แล้วเธอก็ก้มลงกราบเขาพร้อมกับร้องไห้จนตัวโยน และนั่นก็ทำให้เขานิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะหันไปมองที่สนามหญ้าและเห็นรอยยิ้มของลูกชายที่กำลังเต็มไปด้วยความสุขเพราะเพิ่งจะได้รู้ว่าตัวเองก็มีแม่เหมือนคนอื่นเช่นกัน แม้ลูกชายจะไม่ได้แสดงออกให้คนเป็นแม่ได้เห็นเพราะยังคงเต็มไปด้วยความน้อยใจอยู่เต็มอก แต่เขาก็รู้ดีว่าลูกต้องการอะไร
หมอหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเลือกทำในสิ่งที่ไม่อยากทำที่สุด แต่มันเป็นสิ่งที่ลูกรักโหยหามาตลอดชีวิต
“คนรับใช้”
“คะ?” เธอรีบเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่เธอจะเป็นได้แค่คนรับใช้ของฉันเท่านั้น”
“แล้ว...แล้วแบมจะได้นอนกับลูกบ้างมั้ยคะ”
เธอไม่สนใจตำแหน่งที่เขาให้ เพราะไม่ว่าจะตำแหน่งอะไรก็ขอให้เธอได้อยู่กับลูกก็พอ
“ลูกนอนกับฉันเกือบทุกคืน ถ้าเธออยากนอนกับลูกก็คงต้องนอนร่วมเตียงกับฉันด้วย เธอกล้ารึเปล่าล่ะ”
“กล้าค่ะ ขอแค่ให้ได้นอนกับลูก แค่นอนรวมกันสามคนแบมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
“หึ จำคำของเธอเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน หวังว่าเธอจะไม่นึกเสียใจทีหลังที่รับปากฉันในวันนี้”
“แบมไม่มีวันเสียใจค่ะ เพราะไม่มีอะไรจะทำให้แบมรู้สึกเสียใจไปมากกว่าการทิ้งลูกไปอีกแล้ว ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ขอบคุณที่ยอมให้แบมมาอยู่กับลูกที่นี่ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
เธอยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากส่งลูกชายเข้านอนแล้ว เธียรทรรศน์ก็ออกไปยืนที่ระเบียงห้องของลูกแล้วเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงใหญ่ พลางคิดไปถึงคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อนแม้จะมีความทรงจำที่ขาดหายไปในบางช่วง แต่บางอย่างก็ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำอันเลือนราง
เช่นเดียวกับภีมพิมลที่ยืนมองพระจันทร์อยู่ตรงระเบียงของคอนโดที่พักแห่งหนึ่งริมทะเลพัทยาซึ่งเธอเช่าเอาไว้เป็นที่พักชั่วคราวเพราะยังไม่กล้าพักในกรุงเทพฯ และตั้งใจว่าถ้าวันนี้พาลูกกลับมาได้ เธอจะพาเขาไปอยู่ด้วยกันที่ต่างจังหวัดให้เร็วที่สุด
แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อของลูกจะอนุญาตให้เธอไปอยู่กับเขาด้วย แต่เธอเชื่อว่าคนฉลาดอย่างเขาต้องมีจุดประสงค์ที่ทำแบบนี้ รวมถึงเรื่องที่เขากล้าบอกลูกว่าเธอเป็นแม่นั่นด้วย
หญิงสาวนึกย้อนไปถึงความทรงจำเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เธอรับ ‘งานพิเศษ’ เพราะความจำเป็น และเป็นงานที่เกือบจะทำลายชีวิตของเขาให้ย่อยยับได้ในพริบตา
ลมเย็นๆ ของช่วงต้นฤดูหนาวเมื่อห้าปีก่อนพัดผ่านหน้าต่างห้องพักเล็กๆ ในอพาร์ตเมนต์เก่าที่เคยอาศัยอยู่ ภีมพิมลนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง เสียงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
เธอรู้ว่าเป็นใคร แม้ไม่เปิดดู...
‘ถ้าไม่ทำตามที่บอก เธอรู้ใช่ไหมว่าผลมันจะเป็นยังไง’
ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวมาหลายวัน ตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนั้นซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มนายทุนใหญ่ที่เป็นผู้สนับสนุนโรงพยาบาลเข้ามาพูดกับเธอตรงๆ
เขาไม่ได้ต้องการเงินจากเธอ แต่เขาต้องการ ‘ภาพลับ’ ที่จะทำลายชื่อเสียงของนายแพทย์เธียรทรรศน์ ธัญญาวัฒนา ซึ่งตอนนั้นเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นรับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล เนื่องจากบิดาของเขาคือประธานกรรมการบริหารของโรงพยาบาลในเครือธัญญาเวช
เธียรทรรศน์เป็นคนที่มีคนเคารพทั้งในวงการแพทย์และสังคมแม้จะยังมีอายุไม่มากเพราะเขาเคยปฏิเสธข้อเสนอทุจริตหลายครั้ง จนกลายเป็นขวากหนามสำคัญของห่วงโซ่อุบาทว์นี้
“เธอสวยพอจะทำให้เขาพลาด…คืนเดียวก็พอ” น้ำเสียงชายคนนั้นเย็นชาอย่างคาดเดาไม่ได้
“ฉันไม่...” เธอพยายามปฏิเสธ แต่ไฟล์ภาพและเอกสารที่เขาวางลงตรงหน้า ทำให้คำพูดติดอยู่ในลำคอ
หลักฐานหนี้สินของครอบครัวตั้งแต่รุ่นบิดาผู้ล่วงลับและความผิดบางอย่างของน้องชายที่อาจพาเขาเข้าคุกหากถูกเปิดโปงออกมา ซึ่งทั้งหมดก็เกิดจากการจัดฉากของคนพวกนี้ทั้งนั้น
“เลือกเอา” เขายิ้มราวผู้ชนะ
“หรืออยากให้ทุกอย่างพังพินาศก็ตามใจเธอ”
ในแววตาของภีมพิมลมีทั้งความกลัวและขมขื่น เธอไม่ได้เกลียดหมอเธียรทรรศน์คนนั้น กลับกัน… เธอเคารพและแอบชื่นชมเขามานานจากระยะไกลเพราะชื่อเสียงของหมอหนุ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
แต่ในค่ำคืนนี้หลังจากได้รับการติดต่อมาแรมเดือน เธอก็ถูกผลักให้เป็นเครื่องมือทำลายคนที่เธอไม่อยากแตะต้องแม้เพียงปลายนิ้ว
โรงแรมหรูใจกลางเมือง
แสงไฟระยิบระยับสะท้อนจากโคมแก้วแชนเดอเลียร์ เสียงดนตรีบรรเลงคลอเบา
นายแพทย์เธียรทรรศน์ยืนรับแขกด้วยรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาคมกวาดมองไปรอบห้องเพื่อเช็กบรรยากาศ งานเลี้ยงฉลองครบรอบแปดสิบปีของโรงพยาบาลควรเป็นเรื่องผ่อนคลาย แต่เขากลับรู้สึกระแวดระวังแปลกๆ
“เป็นอะไรน่ะเธียร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนี้” เสียงคู่สนทนาดังขึ้นซึ่งอีกฝ่ายก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเช่นกัน
“ก็…แค่อยากให้แน่ใจว่างานจะเรียบร้อยน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” เขาตอบสั้นๆ
ในมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง ภีมพิมลสวมชุดราตรีสีน้ำทะเลพอดีตัว ผมยาวถูกรวบอย่างประณีต ดวงตากลมทอดมองชายตรงหน้าอยู่ห่างๆ
หัวใจเธอเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นจากการได้มาร่วมงานเลี้ยงที่หรูหรานี้ แต่เป็นเพราะทุกนาทีที่ใกล้ถึงเวลาลงมือต่างหาก
เธอเดินเข้าไปหาชายคนสนิทของผู้บงการซึ่งก็ไม่รู้ว่าคือใคร รับแก้วแชมเปญที่ถูกส่งให้พร้อมคำพูดสั้นๆ