เช้าวันต่อมา
ครืดๆ ครืดๆ
“อื้อ...” เสียงเรียกเข้าที่แสนคุ้นเคยของโทรศัพท์มือถือเครื่องหรู ปลุกให้มิรารู้สึกตัวในเช้าวันต่อมา เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคยท่ามกลางเสียงโทรศัพท์ที่ยังดังอยู่
ทว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอกลับนอนมองมันอยู่เนิ่นนาน ตอนที่แอบอิงอยู่ใต้ร่างกำยำของเขาคนนั้น ดวงตาทั้งสองข้างกวาดสายตาไปจนทั่วห้อง แต่ไม่พบเจ้าของเรือนผมสีควันบุหรี่ เธอรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่ต้องเจอกับเขา
“โอ๊ย!” มิราเบ้หน้าออกมาเมื่อความเจ็บปวดเข้าเล่นงานทั่วร่างกายของเธอ โดยเฉพาะใจกลางความเป็นสาว ที่สร้างความเจ็บปวดให้เธอจนดันตัวลุกขึ้นนั่งได้อย่างยากลำบาก เสียงโทรศัพท์เงียบลงไปแล้ว ปลายสายคงตัดใจวางไปหลังจากที่รอเธอรับสายอยู่นานพอสมควร
ดวงตาระริกสะดุดเข้ากับคราบน้ำรักและเลือดบริสุทธิ์ที่เปรอะเปื้อนอยู่บนผ้าปูที่นอนโดยบังเอิญ มิราวาดมือลงไปสัมผัสมันเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย กลิ่นคาวคละคลุ้งของมันตีขึ้นใส่จมูกเธอจนรู้สึกอยากจะอ้วกออกมา
เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์น่าอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฝ่ามือเล็กถูกยกขึ้นลูบหน้าเบาๆ เมื่อคืนสติเธอวูบดับลงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าเขารุนแรงกับเธอจนแทบสิ้นลมหายใจ
ยอมรับว่าเธอไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยซักนิด แม้ว่าเธอจะปากพล่อยพูดออกไปแบบนั้นก็ตาม
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะกระชับผ้าห่มผืนโตพันรอบตัว เธอค่อยๆ ขยับเรียวขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำรักของเจ้าของห้องลงจากเตียงเพื่อเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของเธอ ซึ่งตอนนี้มันวางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากตรงนี้นัก คงเป็นเขาคนนั้นที่เก็บมันมาวางเอาไว้ให้เธอ
43 misscall
มิราตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ พอเธอกดเข้าไปดูพบว่าเป็นเบอร์ของมิกเกลซะสามสิบแปดสายที่โทรเข้ามา ส่วนเบอร์ของคนที่อยากให้โทรมาซึ่งนั่นคือเบอร์ของคนเป็นแม่ กลับไม่โทรมาหาเธอแม้แต่สายเดียว
นิ้วเรียวรีบเลื่อนนิ้วไปกดตรงเบอร์ของเพื่อนสนิทและโทรออกทันที
(ยัยมิ!! นี่แกยังอยู่ดีมีสุขมั้ย ฉันนี่แทบจะไปแจ้งความคนหายแล้วนะ โทรไปก็ไม่รับตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้แกอยู่ห้องหรืออยู่ที่ไหน) เสียงแหลมของมิกเกลดังผ่านสายออกมาทันทีที่เธอกดรับสาย มิราถึงกับต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากใบหูของเธอ เพราะเกรงว่าแก้วหูเธอจะแตกซะก่อน
“ฉะ...ฉันกลับมานอนที่บ้าน”
(แล้วทำไมไม่ไลน์มาบอก นี่แกเมาจนหลงทางกลับบ้านอีกแล้วใช่มั้ย)
“เอ่อ คงงั้นอ่ะ จู่ๆ ก็หลับไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้แหละ” มิราเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น นิ้วกลางกับนิ้วชี้ของเธอถูกไขว้อยู่ทางด้านหลัง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เธอทำเวลาที่ต้องพูดโกหก
(ปลอดภัยก็ดีแล้ว ฉันนึกว่าแกไปตามหาคุณไทเรลล์เพื่อจับเขามาทำผัว จนหน้ามืดตามัวไปกับเขาแล้วซะอีก)
“คะ...ใครเหรอ” มิราเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเรื่องที่มิกเกลสันนิษฐานเกี่ยวกับเธอ
(อ้าว ก็คนที่เธอสนใจเขาไง ฉันถามชื่อจากพี่วาคีนให้เธอแล้วนะ คุณไทเรลล์ หุ้นส่วนคนสำคัญของพี่วาคีน แต่ทางที่ดีเธออย่าไปหาเรื่องเข้าใกล้เขาดีกว่า เขาดูน่ากลัวมากจริงๆ ฉันสัมผัสได้)
‘ขอโทษนะเพื่อนรัก เมื่อคืนฉันฟาดเขาไปแล้ว’
แกร๊ก!
“ระ...เหรอ” แต่ยังไม่ทันที่มิราจะฟังข้อมูลที่มิกเกลได้มาจนจบ เธอก็ต้องสะดุ้งตกใจกับคนตัวโตที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยท่อนบนเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พันรอบเอวสอบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ เขาปรายตามองเธอเพียงนิดก่อนจะเดินหายเข้าไปอีกห้อง
มิรายืดคอมองตามแผ่นหลังของไทเรลล์ เธอค่อยๆ เดินตามเขาเข้าไปในห้องนั้น โดยที่ยังไม่วางสายจากเพื่อนสนิท
(ว่าแต่แกกลับบ้านยังไง รถยังจอดอยู่ที่คอนโด)
“อะ..เอ่อ ฉันนั่งแท็กซี่กลับน่ะ คะ...แค่นี้ก่อนนะแก พอดีฉันมีธุระ” มิราตัดบทสนทนาเอาไว้เพียงเท่านั้น รีบกดวางสายจากมิกเกลไป แม้ยังอยากจะคุยกับเพื่อนต่อ เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องนั้นแล้วเจอกับไทเรลล์ที่ยืนเปลือยกายอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ในห้องที่คล้ายว่าเป็นห้องแต่งตัว หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับหลังหัน เมื่อพบว่าเขากำลังมองมาที่เธอผ่านทางกระจกนั่นเช่นกัน
“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะแก้ผ้าอยู่แบบนั้น”
“มีอะไร” ไทเรลล์ถามเธอสั้นๆ
“ปะ...เปล่า คุณเห็นเสื้อผ้าฉันมั้ย”
“เข้ามาเอาซิ”
“อ๊ะ!” แขนเล็กของมิราถูกกระชากจากทางด้านหลังอย่างแรง เธอเซถลาเข้าไปภายในห้องแต่งตัวของไทเรลล์ตามแรงกระชากของเขา ผ้าห่มที่เธอใช้คลุมตัวหล่นลงไปกองกับพื้น ส่งผลให้เธอต้องเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้ง
วืด~
“คะ...คุณจะทำอะไรฉัน” ปากเล็กเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว มิราหันรีหันขวางเพื่อหาทางหนีเมื่อไทเรลล์อุ้มร่างเปลือยเปล่าของเธอขึ้นนั่งบนโต๊ะเครื่องแป้ง มือหนาปัดสิ่งของที่อยู่บนนั้นลงกระจัดกระจายเต็มพื้น ร่าหนาแทรกตัวเขามายืนอยู่กึ่งกลางเรียวขาสวยทั้งสองข้างของเธอ
โครม!!
“อ๊ะ...อย่านะคุณไทเรลล์” มิราสะดุ้งเฮือก เมื่อไทเรลล์ใช้มือลูบไร้ไปตามกลีบกุหลาบบวมช้ำที่ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักของเขา เธอจับมือของเขาดึงออกแต่คนตัวโตกลับสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางรักเจ็บระบมของเธออย่างจงใจ
“ทีนี้ ก็รู้จักชื่อของฉันแล้วสินะ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่ต่างไปจากเดิม ในขณะที่นิ้วสากกลับขยับเข้าออกในช่องทางรักคับแคบของเธอระรัวเร็ว ปากหนาครอบลงตะโบมดูดดุนยอดอกสีชมพูของเธออย่างรุนแรง ราวกับสัตว์ป่ากระหายอาหาร
“อึก! หยุดก่อนคุณ อ๊า...” ใบหน้าหวานเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอเอนหลังพิงลงไปกับกระจกบานใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเพื่อขับหนีสัมผัสหยาบโลนของคนตัวโต ขณะที่เขาถอดนิ้วออกจากส่วนนั้นและจับเรียวขาสั่นเทาของเธอขึ้นพาดไว้บนข้อพับแขน จับมันอ้าออกจากกันกว้าง เผยให้เห็นกลีบกุหลาบบวมช้ำที่แย้มออกมาทักทายเข้าอย่างห้ามไม่ได้
“อย่า...ฉันทำมันไม่ไหวจริงๆ” มิราส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาบนสองพวงแก้ม เมื่อเห็นว่าไทเรลล์ชักรูดแก่นกายขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นจ่อตรงร่องสวาทของเธอ สะโพกสอบออกแรงดันมันเข้ามาในตัวเธออย่างอยากลำบาก เพราะตรงนั้นมันฝืดเกินกว่าจะกลืนกินความแข็งขืนของเขาเข้าไปได้
“ภาสกร นนทชาติ เจ้าของโรงแรมระดับห้าดาว และเป็นเจ้าของโรงไม้ที่เปิดเป็นบริษัททำเฟอร์นิเจอร์บังหน้า แต่ตัวตนที่แท้จริงคือจับผู้หญิงไปค้าประเวณีข้ามชาติ”
มาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ถึงข้อมูลของลูกน้องมาเฟียเจ้าถิ่นที่เขารู้ข้อมูลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวเลิกสะอื้นไห้และหันกลับมาสนใจในสิ่งที่เขาพูดแทน
“คะ...คุณรู้จักมัน อึก! เจ็บค่ะ” ร่างบางสั่นสะท้านอย่างหนัก แม้จะกำลังตื่นเต้นอยู่กับคำพูดของมาเฟียหนุ่ม แต่ความตื่นเต้นมันก็ทดแทนความเจ็บปวดตรงส่วนนั้นของเธอไม่ได้