หลายชั่วโมงต่อมา
“ควีน แกไหวป่ะ?” โรเซ่เอ่ยถามเพื่อนของเธอ หลังจากที่เริ่มรู้สึกว่าควีนจะไม่ค่อยมีสติเท่าที่ควรแล้วตอนนี้
“อื้อ ไหว อึก!!”
“งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ แกนั่งอยู่ตรงนี้นะ โอเคไหม”
“อื้อ” ควีนพยักหน้ารับรู้พร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมาทำสัญญาลักษณ์เป็นรูปตัวโอส่งให้เพื่อนไป ซึ่งพอโรเซ่เห็นแบบนั้นเธอก็ลุกจากโซฟาแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที
หลังจากที่โรเซ่เดินออกจากโต๊ะไป ร่างบางที่เมามายแทบจะไม่ได้สติก็นอนราบไปกับโซฟาที่เธอนั่งอยู่ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดได้อยู่ในสายตาของเจเดน ที่เอาแต่นั่งมองอยู่ที่โต๊ะเดิม
และ….
พรึ่บ!!
“มึงจะไปไหนวะ?”
“ไปดูควีน” เจเดนตอบไคโรแบบไม่ต้องคิด ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่ตอนนี้มีร่างบางเมาจนไม่ได้สตินอนอยู่
“ควีน!!”
“…….”
“ควีน!!” เขาพยุงตัวเธอขึ้นมาจากโซฟาพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อคนที่กำลังพยายามจะลืมตามองเขาอยู่
“อง ศา อึก!!”
“มีสติหน่อยควีน ฉันเจเดน”
“อง ศา ฮือ นาย ทำ ไม ไม่สนใจ ฉันบ้าง ทำ ไม แอว๊ะ”
สิ้นประโยคที่ควีนพร่ำเพ้อออกมา เธอก็อ้วกพุ่งใส่เจเดนที่กำลังนั่งพยุงเธออยู่จนเลอะเทอะไปหมด ก่อนที่สติของเธอจะดับไป
“ดื่มขนาดนี้กะจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วหรือไง” เจเดนกวาดสายตามองไปทั่วโต๊ะที่มีขวดเหล้าหลายชนิดวางเรียงกันอยู่ ก่อนจะหันมามองเพื่อนสาวของตัวเองที่เมาหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้
“ยัยควีน เมาเหรอวะ?” ธันวาที่เดินมาดูควีนเอ่ยถามขึ้น
“อืม อ้วกใส่กูอีก”
“พาไปนอนที่ห้องกูก่อนไหม แล้วเดี๋ยวมึงก็เอาเสื้อกูเปลี่ยน”
“เดี๋ยวกูพาควีนกลับคอนโดเลยดีกว่า กูฝากมึงบอกเพื่อนควีนด้วยนะ แล้วก็บอกไอ้พวกนั้นด้วย”
พูดจบเจเดนก็อุ้มควีนขึ้นในท่าเจ้าหญิง ก่อนจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ไปที่รถของเขาทันที
หลังจากที่เจเดนพาควีนกลับมาที่คอนโดของเธอ เขาก็จัดการเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เธอ ก่อนจะหันไปจัดการตัวเองที่สภาพดูไม่ได้เลย เสื้อผ้ามีแต่อ้วกเต็มไปหมด
ตอนแรกเขากะจะกลับไปอาบน้ำที่คอนโดของตัวเอง แต่เพราะเขาไม่อยากทิ้งควีนให้อยู่คนเดียว เขาจึงเลือกที่จะนอนที่นี่แทน
เจเดนจัดการล้างเนื้อล้างตัวของตัวเอง แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟากลางห้องโถงในห้องของควีน โดยที่ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงยีนตัวเดียวที่สวมใส่อยู่ตอนนี้
เขาไม่รู้ว่าเขาจะช่วยควีนให้หายเศร้ายังไง แต่สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาจะอยู่ข้างๆเธอแบบนี้ตลอดไปในฐานะเพื่อนของเธอ
วันต่อมา 09.20 น.
ครืด!!! ครืด!!! ครืด!!!
เสียงบางสิ่งบางอย่างที่ดังอยู่ตอนนี้ปลุกให้ฉันต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องเพื่อหาต้นตอของเสียง ก่อนจะรับรู้ว่่ามันดังมาจากกระเป๋าสะพายของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆหัวเตียง
และเมื่อเด้งตัวลุกเพื่อที่จะไปหยิบมันออกมา จู่ๆฉันก็รู้สึกเหมือนหัวตัวเองจะระเบิด ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้
แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหน?
ฉันค่อยๆกวาดสายตามองไปรอบๆห้องที่แสนคุ้นเคย เพราะมันคือห้องนอนของฉันเอง แล้วนี่ฉันกลับมายังไง ยัยโรเซ่เป็นคนพากลับงั้นเหรอ
แต่ช่างก่อน ขอรับโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงร้องตอนนี้ก่อนเถอะ
สายเรียกเข้า โรเซ่
“ว่าไงแก”
(ฟื้นแล้วเหรอย๊ะ?)
“อือ ฟื้นตอนที่แกโทรมานี่แหละ” ฉันตอบมันไปตามความจริง เพราะถ้าเสียงโทรศัพท์ไม่ดัง ฉันก็คงจะยังไม่ฟื้นคืนชีพแน่ๆ
(งั้นก็ลุกอาบน้ำแต่งตัวค่ะ เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะเข้าไปรับ)
“รับไปไหน?”
(ไปหาอะไรกิน ไปช้อปปิ้ง แล้วก็ไปทำสวย)
“ฉันขี้เกียจไป” คือตอนนี้ฉันไม่อยากจะทำอะไรสักอย่างเลย อยากนอนโง่ๆอยู่บนเตียงนี่แหละ
(แกต้องไปค่ะ รีบๆนะ เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงเข้าไป ฉันนัดร้านทำผมเอาไว้แล้ว)
“ขอสองชั่วโมงได้ไหม หนึ่งชั่วโมงไม่ทัน” ความจริงก็ทันแหละ แต่ว่ายังอยากนอนต่ออีกสักชั่วโมงงีี้
(โอเค งั้นก็สองชั่วโมงนะ ไว้เดี๋ยวเจอกัน งั้นแค่นี้นะ)
“เดี๋ยว!! อย่าเพิ่งวาง” ก่อนที่ยัยโรเซ่มันจะตัดสายฉันทิ้ง ฉันก็รีบพูดดักมันไว้ก่อน
(อะไรอีกคะ)
“เมื่อคืนแกพาฉันกลับมาที่ห้องใช่ป่ะ?”
(เมื่อคืนเหรอ เจเดนเป็นคนพาแกกลับไป)
เจเดนงั้นเหรอ? นี่ก็คิดอยู่ว่ายัยโรเซ่มันจะแบกฉันไหวยังไง ในเมื่อมันตัวเล็กกว่าฉันอีก
(ทำไม? มีอะไรเหรอ?)
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ถาม เพราะฉันคิดว่าแกคงแบกฉันคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ”
(เหอะ เมาเหมือนหมาขนาดนั้น ใครมันจะไปแบกไหวคะ)
“ฉันเมาขนาดนั้นเลยเหรอ?”
(อือ เมาจนอ้วกแตกอ้วกแตนเต็มโต๊ะไปหมด นี่ได้ยินธันวาบอกว่าแกอ้วกใส่เจเดนด้วยนะ)
“ไม่ใช่มั้ง”
(ไม่รู้ค่ะ พอฉันกลับมาถึงโต๊ะเจเดนก็พาแกกลับไปแล้ว ตอนแรกฉันก็ตกใจนึกว่าแกหายไปไหน ดีที่ธันวาเดินมาบอก ไม่งั้นฉันต้องตามหาแกเป็นผีบ้าแน่ๆ)
(มีอะไรจะถามอีกไหมคะ?)
“ไม่มีแล้ว”
(ถ้าไม่มีงั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวฉันทำธุระก่อน)
“โอเค เดี๋ยวเจอกัน บาย”
หลังจากวางสายยัยโรเซ่เสร็จ ฉันก็พาตัวเองลุกจากเตียง แล้วเดินไปที่ตู้เย็นที่อยู่ด้านนอกห้อง เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองคอแห้งมาก อยากจะได้น้ำเย็นๆสักแก้ว แล้วก็ตั้งใจว่าดื่มน้ำเสร็จแล้วจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว
ตอนแรกก็ว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย แต่เป็นเพราะคำพูดของยัยโรเซ่เมื่อกี้นี้แหละ ที่ทำให้ฉันหลับต่อไม่ลงเลย
นี่ฉันอ้วกใส่เจเดนงั้นเหรอ?
ทำไมจำไม่เห็นได้!!
และในขณะที่ฉันเดินตรงไปยังตู้เย็นที่อยู่ตรงโซนห้องครัวแบบสะลืมสะลือนั้น จู่ๆฉันก็เอาหน้าสวยๆของตัวเองไปชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่างจนเกือบจะล้มหงายหลังลงไปกับพื้น
“อ๊ะ!!”
และพอมองไปยังต้นตอของเรื่องก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าสิ่งที่ฉันเดินชนเมื่อกี้คือแผงอกแกร่งของใครบางคน
ใครบางคนที่ฉันรู้จักมันเป็นอย่างดี
O.O
“ไอ้บ้าเจเดน นายมาทำอะไรที่ห้องฉันเนี่ย”
ฉันมองเจเดนตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขามีแค่กางเกงยีนเพียงตัวเดียวเท่านั้น ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมาก็มีวันนี้นี่แหละที่ได้เห็นท่อนบนของมันที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเป็นปึกๆ
โอ้ย!! เลือดกำเดาจะไหล หรือว่าไหลไปแล้ววะ?
ฉันรีบยกมือขึ้นสัมผัสกับจมูกตัวเองที่รู้สึกว่ามีบางอย่างไหลออกมา
“เงยหน้าขึ้น” ฉันทำตามที่เจเดนบอกอย่างว่าง่าย เพราะตอนนี้เลือดกำเดาของฉันมันได้ไหลออกมาแล้วจริงๆ
“ยืนนิ่งๆ ไม่ต้องขยับ” ฉันเหลือบตามองเจเดนที่เดินไปหยิบทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะแถวๆนั้นมา ก่อนที่เขาจะเอามาซับเลือดกำเดาให้ฉัน
“เอามานี่ ฉันทำเองได้”
“ก็บอกว่าให้อยู่นิ่งๆไง”
น้ำเสียงดุดันของคนตรงหน้าทำให้ฉันต้องยืนอยู่นิ่งๆแล้วปล่อยให้เจเดนใช้กระดาษทิชชูเช็ดเลือดกำเดาให้ฉัน
และฉันก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่มันกำลังดังอยู่ตอนนี้
“ทำไมหัวใจของนายเต้นแรงจัง?”
ใช่มันคือเสียงอัตราการเต้นของหัวใจของผู้ชายที่ยืนเปลือยท่อนบนอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ เต้นซะนึกว่ามีใครมาตีกลองอยู่แถวนี้ซะอีก
“เอาไปเช็ดเองไป”
“โอ้ย ไอ้บ้านี่ยัดเข้ามาได้ไง เจ็บนะ”
ฉันโวยวายออกมาทันทีที่ถูกเจเดนมันยัดกระดาษทิชชูเข้าไปในรูจมูกของฉัน
แล้วนี่มันทำไมต้องถอยไปยื่นห่างซะขนาดนั้นด้วย รังเกียจฉันหรือไง
“นายค้างที่่ห้องฉันเหรอ?”
“อืม เมื่อคืนขี้เกียจขับรถกลับ” อ่อ แล้วมันก็เลยนอนค้างที่ห้องฉันว่างั้น
“แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อ มาเดินแก้ผ้าอยู่ที่ห้องฉันทำไม?”
“ก็อยากใส่อยู่หรอก ถ้าเมื่อคืนมันไม่มีใครบางคนมาอ้วกใส่ฉัน จนเสื้อมันเลอะเทอะไปหมด”
แล้วคำพูดของยัยโรเซ่ที่พูดเมื่อกี้ก็แล่นเข้ามาในหัวฉันทันที
“ฉ ฉันอ้วกใส่นายจริงๆเหรอ?”
“หมามั้ง” ไอ้บ้านี่มันหลอกด่าฉันเป็นหมางั้นเหรอ
“ไอ้…..”
“ถ้าจะกินเผื่อหมาขนาดนี้ ทีหลังก็ไม่ต้องกิน มันเสียดายของ ที่สำคัญยังทำเสื้อราคาหลักแสนของฉันพังอีก” ฉันที่กำลังจะอ้าปากด่าไอ้บ้าเจเดน ถึงกับต้องหยุดชะงัก เพราะมันดันชิ่งพูดขึ้นมาซะก่อน
“ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจป่ะ แล้วนี่ใส่เสื้อบ้าอะไรตั้งเป็นแสน”
ของฉันแพงสุดที่ใส่ไม่เกินสามหมื่น แต่ไอ้บ้าเจเดนมันใส่เสื้อตัวเดียวเป็นแสนเลยเหรอ
บ้าไปแล้ว!!
“เอาไปซักให้ด้วย”
“ฉันไม่ใช่ขี้ข้านายนะ”
“เขาเรียกสามัญสำนึก” แต่ละประโยคที่ออกจากปากไอ้บ้าเจเดนมา ทำฉันเถียงมันไม่ได้เลยจริงๆ