สี่ปีต่อมา...
รถแท็กซี่สีชมพูขาวแล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เหตุการณ์มันดูไม่ต่างจากสี่ปีก่อนมากนัก ผิดกันตรงที่วันนี้เธอนั่งรถมาตามลำพัง และเธอไม่ได้พาใครบางคนมาทิ้งไว้ แต่วันนี้เธอจะมารับคนที่เป็นดั่งชีวิตและลมหายใจให้กลับไปด้วยกันตามคำมั่นที่ให้ไว้
ภีมพิมล ยื่นเงินค่าแท็กซี่ให้คนขับ ก่อนที่เธอจะก้าวลงไปจากรถ แล้วเดินไปกดออดที่หน้าประตูนั้นไม่นานประตูก็เปิดออกและมีสาวใช้คนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ คุณหมอ...หมอเธียรทรรศน์อยู่รึเปล่าคะ”
“อยู่ค่ะ”
“งั้นฉันขอพบเค้าหน่อยได้มั้ยคะ”
“จะให้เรียนว่าใครมาขอพบคะ”
“บอกเค้าว่า...แม่ของลูกชายเค้ามาขอพบค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นสาวใช้ก็เหมือนจะอึ้งไปพักใหญ่ แต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ซักถามให้มากความ
“งั้นคุณรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปเรียนท่านให้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงไม่ได้รับเชิญให้เข้าไปรอด้านใน คงเพราะสถานะที่เธอบอกมันอาจจะดูสุ่มเสี่ยงให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพได้ และสาวใช้ก็ไม่ใช่เจ้าของบ้านที่จะอนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านได้ง่ายๆ เธอจึงยินดีที่จะรอ และหวังว่าเจ้าของบ้านจะไม่ใจร้ายไล่เธอกลับเสียก่อนตั้งแต่ยังไม่ได้พบหน้ากัน
เพราะหากเขาเห็นหน้าเธอ...เขาจะต้องรู้ว่าเธอไม่ใช่ตัวปลอม
เธอยืนรออยู่หน้าบ้านเกือบสิบนาที ก่อนที่สาวใช้คนเดิมจะเดินออกมา
“เชิญคุณเข้าไปด้านในได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ภีมพิมลใจชื้นมากขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบนั้น เธอจึงได้รีบกระชับกระเป๋าสะพายที่คล้องไหล่อยู่ก่อนจะเดินตามสาวใช้เข้าไปในบริเวณบ้าน และที่นั่นเองสองเท้าของเธอก็ต้องชะงักลง เมื่อเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังเล่นกับลูกหมาอีกตัวอย่างสนุกสนาน
หัวใจของคนเป็นแม่เต้นกระหน่ำ พยายามบอกตัวเองว่าอย่าวิ่งเข้าไปหาลูกในตอนนี้เพราะหากเธอทำอย่างนั้นเขาจะต้องตกใจและอาจจะหวาดกลัวเธอไปเลยก็ได้
เธอต้องอดทนไว้...รอให้คุยกับพ่อของลูกเรียบร้อย อีกไม่นานหรอก...อีกไม่นานเธอจะได้กอดเขาอย่างแน่นอน แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้
หนุ่มน้อยวัยสี่ขวบหันมามองคนแปลกหน้าครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าเธอยืนมองเขาอยู่นาน และวินาทีที่สบตากันเธอก็รีบส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ แต่เขากลับเบนสายตาไปมองเจ้าหมาตัวโปรดแล้วก็ไม่ได้สนใจเธออีกเลย หญิงสาวจึงต้องรีบเดินตามสาวใช้เข้าไปในบ้านเพราะอยากตกลงกับเขาคนนั้นให้เรียบร้อยเสียที
“เชิญค่ะ” สาวใช้ผายมือมาทางห้องรับแขก เธอจึงได้ก้าวเข้าไปในห้องนั้นแต่ก็ไม่เห็นจะมีใครอยู่แม้แต่คนเดียว
“คุณหมออยู่ที่ไหนเหรอคะ” เธอหันไปถามสาวใช้
“อีกเดี๋ยวท่านจะลงมาค่ะ เชิญคุณนั่งรอสักครู่นะคะ”
“อ๋อค่ะ ขอบคุณค่ะ” เธอพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงที่โซฟารับแขกตัวใหญ่ ไม่นานสาวใช้ก็ยกน้ำเปล่าออกมาเสิร์ฟ
เวลาผ่านไปอีกราวสิบนาทีเธอก็ได้ยินเสียงเท้าใกล้เข้ามา และเมื่อเธอหันไปมองทางประตูห้องรับแขก เธอก็ได้เจอกับเขาในที่สุด
นายแพทย์เธียรธรรศน์ ธัญญาวัฒนา วัยสามสิบห้าปี จักษุแพทย์ชื่อดังพ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญาเวช เดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม พร้อมบุคลิกเคร่งขรึมและใบหน้าหล่อเหลาอันแสนเรียบนิ่ง ดวงตาคมที่ถูกบดบังด้วยกรอบแว่นทำให้เธอคาดเดาไม่ได้เลยว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของเธอ ก่อนจะมองสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผู้หญิงตรงหน้าดูแตกต่างจากคนเดิมที่เขาเคยเจอเมื่อห้าปีก่อนอยู่บ้าง แม้จะบอกได้ไม่แน่ชัดว่าต่างกันตรงไหน ทว่าความสวยของเธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ไม่สิ...อาจจะสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำไปเป็นความสวยที่ให้ความรู้สึกอันตรายอย่างบอกไม่ถูก
ภีมพิมลก้มหน้าหลบตาของเขาเพราะมันทำให้เธอรู้สึกประหม่า แต่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันดูอึดอัดใจมากเกินไป เธอจึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เขาเอาแต่จ้องเธออยู่แบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันชื่อภีมพิมล อำไพพรรณ ค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าแบมก็ได้ค่ะ” เริ่มจากการแนะนำตัวคงไม่ดูแปลกเกินไปหรอกนะแม้มันจะช้าไปถึงห้าปีก็ตาม
“เหมือนว่าครั้งแรกที่เราเจอกัน เธอจะไม่ได้ชื่อนี้นะ แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าครั้งนี้เธอบอกชื่อจริง” แววตาเหยียดหยันบอกว่าเขาไม่คิดจะผูกมิตรกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายโกหกเขาจริงๆ
“เอ่อ...ถ้าคุณอยากดูบัตรประชาชนของแบมก็ได้นะคะ จะได้รู้ว่าครั้งนี้แบมบอกชื่อจริงกับคุณ”
แล้วเธอก็หันไปเปิดกระเป๋าสะพายก่อนจะหยิบบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วยื่นให้เขา ซึ่งเขาก็ไม่คิดปฏิเสธเพราะนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้รู้จักแม่ของลูกจริงๆ เสียที และชื่อนามสกุลในบัตรก็เป็นชื่อตามที่เธอบอกในครั้งนี้ เขาจึงได้ยื่นบัตรส่งคืนให้เธอไป
“แล้วฉันต้องแนะนำตัวให้เธอรู้จักด้วยรึเปล่า แต่เหมือนว่ามันจะไม่จำเป็นมั้งเพราะเธอเหมือนจะรู้จักฉันดีอยู่แล้ว” น้ำเสียงเย็นชาและเหินห่าง ทำให้เธอรู้สึกใจหายเพราะในค่ำคืนนั้นเขาช่างอบอุ่นและมีเสน่ห์จนเธอ...
“ค่ะ แบมรู้จักคุณ คุณหมอเธียรทรรศน์ ธัญญาวัฒนา ตอนนี้อายุสามสิบห้าปีเป็นจักษุแพทย์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญาเวช”
“รู้ละเอียดดีนี่ แล้วเธอล่ะเป็นใคร ฉันหมายถึงเธอทำงานอะไร ขอความจริงนะเพราะตำแหน่งงานที่เธอเคยบอก เหมือนจะเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ”
“ตอนนี้แบมว่างงานค่ะ คือแบมเพิ่งกลับมาจากฮ่องกง แบมเคยเป็นผู้ช่วยเชฟบนเรือสำราญน่ะค่ะ”