ติ้ง !
ติ้ง !
ใบหน้าสวยฉงนไปเล็กน้อยเมื่อมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ไม่รู้ว่าอะไรทำไมคนถึงแห่เข้ามากดติดตามในอินสตาแกรมของเธอเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เห็นใบหน้าสวยที่ดูแปลกไปคล้ายกับมีบางอย่างที่ไม่สบายใจ คนที่มารอรับไปเรียนแต่เช้าและขึ้นมาให้อาหารกับอยู่เล่นกับลูกชายถึงกับย่นคิ้วด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไป”
เมื่อน้ำอิงก้าวออกมาจากห้องนอนหลังเก็บของที่จำเป็นสำหรับการเรียนนธีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม เธอส่ายหน้าแล้วยื่นไปให้ร่างสูงที่ถือซองอาหารเปียกให้นีโม่กินอยู่ดูหน้าจอโทรศัพท์
“ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ทำไมคนมาฟอลไอจีเยอะก็ไม่รู้ แล้วก็มีคนมาคอมเมนท์แปลก ๆ เต็มเลย”
ใบหน้าสวยฉายความไม่สบายใจและความกังวลออกทางสีหน้า มือหนาฉวยโทรศัพท์เจ้าปัญหาของน้ำอิงมาดู เลื่อนแอปพลิเคชันที่เธอเปิดไว้อยู่ไม่นานก็ส่งกลับคืน
“ก็ปกตินี่”
“ไม่ปกติ ถ้าปกติไม่มีคนฟอลมาเยอะขนาดนี้”
ปกตินั้นเธอไม่ค่อยถ่ายอะไรลงนักหรอก หน้าโปรไฟล์ของเธอจึงโล่ง ๆ มีรูปตอนมัธยมฯ นิดหน่อย และรูปที่ถ่ายนีโม่ลงเท่านั้น แต่นี่คนฟอลมาจะสามพันแล้วทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ร้อยเอง แถมมันยังขึ้นมาภายในคืนเดียวด้วย
“ทางเพจมหาลัยเขาเอารูปคนที่ถือป้ายลง แปะไอจีพร้อม คนแชร์เยอะมากใครเห็นก็กดมาฟอลทั้งนั้นแหละ”
“งั้นเหรอ คิดว่าไปทำอะไรผิดมาซะอีก ค่อยโล่งอกหน่อย”
ถอนหายใจโล่งอกอย่างที่พูด สีหน้าเธอก็ดีขึ้นมามากเมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะต้องออกไปมหาวิทยาลัย ก็สลับกันจุ๊บแหม่งขนปุยตัวเล็กกันคนละทีเป็นกิจวัตรประจำวันก่อนจะโบกมือลานีโม่ที่มองตาแป๋วและออกจากห้องไป
นธีเป็นคนขับเหลือบมองน้ำอิงที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอซึ่งยอดผู้ติดตามขึ้นแบบเรียลไทม์
โลกโซเชียลสมัยนี้อะไรก็ไวไปหมด น้ำอิงเป็นผู้หญิงที่สวยแต่ก็มีมุมน่ารักจะว่าไปก็เป็นสไตล์พิมพ์นิยม หากเธอรู้จักเล่นโซเซียลที่มีอยู่ในมือคงจะมียอดผู้ติดตามไม่น้อย แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจมันเลยซักนิด
กลับกันการที่ผู้ติดตามขึ้นสำหรับคนอื่นเป็นเรื่องที่เหมือนบุญหล่นทับ แต่สำหรับเธอไม่ใช่อย่างนั้นเลย
“อิงจะปิดเป็นไพรเวต”
“อ้าว”
นธีละสายตาจากถนนเบื่องหน้าไปมองคนตัวเล็กที่หน้ายุ่ง ๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนมากผู้หญิงที่เขารู้จักมันจะสิงตัวเองอยู่กับกระแส พอมาเจอคนที่อยากทำตัวนอกกระแสก็เล่นเอางงงวย
“อิงไม่ชอบเลย ไม่ชอบการเป็นที่รู้จัก ไม่ชอบการถูกจ้องมอง : (“
“...”
ปากเล็กเบะคว่ำอย่างไม่ชอบใจ และรู้สึกว่าต่อจากนี้จะต้องระแวงสายตาคนแน่นอน อยู่เฉย ๆ ก็ดีอยู่แล้ว
“งั้นก็ปิดจะได้สบายใจ”
นธีอมยิ้มนิดหน่อยอย่างอารมณ์ดี พบว่าสิ่งที่น้ำอิงทำนั้นถูกใจเขามาก เขาเองก็ไม่ได้ชอบให้ใครต่อใครมองเธอนักหรอก การที่เธอประสงค์จะปิดอินสตารแกรมเป็นส่วนตัวด้วยตัวเอง เข้าทางเขาแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
ใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ค่อนข้างจะคลาคล่ำไปด้วยนิสิตซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือเข้าเรียนในคลาสเช้า ร้านสะดวกซื้อก็เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้าออกอย่างไม่ว่างเว้น
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าคนตัวเล็กยังไม่ได้มีอะไรรองท้องเลยแม้แต่น้อย หากต้องไปเรียนเลกเชอร์สามชั่วโมงติดคงไม่แคล้วงอแงหิวข้าวอีก
“หิวมั้ย ? เดี๋ยวธีไปซื้ออะไรให้กิน”
“อืมม...”
นัยน์ตากลมโตกลอกขึ้นครุ่นคิดอยู่ซักครู่แล้วเลื่อนไปมองร้านค้าเธอก็ส่ายหน้า
“แล้วจะไม่หิวเหรอ”
“เบรกค่อยลงมาก็ได้ ตอนนี้คนเยอะขี้เกียจรอ”
“อาฮะ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเพื่อน ๆ ของพวกเขาก็ทยอย ๆ กันมา ที่จริงนธีกับน้ำอิงก็ไม่ได้รอใครหรอก ก็แค่นั่งรอเวลาแต่เพราะโต๊ะที่นั่งอยู่เป็นทางผ่านไปยังลิฟต์ทำให้เจอกันก่อน
“น้องน้ำอิงคนสวยเครื่องกลดังใหญ่เลย คนฟอลเยอะจนต้องปิดไพรเวตหนีเลยเหรอจ๊ะ ?”
มาร์ชแซวยิ้ม ๆ เมื่อคืนเขาเข้าไปดูเห็นว่าทางสโมสรคณะตัดคลิปที่ถ่ายน้ำอิงลงในแอปพลิเคชันชื่อดังจนบัดนี้กลายเป็นไวรัลไปแล้ว
“เราไม่ได้อยากดังซักหน่อย”
น้ำอิงทำหน้าบูดใส่ สายตาก็อดสอดส่องไปมาไม่ได้ พบว่ามีคนมองมาที่เขาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
แต่น้ำอิงไม่รู้เลยว่าคลิปที่เป็นกระแสนั้นคือคลิปที่เธอยกเท้าขึ้นมาให้นธีทำแผลให้นั่นเอง ตรงล็อกอย่างกับโดนใครสั่งให้ถ่าย
“มีเพื่อนเป็นคนดังนี่มันเป็นหน้าเป็นตาจริง ๆ เลย”
“มาร์ช !”
“ไอ้มาร์ช น่ารำคาญว่ะ”
“โห...ปกป้อง ๆ”
มาร์ชสะดีดสะดิ้งไปหาปูนซึ่งเขานั้นแวะไปรับจากหอในทุกเช้าเนื่องด้วยทางผ่าน ส่วนอาร์เจกว่าจะมาก็ต้องรอไปรับแฟนที่หอก่อนนั่นแหละ
ปูนที่ยืนอยู่ดี ๆ ก็มีเพื่อนตัวโตเอาตัวมาไถ ๆ เรียกร้องความสนใจเขาก็กลอกตาเซ็ง
“เลิกเป็นเพื่อนกันเหอะ...อายคน”
“ไอ้สัตว์ปูน...ไม่มีมึง กูหมดหนทางแล้วนะเว้ย หันไปนุ้นก็มีแฟน หันมาทางนี้...”
ดวงตาคมก็จ้องไปที่เพื่อนของเขาทั้งสองอย่างนธีและน้ำอิง เพื่อนแว่นหน้าหล่อเหลาทิ้งสายตาเรียบบ่งบอกถึงความเอือมระอา ส่วนอีกคนวิ่งจู๊ดหนีไปที่ลิฟต์แล้วเรียบร้อย ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย
เรื่องหนีเก่งไว้ใจน้ำอิง...
มาทันอาจารย์เข้าเนื้อหาต่างคนก็ต่างตั้งใจเรียน แต่ซักพักมือหนาของอาร์เจก็สะกิดเข้าที่หัวไหล่เพื่อนตัวเองอย่างนธีก่อนจะทำทีกระซิบกระซาบ
“น้ำอิงเลี้ยงแมวกูไม่แปลกใจนะ แต่มึงนี่มีขนแมวติดได้ไง เยอะแยะสัตว์ ก่อนมาเรียนคลุกวงในกันมาก่อนรึไง”
สายตาของคนโดนถามก็ก้มลงไปที่กางเกงสเลกสีดำของตัวเองก็เป็นจริงอย่างที่เพื่อนว่าขนไอ้ลูกชายฝากพ่อมันมาดูต่างหน้าซะเยอะเลย มือหนาปัด ๆ แล้วจึงเงยมาตอบ
“ใครว่าอิงเลี้ยงคนเดียว กูก็เลี้ยงแมวเหมือนกัน”
“แมวไหน ? พี่เจ๋ง พี่จิ๋ว พี่แจ็ค พี่เจเม่ ร็อกไวเลอร์หน้าดำของแม่มึงให้พาเข้าบ้านเหรอ”
มาร์ชเอียงคอถามอย่างสงสัย เพราะตอนม.ปลายเรียนห้องเดียวกันเลยมีโอกาสไปบ้านนธีครั้งหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนเข้าสนามรบเพราะพวกพี่ ๆ ที่แม่นธีเลี้ยงไว้นี่โคตรโหดอย่าบอกใคร
“ก็เลี้ยงที่ห้องอิงไง”
“อ๋อจ้า พ่อแม่ลูกอ่อนสุด ๆ”
“แน่นอน”
“แต่มุกนี้แม่งล้ำลึกมากเลยว่ะเพื่อน มึงใช้บ่อยไหมวะ ขอเอาไปใช้บ้างดิ อยากมีแม่แมวเป็นของตัวเองบ้างอ่ะ”
นธีส่ายหัวก่อนจะมองเหยียดเพื่อน เลื่อนสายตามองไปที่คนตัวเล็กที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่ก็ขยับเก้าอี้เลกเชอร์ไปอีกทางนิด ๆ กลัวเสียงจะไปรบกวนเธอเข้า
“เลี้ยงตัวเองก่อนเหอะ เมื่อต้นเดือนยังยืมตังไอ้ปูนไปแต่งรถอยู่เลย”
“ก็ขอมึงแล้วมึงไม่ให้ มึงก็รู้อะไหล่รถกูแพง”
“ของเก่ามึงยังไม่คืนกูเลยนะ”
“แฮะ ๆ เอ้อ ! แต่ว่าก็ว่าเหอะว่ะ กูเห็นคอมเมนท์ขอดูแมวที่ห้องนี่มาเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสองคือ ขอสนับสนุนทุนการศึกษา เงินไม่พอเลี้ยงแมวใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่ นี่ ๆ กูไม่ได้พูดมั่วนะ ดูดิ”
นธีก้มไปมองหน้าจอโทรศัพท์เพื่อนตัวเองที่เสนอมาให้ก็อ่านดูซึ่งก็จริงอย่างที่มาร์ชว่านั่นแหละ มีแต่พวกหน้าหม้อทั้งนั้น ก่อนจะถอนหายใจแบบไม่อยากให้ค่าคนพวกนี้
“ไร้สาระ... “
“แสดงว่าอยากทำอะไรก็ตามสบายใช่ปะ”
“ตามสบายดิ...อยากเจอลูกกูคงต้องเจอพ่อมันก่อน ส่วนไอ้พวกขอสนับสนุนทุนการศึกษาเนี่ย...
“...”
“กูยังไม่เคยเห็นใครเงินหนากว่ากูซักคน”
มาร์ชได้ยินพี่เพื่อนพูดถึงกับเอามือปิดปากตัวเอง อยากจะกรี๊ด...มีเงินนี่แม่งเท่งี้เองสินะ
“เหี้ยเอ๊ย กูอยากพูดได้แบบมึงบ้างว่ะ แต่ขอใช้หนี้ไอ้ปูนให้หมดก่อนนะ ”
“แล้วของกูอ่ะ”
“เดี๋ยวใส่ชุดนักศึกษาไปหาแล้วกัน”
“ตลกล่ะ”
แค่คิดก็แทบอ้วกพุ่งออกมาแล้ว เอือมระอากับความไร้สาระอยู่พักใหญ่ ๆ ใบหน้าคมเข้มของมาร์ชก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น ตอนแรกก็ไม่อยากถามอะไรมากมาย แต่พอเห็นความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองของตัวเองกำลังไปได้สวยเขาก็แอบรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
“ว่าแต่มึงรู้เรื่องยังวะ”
“เรื่องอะไร”
“ขนมกลับมาไทยนะเว้ย”
“...”
ชื่อของบุคคลใหม่ทำให้ใบหน้าของนธีชะงักไปครู่ใหญ่จนมาร์ชสังเกตได้ แบบนี้สงสัยจะยังไม่รู้แน่นอน
“เขาไม่ได้เรียนต่อที่ต่างประเทศไปแล้วเหรอ”
“ไม่รู้ว่ะ” แววตาของนธีวูบไหวนิดหนึ่งก่อนที่มันจะหายไปในทันทีภายในวินาทีต่อมา
ตึงเครียดแบบนี้ทำให้เห็นท่าไม่ค่อยจะดี แต่มันจะไม่น่าเป็นห่วงเลยถ้านธีกับน้ำอิงไม่ได้คิดอะไรกันอย่างที่ปากชอบพูดว่า ‘เพื่อนกัน’ ทั้งที่ดูก็รู้ว่ามันมากกว่านั้น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกของคนทั้งคู่จะมากถึงขนาดที่คนอย่างนธีเพื่อนของเขานั้นจะไม่กลับไปหาคนที่เคยรักอย่างสุดหัวใจหรือเปล่า
“สุดที่รักกลับมาแบบนี้ แม่แมวมึงจะตกกระป๋องไหมวะเนี่ย”
“พูดมาก”