผมเลยครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่) “หน้าที่อะไรของคุณคะ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันและไม่ได้สนิทกับถึงขั้นต้องเองซื้อข้าวของให้เยอะแยะมากมายแบบนี้” ไอยลดาพยายามจะเคลียร์ให้เขาเข้าใจทุกครั้งที่คุยกัน แต่เขาก็ไม่ยอมฟังเหตุผลเอาซะเลย (แน่ใจเหรอว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน) “แน่ยิ่งกว่าแน่อีกคะ ถ้าคุณจะหมายถึงเรื่องเมื่อ5ปีก่อน คุณลืมไปเถอะนะคะ มันก็แค่วันไนท์สแตน เหมือนที่คุณชอบทำกับผู้หญิงคนอื่นๆไงคะ” (ผมไม่เคยทำแบบนั้นกันใคร คุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว ผมเองก็มีเรื่องจะคุยเคลียร์กับคุณเหมือนกัน) “มีอะไรข้องใจก็พูดมาเลยค่ะ จะได้จบๆ กันไปสักที” (ผมเกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้นหน่ะสิครับ เอาไว้ผมกลับถึงไทยเมื่อไหร่ ผมจะไปเคลียร์กับคุณถึงที่เลยนะครับ) ที่แท้ก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยนี่เอง มิน่าหล่ะ หายไปตั้งหลายวัน ไอยลดาได้คำตอบที่สงสัย “ไม่ต้องเสียเวลามาหรอกค่ะ พูดมาตอนนี้เลยก็ได้” (ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ถนัดเคลียร์ผ่านสาย ผมถนัดเคลียร์แบบตัวต่อตัว ถึงจะเข้าใจกันง่ายขึ้น) “แต่ฉันไม่...” ไอยลดายังไม่ทันได้พูดจบ ปลายสายก็พูดแทรกขึ้นมา (อีกสองวันเจอกันนะครับ ผมจะรีบเคลียร์งานแล้วรีบกลับนะที่รัก) “เดี๋ยวสิคะ!! คุณคริสเตียน!” ไอยลดามองที่หน้าจอมือถือก็พบว่าปลายสายวางไปแล้ว “คนบ้า! นึกจะวางก็วาง แล้วใครเป็นที่รักของคุณกัน!” เธอบ่นอุบอิบให้เขา แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวขึ้นมา เพราะคำว่าที่รักมันยังติดอยู่ในหัวของเธอไม่เคยลืม... .. สองวันต่อมา... กริ๊ง~~ เสียงสัญญาณหน้าร้านดังขึ้นมาทำให้เจ้าของร้านรีบลุกขึ้นไปต้อนรับทันที โดยไม่ลืมที่จะบอกลูกสาวที่กำลังดูการ์ตูนอยู่ “หนูดูคนเดียวก่อนนะลูก แม่ขอไปดูลูกค้าก่อน” “ค่ะ” ลูกสาวหันมายิ้มตาหยี แล้วหันไปดูการ์ตูนต่อ ทันทีที่ไอยลดาก้าวออกมา เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาทันที “สวัสดีครับคุณไอยดา” ไอยลดาหัวใจเต้นระรัวขึ้นมาทันทีที่เห็นร่างสูงเดินเข้ามา แถมยังมีข้าวของติดไม้ติดมือมาด้วย แล้วอยู่ๆ คำพูดของเขาก็ผุดขึ้นมา อีกสองวันเจอกันนะที่รัก ผมถนัดเคลียร์ตัวต่อตัว ใบหน้าสวยร้อนผ่าวขึ้นมากับความคิดของตัวเอง หมับ!! ขณะที่หญิงสาวกำลังใช้ความคิด คริสเตียนจึงใช้หลังมือทาบลงที่หน้าผากอย่างเบามือและถามออกไปด้วยท่าทางเป็นห่วง “คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงขนาดนี้” “ทำอะไรของคุณ” พอตั้งสติได้ ไอยลดาก็รีบปัดมือหนาออกจากหน้าผากแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว เมื่อรู้สึกว่าเขาจะเข้าใกล้เธอจนเกินไปแล้ว “ผมไม่ได้ทำอะไร ก็แค่เห็นคุณหน้าแดงนึกว่าไม่สบาย” “ฉันสบายดี แล้วคุณมาทำไมคะ” “ผมหาคุณกับลูก” “ฉันคิดว่าฉันบอกคุณหลายครั้งแล้วนะคะคุณคริสเตียน ว่าอย่ามายุ่งกับเรา” “คงจะไม่ได้ ผมขออนุญาตเอาของฝากไปให้ลูกก่อนนะครับ ส่วนเรื่องของเรา คงต้องเคลียร์กันยาว” คริสเตียนทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินในสิ่งที่ไอยลดาพูด แล้วยังเน้นย้ำประโยคหลังอย่างชัดเจนจนหญิงสาวทำตัวไม่ถูก ทำไมวันนี้เขาถึงดูมีความมั่นอกมั่นใจและเผด็จการสุดๆ เขาไปรู้อะไรมาหรือเปล่านะ “ทำอะไรอยู่ตัวเล็ก” คริสเตียนทักทายเด็กน้อยที่นั่งอยู่หน้าทีวีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณลุง!!” คิริณเรียกผู้มาใหม่เสียงใสและดีใจจนออกนอกหน้า แต่คนฟังกลับไม่ชอบใจคำว่าลุงที่เรียกซะเต็มปากเต็มคำ มันฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ “พะ... เอ่อ... ลุงมีของมาฝากเยอะแยะเลย” คริสเตียนเกือบจะหลุดปากพูดในสิ่งที่อยู่ข้างในออกไป โชคดีที่สายตาของคุณแม่ที่ยืนมองอยู่เตือนสติไว้พอดี ไม่อย่างนั้นคงจะเสียแผนแน่ๆ ใช่แล้ว... ที่เขายังไม่ยอมพูดเรื่องลูกกับเธอ เพราะเขากลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับ และพรากลูกไปจากเธอ เขาจึงค่อยๆ คิดหาวิธีเพื่อจะเจรจากับเธอให้เรื่องนี้เป็นไปในทางที่เขาต้องการ ไอยลดาได้แต่ยืนมองลูกสาวกับผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าจะกลับเข้ามาในชีวิตของเธออีก .. ผ่านไปเกือบชั่วโมง ที่คริสเตียนนั่งเล่นกับเด็กน้อย โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด มันน่าแปลกสำหรับคนที่ไม่ชอบเด็ก และไม่เคยคิดอยากจะมีลูก “ของว่างมาแล้วค่ะ” ไอยลดาถือจานของว่างและน้ำส้มมาให้แขกที่นั่งอยู่อย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ต้องทำตามหน้าที่เจ้าของบ้าน เดี๋ยวเขาจะหาว่าใจดำ “น้ำค่ะ” “ขอบคุณครับ” ปึก!! คริสเตียนยังไม่ทันได้ยื่นมือไปรับแก้วน้ำส้ม เจ้าของบ้านก็วางแก้วลงที่โต๊ะซะก่อน แล้วยังรีบไปนั่งข้างๆ ลูกสาว ไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้ถามเลยสักนิด “หิวข้าวหรือยังคะ” “ยังค่ะ” “คุณหิวแล้วเหรอ เราไปทานข้าวข้าวนอกกันมั้ย” “ไม่ค่ะ แล้วฉันก็คิดว่าคุณควรจะกลับไปได้แล้ว ไม่มีการมีงานทำหรือไงคะ” “วันนี้ผมว่าง มีเวลาให้คุณได้ทั้งวัน” “แต่ฉันไม่ได้ต้องการเวลาของคุณ ฉันว่าทางที่ดีคุณควรเอาเวลาไปอยู่กับภรรยาของคุณจะดีกว่านะคะ” ไอยลดาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เธอจะโวยวายหรือเสียงดังไม่ได้ เพราะลูกสาวก็นั่งอยู่ด้วย “คุณพูดถึงเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ผมอยากจะบอกให้รู้คุณเหมือนกัน ว่าผมกับนุชนาถแต่งงานกันเพราะธุรกิจ เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไร และผมพร้อมที่จะหย่ากับเธอทุกเมื่อ ถ้าคุณต้องการ” คริสเตียนพูดออกไปด้วยท่าทางจริงจังและนี่คือการแสดงความจริงใจของเขาที่มีต่อเธอ โดยไม่รู้ว่าการกระทำของเขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งสับสนขึ้นมาทันที เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอถึงได้มาพูดเรื่องนี้ จะรับผิดชอบเธอกับลูกอย่างนั้นเหรอ หรืออยากให้เธอทำอะไร “คุณมีเรื่องอะไรจะบอกผมหรือเปล่า” คริสเตียนถามออกไปอย่างอ้อมค้อม แต่สายตาของเขากลับดูจริงจังจนไอยลดาจุกหน่วงไปทั้งใจ ถ้าเธอคิดจะบอกเขา เธอบอกไปตั้งนานแล้ว ไม่เก็บไว้นานขนาดนี้หรอก เสียใจด้วยคริสเตียน คุณมาช้าไป สำหรับเธอ... “ไม่มีค่ะ และฉันว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันนะคะ ไม่ว่าคุณจะแต่งงานเพราะอะไร หรือจะหย่าเมื่อไหร่ มันก็เป็นเรื่องของคุณกับครอบครัว” “คุณแม่กับคุณลุงพูดเรื่องอะไรเหรอคะ” คิริณมองหน้าแม่ของเธอกับคนที่เธอคิดว่าเป็นลุงสลับกันไปมา เธอไม่รู้หรอกนะว่าผู้ใหญ่พูดเรื่องอะไร แต่รู้แค่ว่ามันดูเคร่งเครียดจนเธออึดอัดใจไปด้วย “เปล่าจ๊ะ แม่ว่าแม่ไปทำอะไรให้หนูทานดีกว่านะ ใกล้จะเที่ยงแล้ว” ไอยลดาลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องครัวอย่างไร้มารยาท เพราะเธอทนเห็นสายตาของผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เธอรู้สึกพ่ายแพ้ให้กับสายตาคู่นั้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อ5ปีก่อน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม