บทที่ 16 : การกลับมาของอีกคน

1787 คำ
ติ้ง ! ติ้ง ! ใบหน้าสวยฉงนไปเล็กน้อยเมื่อมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ไม่รู้ว่าอะไรทำไมคนถึงแห่เข้ามากดติดตามในอินสตาแกรมของเธอเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เห็นใบหน้าสวยที่ดูแปลกไปคล้ายกับมีบางอย่างที่ไม่สบายใจ คนที่มารอรับไปเรียนแต่เช้าและขึ้นมาให้อาหารกับอยู่เล่นกับลูกชายถึงกับย่นคิ้วด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป” เมื่อน้ำอิงก้าวออกมาจากห้องนอนหลังเก็บของที่จำเป็นสำหรับการเรียนนธีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม เธอส่ายหน้าแล้วยื่นไปให้ร่างสูงที่ถือซองอาหารเปียกให้นีโม่กินอยู่ดูหน้าจอโทรศัพท์ “ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ทำไมคนมาฟอลไอจีเยอะก็ไม่รู้ แล้วก็มีคนมาคอมเมนท์แปลก ๆ เต็มเลย” ใบหน้าสวยฉายความไม่สบายใจและความกังวลออกทางสีหน้า มือหนาฉวยโทรศัพท์เจ้าปัญหาของน้ำอิงมาดู เลื่อนแอปพลิเคชันที่เธอเปิดไว้อยู่ไม่นานก็ส่งกลับคืน “ก็ปกตินี่” “ไม่ปกติ ถ้าปกติไม่มีคนฟอลมาเยอะขนาดนี้” ปกตินั้นเธอไม่ค่อยถ่ายอะไรลงนักหรอก หน้าโปรไฟล์ของเธอจึงโล่ง ๆ มีรูปตอนมัธยมฯ นิดหน่อย และรูปที่ถ่ายนีโม่ลงเท่านั้น แต่นี่คนฟอลมาจะสามพันแล้วทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ร้อยเอง แถมมันยังขึ้นมาภายในคืนเดียวด้วย “ทางเพจมหาลัยเขาเอารูปคนที่ถือป้ายลง แปะไอจีพร้อม คนแชร์เยอะมากใครเห็นก็กดมาฟอลทั้งนั้นแหละ” “งั้นเหรอ คิดว่าไปทำอะไรผิดมาซะอีก ค่อยโล่งอกหน่อย” ถอนหายใจโล่งอกอย่างที่พูด สีหน้าเธอก็ดีขึ้นมามากเมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะต้องออกไปมหาวิทยาลัย ก็สลับกันจุ๊บแหม่งขนปุยตัวเล็กกันคนละทีเป็นกิจวัตรประจำวันก่อนจะโบกมือลานีโม่ที่มองตาแป๋วและออกจากห้องไป นธีเป็นคนขับเหลือบมองน้ำอิงที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอซึ่งยอดผู้ติดตามขึ้นแบบเรียลไทม์ โลกโซเชียลสมัยนี้อะไรก็ไวไปหมด น้ำอิงเป็นผู้หญิงที่สวยแต่ก็มีมุมน่ารักจะว่าไปก็เป็นสไตล์พิมพ์นิยม หากเธอรู้จักเล่นโซเซียลที่มีอยู่ในมือคงจะมียอดผู้ติดตามไม่น้อย แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจมันเลยซักนิด กลับกันการที่ผู้ติดตามขึ้นสำหรับคนอื่นเป็นเรื่องที่เหมือนบุญหล่นทับ แต่สำหรับเธอไม่ใช่อย่างนั้นเลย “อิงจะปิดเป็นไพรเวต” “อ้าว” นธีละสายตาจากถนนเบื่องหน้าไปมองคนตัวเล็กที่หน้ายุ่ง ๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนมากผู้หญิงที่เขารู้จักมันจะสิงตัวเองอยู่กับกระแส พอมาเจอคนที่อยากทำตัวนอกกระแสก็เล่นเอางงงวย “อิงไม่ชอบเลย ไม่ชอบการเป็นที่รู้จัก ไม่ชอบการถูกจ้องมอง : (“ “...” ปากเล็กเบะคว่ำอย่างไม่ชอบใจ และรู้สึกว่าต่อจากนี้จะต้องระแวงสายตาคนแน่นอน อยู่เฉย ๆ ก็ดีอยู่แล้ว “งั้นก็ปิดจะได้สบายใจ” นธีอมยิ้มนิดหน่อยอย่างอารมณ์ดี พบว่าสิ่งที่น้ำอิงทำนั้นถูกใจเขามาก เขาเองก็ไม่ได้ชอบให้ใครต่อใครมองเธอนักหรอก การที่เธอประสงค์จะปิดอินสตารแกรมเป็นส่วนตัวด้วยตัวเอง เข้าทางเขาแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ค่อนข้างจะคลาคล่ำไปด้วยนิสิตซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือเข้าเรียนในคลาสเช้า ร้านสะดวกซื้อก็เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้าออกอย่างไม่ว่างเว้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าคนตัวเล็กยังไม่ได้มีอะไรรองท้องเลยแม้แต่น้อย หากต้องไปเรียนเลกเชอร์สามชั่วโมงติดคงไม่แคล้วงอแงหิวข้าวอีก “หิวมั้ย ? เดี๋ยวธีไปซื้ออะไรให้กิน” “อืมม...” นัยน์ตากลมโตกลอกขึ้นครุ่นคิดอยู่ซักครู่แล้วเลื่อนไปมองร้านค้าเธอก็ส่ายหน้า “แล้วจะไม่หิวเหรอ” “เบรกค่อยลงมาก็ได้ ตอนนี้คนเยอะขี้เกียจรอ” “อาฮะ” ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเพื่อน ๆ ของพวกเขาก็ทยอย ๆ กันมา ที่จริงนธีกับน้ำอิงก็ไม่ได้รอใครหรอก ก็แค่นั่งรอเวลาแต่เพราะโต๊ะที่นั่งอยู่เป็นทางผ่านไปยังลิฟต์ทำให้เจอกันก่อน “น้องน้ำอิงคนสวยเครื่องกลดังใหญ่เลย คนฟอลเยอะจนต้องปิดไพรเวตหนีเลยเหรอจ๊ะ ?” มาร์ชแซวยิ้ม ๆ เมื่อคืนเขาเข้าไปดูเห็นว่าทางสโมสรคณะตัดคลิปที่ถ่ายน้ำอิงลงในแอปพลิเคชันชื่อดังจนบัดนี้กลายเป็นไวรัลไปแล้ว “เราไม่ได้อยากดังซักหน่อย” น้ำอิงทำหน้าบูดใส่ สายตาก็อดสอดส่องไปมาไม่ได้ พบว่ามีคนมองมาที่เขาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แต่น้ำอิงไม่รู้เลยว่าคลิปที่เป็นกระแสนั้นคือคลิปที่เธอยกเท้าขึ้นมาให้นธีทำแผลให้นั่นเอง ตรงล็อกอย่างกับโดนใครสั่งให้ถ่าย “มีเพื่อนเป็นคนดังนี่มันเป็นหน้าเป็นตาจริง ๆ เลย” “มาร์ช !” “ไอ้มาร์ช น่ารำคาญว่ะ” “โห...ปกป้อง ๆ” มาร์ชสะดีดสะดิ้งไปหาปูนซึ่งเขานั้นแวะไปรับจากหอในทุกเช้าเนื่องด้วยทางผ่าน ส่วนอาร์เจกว่าจะมาก็ต้องรอไปรับแฟนที่หอก่อนนั่นแหละ ปูนที่ยืนอยู่ดี ๆ ก็มีเพื่อนตัวโตเอาตัวมาไถ ๆ เรียกร้องความสนใจเขาก็กลอกตาเซ็ง “เลิกเป็นเพื่อนกันเหอะ...อายคน” “ไอ้สัตว์ปูน...ไม่มีมึง กูหมดหนทางแล้วนะเว้ย หันไปนุ้นก็มีแฟน หันมาทางนี้...” ดวงตาคมก็จ้องไปที่เพื่อนของเขาทั้งสองอย่างนธีและน้ำอิง เพื่อนแว่นหน้าหล่อเหลาทิ้งสายตาเรียบบ่งบอกถึงความเอือมระอา ส่วนอีกคนวิ่งจู๊ดหนีไปที่ลิฟต์แล้วเรียบร้อย ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย เรื่องหนีเก่งไว้ใจน้ำอิง... มาทันอาจารย์เข้าเนื้อหาต่างคนก็ต่างตั้งใจเรียน แต่ซักพักมือหนาของอาร์เจก็สะกิดเข้าที่หัวไหล่เพื่อนตัวเองอย่างนธีก่อนจะทำทีกระซิบกระซาบ “น้ำอิงเลี้ยงแมวกูไม่แปลกใจนะ แต่มึงนี่มีขนแมวติดได้ไง เยอะแยะสัตว์ ก่อนมาเรียนคลุกวงในกันมาก่อนรึไง” สายตาของคนโดนถามก็ก้มลงไปที่กางเกงสเลกสีดำของตัวเองก็เป็นจริงอย่างที่เพื่อนว่าขนไอ้ลูกชายฝากพ่อมันมาดูต่างหน้าซะเยอะเลย มือหนาปัด ๆ แล้วจึงเงยมาตอบ “ใครว่าอิงเลี้ยงคนเดียว กูก็เลี้ยงแมวเหมือนกัน” “แมวไหน ? พี่เจ๋ง พี่จิ๋ว พี่แจ็ค พี่เจเม่ ร็อกไวเลอร์หน้าดำของแม่มึงให้พาเข้าบ้านเหรอ” มาร์ชเอียงคอถามอย่างสงสัย เพราะตอนม.ปลายเรียนห้องเดียวกันเลยมีโอกาสไปบ้านนธีครั้งหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนเข้าสนามรบเพราะพวกพี่ ๆ ที่แม่นธีเลี้ยงไว้นี่โคตรโหดอย่าบอกใคร “ก็เลี้ยงที่ห้องอิงไง” “อ๋อจ้า พ่อแม่ลูกอ่อนสุด ๆ” “แน่นอน” “แต่มุกนี้แม่งล้ำลึกมากเลยว่ะเพื่อน มึงใช้บ่อยไหมวะ ขอเอาไปใช้บ้างดิ อยากมีแม่แมวเป็นของตัวเองบ้างอ่ะ” นธีส่ายหัวก่อนจะมองเหยียดเพื่อน เลื่อนสายตามองไปที่คนตัวเล็กที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่ก็ขยับเก้าอี้เลกเชอร์ไปอีกทางนิด ๆ กลัวเสียงจะไปรบกวนเธอเข้า “เลี้ยงตัวเองก่อนเหอะ เมื่อต้นเดือนยังยืมตังไอ้ปูนไปแต่งรถอยู่เลย” “ก็ขอมึงแล้วมึงไม่ให้ มึงก็รู้อะไหล่รถกูแพง” “ของเก่ามึงยังไม่คืนกูเลยนะ” “แฮะ ๆ เอ้อ ! แต่ว่าก็ว่าเหอะว่ะ กูเห็นคอมเมนท์ขอดูแมวที่ห้องนี่มาเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสองคือ ขอสนับสนุนทุนการศึกษา เงินไม่พอเลี้ยงแมวใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่ นี่ ๆ กูไม่ได้พูดมั่วนะ ดูดิ” นธีก้มไปมองหน้าจอโทรศัพท์เพื่อนตัวเองที่เสนอมาให้ก็อ่านดูซึ่งก็จริงอย่างที่มาร์ชว่านั่นแหละ มีแต่พวกหน้าหม้อทั้งนั้น ก่อนจะถอนหายใจแบบไม่อยากให้ค่าคนพวกนี้ “ไร้สาระ... “ “แสดงว่าอยากทำอะไรก็ตามสบายใช่ปะ” “ตามสบายดิ...อยากเจอลูกกูคงต้องเจอพ่อมันก่อน ส่วนไอ้พวกขอสนับสนุนทุนการศึกษาเนี่ย... “...” “กูยังไม่เคยเห็นใครเงินหนากว่ากูซักคน” มาร์ชได้ยินพี่เพื่อนพูดถึงกับเอามือปิดปากตัวเอง อยากจะกรี๊ด...มีเงินนี่แม่งเท่งี้เองสินะ “เหี้ยเอ๊ย กูอยากพูดได้แบบมึงบ้างว่ะ แต่ขอใช้หนี้ไอ้ปูนให้หมดก่อนนะ ” “แล้วของกูอ่ะ” “เดี๋ยวใส่ชุดนักศึกษาไปหาแล้วกัน” “ตลกล่ะ” แค่คิดก็แทบอ้วกพุ่งออกมาแล้ว เอือมระอากับความไร้สาระอยู่พักใหญ่ ๆ ใบหน้าคมเข้มของมาร์ชก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น ตอนแรกก็ไม่อยากถามอะไรมากมาย แต่พอเห็นความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองของตัวเองกำลังไปได้สวยเขาก็แอบรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ “ว่าแต่มึงรู้เรื่องยังวะ” “เรื่องอะไร” “ขนมกลับมาไทยนะเว้ย” “...” ชื่อของบุคคลใหม่ทำให้ใบหน้าของนธีชะงักไปครู่ใหญ่จนมาร์ชสังเกตได้ แบบนี้สงสัยจะยังไม่รู้แน่นอน “เขาไม่ได้เรียนต่อที่ต่างประเทศไปแล้วเหรอ” “ไม่รู้ว่ะ” แววตาของนธีวูบไหวนิดหนึ่งก่อนที่มันจะหายไปในทันทีภายในวินาทีต่อมา ตึงเครียดแบบนี้ทำให้เห็นท่าไม่ค่อยจะดี แต่มันจะไม่น่าเป็นห่วงเลยถ้านธีกับน้ำอิงไม่ได้คิดอะไรกันอย่างที่ปากชอบพูดว่า ‘เพื่อนกัน’ ทั้งที่ดูก็รู้ว่ามันมากกว่านั้น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกของคนทั้งคู่จะมากถึงขนาดที่คนอย่างนธีเพื่อนของเขานั้นจะไม่กลับไปหาคนที่เคยรักอย่างสุดหัวใจหรือเปล่า “สุดที่รักกลับมาแบบนี้ แม่แมวมึงจะตกกระป๋องไหมวะเนี่ย” “พูดมาก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม