ฉันอยากได้เขา

2691 คำ
“มีอะไรมิรา” มิกเกลถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเธอเห็นท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนสนิท “ฉันเคยเจอผู้ชายคนนั้น คนที่ผมสีควันบุหรี่นั่นอ่ะ คนอะไรหยิ่งได้รางวัลอันดับหนึ่งแถมหน้ายังดุนัมเบอร์วันอีก” “คนนั้นฉันไม่รู้จักนะ แต่คนที่ใส่เสื้อสีขาวอ่ะพี่วาคีน เป็นเจ้าของผับที่นี่” มิกเกลยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกแก้วแอลกอฮอล์ในมือขึ้นเหมือนกำลังชนแก้วกลางอากาศกับผู้ชายอีกคน ที่กำลังส่งยิ้มหวานมาทางมิกเกลเช่นกัน “ถึงว่าสิ ทำไมลูกคุณหนูไม่เที่ยวผับแบบแกถึงพาฉันมาที่นี่ ที่แท้ก็ชอบเจ้าของผับที่เอง” “พูดบ้าอะไรของแกเนี่ย เมาแล้วเพ้อเจ้อ” มิกเกลยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย เธอยกแอลกอฮอล์ในแก้วของเธอขึ้นจิบ โดยที่ยังอมยิ้มอยู่อย่างนั้น จนมิราหยุดแซวต่อไม่ได้ “แกชอบเขาแหละ” “นี่!ยัยมิ นั่นลูกชายเพื่อนสนิทพ่อแม่ฉัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก และที่ฉันพาเธอมาที่นี่ก็เพราะว่าคนของพี่วาคีนเยอะมาก ถ้าเราเมาจะได้ไม่มีใครมายุ่มย่ามกับเราไงล่ะ” “แกมีเล่ห์-สะ-นัย นะรู้มั้ย ถึงฉันจะดื่มไปเยอะ แต่แน่นอนว่าฉันไม่ได้เมา” มิรายิ้มมุมปาก พลางเอื้อมมือเข้าไปหยิกแก้มใสของมิกเกลเป็นเชิงหยอกล้อ เมื่อเธอเริ่มพบความผิดปกติของเพื่อนสนิทเวลาที่เธอพูดถึงวาคีน คนที่เธอบอกว่าเป็นเจ้าของผับแห่งนี้ “ชิ!” “พี่วาคีนของแกเขาดูเฟรนลี่นะ เพื่อนเขาน่าจะได้รอยยิ้มนั่นมาซักครึ่ง ฉันคงเคลิ้มมากกว่านี้” มิราเอ่ยออกมาเสียงใส แววตาของเธอทอประกายระยับออกมาราวกับดวงดาวยามค่ำคืนที่อยู่บนท้องฟ้า คล้ายคนที่กำลังตกหลุมรักเป้าหมาย “เคลิ้มเชียว แกสนใจ?” มิกเกลเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเพื่อนสนิท ที่กำลังเปลี่ยนจากกรอกเหล้าเข้าปาก มาเป็นยกมันขึ้นจิบอย่างมีจริตแทน ดวงตากลมโตของมิรากลอกกลิ้งไปมาบนแพรขนตา ก่อนจะหยุดอยู่ที่ผู้ชายผมสีควันบุหรี่นั่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับทำให้เธอสำลักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่พึ่งยกดื่มออกมาอย่างน่าอับอาย เมื่อพบว่าเขาเองก็กำลังมองลงมาที่เธอเหมือนกัน ทำให้ดวงตาของทั้งคู่ประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ “แค่กๆๆ!!” “อะไรกัน ถามแค่นี้ถึงกับสำลักเลย!” หญิงสาวรีบหยิบทิชชูที่วางอยู่ใกล้มือ ยื่นให้เพื่อนสนิทของเธอเช็ดปากอย่างรวดเร็ว “หกเลอะเทอะหมดเลยเกล ฉันว่าฉันไปล้างที่ห้องน้ำน่าจะดีกว่า กลิ่นนี่ใช้ได้เลย ขับรถไปคงเป็นขวัญใจด่านตรวจ” ว่าแล้วร่างบางในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปยันกายลุกขึ้นด้วยท่าทางโงนเงนยืนไม่ตรง จนเพื่อนสนิทของเธอต้องมาพยุง ด้วยเกรงว่าเธอจะล้มพับลงไปกองกับพื้น “เดี๋ยวฉันช่วย” “อื้อ... ตอนนั่งไม่เท่าไหร่ พอลุกขึ้นเท่านั้นแหละถึงรู้ว่ามึน” มิราพูดยืดยานยกนิ้วขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ โดยที่มีมิกเกลพยุงเธออยู่ตลอดเวลา “ก็แหงสิ ยอมรับก็ได้แล้วสินะว่าเมา เล่นดื่มเยอะขนาดนั้น ไม่เซเลยสิแปลกคน” อีกด้าน “ให้คนตามดูแลมิกเกลแล้วใช่มั้ย” “ครับนาย” “แค่ไปเข้าห้องน้ำ ถึงกับต้องส่งคนไปเฝ้าเลย” เจ้าของเรือนผมสีควันบุหรี่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเพื่อนสนิท ที่เอาแต่มองตามสองสาวที่นั่งดื่มอยู่ตรงโซนด้านล่างของผับ “นั่นมิกเกล ลูกสาวเพื่อนสนิทของพ่อแม่กู” เสียงทุ้มของเจ้าของผับดึงสติให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาละสายตาไปจากสิ่งที่มาเฟียหนุ่มกำลังมองอยู่ ให้หันกลับไปฟังคำตอบที่ถามไว้ก่อนหน้า “...” มือหนายกแก้วเครื่องดื่มมึนเมาขึ้นดื่ม โดยที่ไม่ได้โต้แย้งอะไรออกไป แต่สายตาคมกลับจับจ้องไปที่ร่างบางที่กำลังเดินสะเปะสะปะอยู่ด้านล่างแทน “อย่าแม้แต่จะคิด...” วาคีนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เมื่อเห็นว่าไทเรลล์กำลังจับจ้องไปทางเบื้องล่างตรงจุดที่มิกเกลกับเพื่อนของเธอเดินอยู่ เพราะเขาเห็นมิกเกลมาแต่ไหนแต่ไร และรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขาเป็นคนยังไง เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ไทเรลล์รู้จักกับเธอเพียงลำพังเด็ดขาด “ฮึ!” ไทเรลล์กระตุกยิ้มมุมปากเพราะเข้าใจความหมายคำพูดของเพื่อนสนิทดี มือหนาเอื้อมไปหยิบบุหรี่ราคาแพงตรงหน้าขึ้นมาจุดสูบ สายนิ่งเรียบกลับจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีดำที่ถูกมิกเกลพยุงอยู่ ผ่านทางควันขาวคลุ้งของบุหรี่ที่จุดสูบอย่างไม่วางตา คนนี้ต่างหากที่เขาสนใจ @ห้องน้ำเดวิลผับ “แก...ช่วยพาฉันไปแนะนำให้เขารู้จักหน่อยสิ” มิราเอ่ยสิ่งที่สมองของเธอสั่งการตอนนี้ออกไป ดังข้ามผนังห้องน้ำอีกห้องที่มิกเกลอยู่ด้านในนั้นอย่างออดอ้อน “อย่าหาทำนะมิรา เพื่อนพี่วาคีนมีแต่พวกมาเฟียทั้งนั้น ดูแล้วอันตรายจะตาย” “มาเฟียนี่ฆ่าคนได้สบายๆ อย่างกับผักปลาเหมือนในหนังมั้ย” มิราเอ่ยขึ้นแบบตรงไปตรงมาเมื่อนึกถึงหนังที่เกี่ยวกับมาเฟียเรื่องหนึ่ง ที่ขัดแย้งกันและสุดท้ายภรรยาของมาเฟียถูกยิงตายตอนจบ ช่างน่าสงสารคนดู ที่เสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนั้นไปตั้งหลายถัง “คงงั้นมั้ง เคยเห็นแต่ในหนัง ชีวิตจริงฉันก็ไม่เคยถาม” “หล่อแถมยังตัวหอมมากด้วย...ฉันชักจะอยากได้เขาจริงๆ แล้วสิ” มิราทำท่าทางเคลิบเคลิ้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้ากระจก “อี๋~ แกไปดมกลิ่นตัวเขาตอนไหนอ่ะ โรคจิตชะมัด” “ฮ่า...ก็บอกแล้วไงว่าเคยเดินชนเขา” “เฮ้อ~ แต่ก็นะ ฉันแนะนำให้กลับไปสนใจคนที่เข้ามาจีบแกก่อนหน้าไม่ดีกว่าเหรอ ฉันเห็นนะว่าพี่ขุนพลเองก็เล็งๆ แกอยู่” “พี่ขุนพลก็เจ้าชู้เกินไปฉันให้แค่สถานะพี่ชาย.. คนนี้สิหยิ่งแต่ยิ่งทำให้อยากเข้าหา ว่าแล้วก็จับรวบหัวรวบเลยดีมั้ย คิก...” หญิงสาวเอ่ยออกมาทีเล่นทีจริงแสยะยิ้มอยู่ตรงหน้ากระจกด้วยรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องราวกับคนโรคจิต “เมาแล้วปากดีเกินต้าน ดูพูดเข้าแต่ละคำ ผู้หญิงอะไรน่ากลัวชะมัด” มิกเกลส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับเพื่อนของเธอ ซึ่งเธอรู้ดีว่าที่เพื่อนเธอพูดออกมาเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ปกติเพื่อนเธอคนนี้ไม่ใช่คนจะมาพูดอะไรกร้านโลกแบบนี้ได้ เธอเป็นคนค่อนข้างเรียบร้อย ส่วนมากจะอยู่กับเย่าเฝ้ากับเรือน เว้นแต่ช่วงนี้ที่แม่ของเธอเอาผู้ชายเข้าไปอยู่ในบ้าน เธอจึงเริ่มกระด้างกระเดือกออกมาเที่ยวดื่มเพื่อระบายความกลัดกลุ้มอย่างเช่นวันนี้ มิกเกลเดินออกมาล้างมือ หลังจากที่เธอทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว โดยที่มิราเองก็กำลังยืนรอเธออยู่เช่นกัน “เอาน่าเกล ว่าแต่แกเถอะจะช่วยพาฉันไปทำความรู้จักเพื่อนพี่วาคีนได้มั้ย ฉันอยากได้เขา ฮ่า...” “ยังจะมาเล่นอีก รีบล้างเร็วเข้าจะได้ออกไปจากที่นี่ เกรงใจคนอื่นเขาเนี่ย” มิกเกลพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงดุๆ แต่ไม่ได้จริงจังนัก เป็นการเร่งให้เพื่อนของเธอจัดการตัวเองให้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้ลูกน้องของวาคีนกันคนอื่นไม่ให้เข้ามาใช้บริการห้องน้ำที่พวกเธอกำลังใช้อยู่ เพื่อเป็นการส่วนตัวที่สุด และแน่นอนว่าเธอเกรงใจวาคีนเป็นอย่างมาก ที่จะต้องให้คนมาคอยดูแลเธอจนวุ่นวายแบบนี้ทุกครั้งที่เธอมาเที่ยวที่ผับแห่งนี้ กึก! “....” มาเฟียหนุ่มชะงักฝีเท้าลงทันที สายตาคมจับจ้องไปที่ประตูห้องน้ำด้วยแววตาเรียบเฉย หลังจากได้ยินเสียงสองสาวที่กำลังคุยกันออกรสจนเสียงทะลุออกมาทางหน้าห้องน้ำ “คุณไทเรลล์จะใช้ห้องน้ำเหรอครับ ตอนนี้มีเพียงคุณมิกเกลกับเพื่อนของเธออยู่ด้านใน” ลูกน้องของวาคีนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามาเฟียหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องน้ำได้สักพัก “เปล่า” ไทเรลล์ตอบสั้นๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากบริเวณนั้น ทิ้งเอาไว้เพียงแววตาสงสัยของลูกน้องวาคีน สักพักต่อมา “แน่ใจนะว่าแกขับกลับเองไหวจริงๆ” มิกเกลถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่ามิรากำลังฟุบหน้าลงบนพวงมาลัยรถ ก่อนหน้านั้นเธออาสาจะขับกลับไปส่งแต่มิรากลับไม่ยอม ดึงดันว่ายังไงก็ขับกลับไหว “ขับไหวน่า...แกกลับเถอะยัยนุ่มนิ่ม ฉันยังไหวน่า ว่าแต่แกจะไม่พาฉันไปแนะนำให้พี่วาคีนและเพื่อนเขารู้จักจริงๆ เหรอ” มิรากดปุ่มสตาร์ตรถอย่างเชื่องช้า ส่งสายตาหยาดเยิ้มไปทางมิกเกล ที่ยืนส่งเธออยู่ข้างรถ ถึงแม้จะดื่มมาหลายแก้ว แต่ก็ไม่ได้เมามายอะไรมากแค่มึนๆ หัวเท่านั้น “เอาไว้โอกาสหน้า วันนี้แกเมามากแล้ว” “บอกว่าไม่เมาๆ หรือว่าเมา แต่แค่นิดเดียวไง” “ป่วยการจะพูดกับแกจริงๆยัยมิรา ยังไงถึงคอนโดแล้วไลน์บอกฉันด้วยนะ เป็นห่วง” “ก็ได้ๆ แกก็รีบไปขึ้นรถเถอะ ไว้ฉันไลน์หา” มิรายิ้มกว้างและโบกมือให้มิกเกลอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปจากลานจอดรถของผับช้าๆ โดยที่เธอเองก็ประคับประคองรถยนต์คันหรูขับไปตามท้องถนนด้วยความระมัดระวัง มิราโยกตัวไปตามเสียงเพลงEDM ที่เปิดดังก้องอยู่ในรถของเธอ ระหว่างรอสัญญาไฟแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว ด้วยว่าการเปิดเพลงดังๆ และโยกย้ายร่างกายไปด้วย จะทำให้อาการมึนเมาสร่างลงไปบ้าง แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักการกระทำทั้งหมดของเธอลง นิ้วเรียวเลื่อนไปปิดเครื่องเสียงที่กำลังดังกระหึ่มทันที เมื่อดวงตากลมโตของเธอหันไปเห็นเจ้าของเรือนผมสีควันบุหรี่ จอดรถรอสัญญาณไฟจราจรอยู่ข้างๆ รถของเธอ ปี้น! ปี้น! “อะ...อ้าว” มิราอุทานออกมาด้วยความเสียดาย เธอลดกระจกลงหมายจะยื่นหน้าออกไปทักทายเขา แต่รถยนต์คันหรูกลับขับทะยานออกไปถนนเบื้องหน้า ด้วยว่าสัญญาณไฟได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเรียบร้อยแล้ว มิราเองก็ต้องรีบเคลื่อนรถออกจากตรงนั้น เพราะรถคันข้างหลังเริ่มบีบแตรไล่รถของเธอแล้ว “ขับเร็วชะมัด” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย นัยน์ตาคู่สวยสอดส่ายสายตามองหารถของชายหนุ่มคนนั้น แต่กลับไม่เห็นแม้แต่ฝุ่น “เอ๊ะ!!” แต่เธอก็ต้องคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นรถหรูคันที่ขับตามหาตลอดเส้นทาง เลี้ยวเข้าคอนโดเดียวกันกับคอนโดที่เธอพักอาศัยอยู่ มิรารีบเพิ่มความเร็วตบไฟเลี้ยวพุ่งเข้าเลนขวาของถนน เพื่อเตรียมตัวกลับรถเข้าไปยังคอนโดของตัวเองด้วยความรีบร้อน “นี่มันความเมาหรือพรหมลิขิต ที่ผลักให้เขาพักที่คอนโดเดียวกันกับฉัน กรี๊ดๆๆ” @เดอะ สกายคอนโด “ทำอะไรของเขา” มิราพึมพำเบาๆ พลางมองไปยังกลุ่มของชายชุดดำสามสี่คนที่ยืนก้มหน้ามือกุมต่ำ ถูกผู้ชายคนนั้นชี้หน้าด่าหรืออะไรสักอย่างที่เธอเองก็ฟังมันไม่ถนัด หญิงสาวดับเครื่องรถจากนั้นก็เดินลงจากรถไปยืนแอบฟังกลุ่มคนพวกนั้นว่าพวกเขากับกำลังคุยอะไรกัน “ไปจัดการให้สะอาด อย่าให้เรื่องโยงมาถึงกู!” มาเฟียหนุ่มออกคำสั่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในตัวคอนโดอย่างรวดเร็ว “ระ...รอด้วยค่ะ” มิราโผล่พรวดพราดออกมาจากมุมตึก ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือความกล้าที่ทำให้เธอตะโกนไล่หลังชายหนุ่มเสียงดังลั่นอาคาร เร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตัวคอนโด เมื่อเธอมองเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นที่กำลังจะเดินตรงเข้าไปด้านในลิฟต์ “...” ไทเรลล์ไม่ได้หันกลับไปมองเสียงใสที่ตะโกนอยู่ทางด้านหลัง กลับเดินเข้าไปในลิฟต์ราวกับไม่ได้ยินเสียงของหญิงสาว แต่ทว่านิ้วเรียวของเขากลับกดแช่อยู่ที่ปุ่มเปิดลิฟต์ ราวกับกำลังรอเธออยู่ “แฮ่ก ๆ ขอบคุณค่ะ” มิราหอบหายใจออกมาอย่างหนัก แต่ก็มิวายหันไปทักทายคนข้างๆ ด้วยท่าทางสนิทสนม ภายใต้ความเงียบในห้องลิฟต์ “อ้าว...คุณที่ฉันเดินชนเมื่อหัวค่ำนี่คะ และเป็นเพื่อนของพี่วาคีนใช่มั้ยคะ ฉันจำคุณได้” มิราทักทายและยิ้มกว้างให้เขา ทำทีตีความให้ดูสนิทสนม “....” เรียวคิ้วเข้มของมาเฟียหนุ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดสนิทชิดเชื้อของหญิงสาว เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับยื่นนิ้วเรียวเข้าไปกดปุ่มเลขสิบห้า ซึ่งเป็นชั้นที่เขาพักอาศัยอยู่แทน มิราหน้าเสียลงไปเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ละความพยายามที่จะตีสนิทกับคนหน้าดุอย่างใจดีสู้เสือ “คุณพักอยู่ที่คอนโดนี้เหรอคะ บังเอิญจังเลยนะ” “ดูเหมือนคุณจะดีใจมากนะ ที่รู้ว่าผมพักอยู่ที่นี่” ไทเรลล์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาหลุบสายตาลงมองเจ้าของใบหน้าหวานที่กำลังส่งยิ้มน้อยๆ มาทางเขา ผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนของเธอถูกปล่อยยาวเลยกลางหลัง ดวงตากลมโตทำให้เธอดูราวกับเป็นตุ๊กตา แต่มันคงจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าไม่บังเอิญไปได้ยินคำพูดที่แสนจะคึกคะนองของเธอเมื่อก่อนหน้า ไทเรลล์เบือนสายตาจากคนตัวเล็กตากลับไปมองตัวเลขที่เลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ ของลิฟต์ เมื่อเห็นว่าเธอประหม่าอยู่ไม่น้อยคงไม่คิดว่าเขาจะรู้ทันเธอสิท่า “ก็เป็นธรรมดาของคนที่อยากทำความรู้จักกันไว้ ไม่ใช่เหรอคะ” มิราจับจ้องไปที่ตัวเลขชั้นที่เคลื่อนไปเรื่อยๆ ด้วยใจจดจ่อ ภายในใจก็กำลังคิดหาคำที่จะพูดออกมาและทำความรู้จักกับเขา “เธอคงอยากรู้จักฉันมากสินะ ถึงขั้นลืมกดลิฟต์ชั้นที่เป็นห้องพักของตัวเองเลย” “ตายจริง!ฉันลืมไปเลยว่าพักอยู่ชั้นสิบ เดี๋ยวฉันค่อยกดกลับลงมาก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยกมือเรียวขึ้นป้องปากอย่างมีจริต เมื่อเห็นว่าตัวเลขเลื่อนไปถึงชั้นสิบเอ็ดแล้ว ดวงตากลมโตของเธอเหลือบมองใบหน้าคมคายของเขาอย่างถือวิสาสะ จมูกคมเป็นสันรับกับดวงตาสีสวยของเขาได้อย่างไร้ที่ติ สันคางที่มีเคราบางๆ ตรงนั้น ทำให้เขาดูคมเข้มและน่ากลัวไปพร้อมๆกัน จนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอก้อนใหญ่ ทว่ากลับยอมรับได้ไม่ยากว่าเขาดูสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้าจริงๆ ‘หล่อจนอยากได้มาเป็นของตัวเอง’ ติ๊ง! “ฮึ! ถ้าเธอจะมองฉันขนาดนี้"ไทเรลล์เบือนสายตาจากประตูลิฟต์หันไปสบตาหญิงสาวช้าๆ ริมฝีปากหนายกยิ้มร้ายกาจขึ้นจนน่าขนลุก "เธอบอกมาตามตรงเลยก็ได้ ว่าอยากขึ้นเตียงกับฉัน มิรา...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม