ตอนที่ 6
ไออุ่นที่แผ่ซ่านเมื่อครู่ค่อยๆ จางหายไปจากร่างกาย ราวกับละอองน้ำที่ระเหย สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกผิดบาปที่หนักอึ้ง และความตื่นตระหนกที่เย็นเยียบจนขนลุกซู่ หัวใจของพริมาเต้นระรัว หอบหายใจถี่แผ่วอยู่ในอ้อมกอดของภาสกร
ความสุขสมที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น...ราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่กัดกินใจ เธอเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้ความปรารถนาชั่ววูบนำพาไปสู่สิ่งที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้
ความกลัวที่แล่นริ้วไปทั่วร่าง มันรุนแรงจนแทบจะหายใจไม่ออก พริมาหวาดหวั่นเหลือเกิน ภาสกรไม่ใช่หนุ่มโสดเขามีภรรยาอยู่แล้ว และตอนนี้ก็เกือบจะรุ่งสาง เธอกลัวว่าคุณแม่ของเธอจะตื่นขึ้นมา แล้วพบเห็นภาพอันน่าอับอายเช่นนี้ ภาพที่ลูกสาวนอนเปลือยกายแนบชิดอยู่กับชายอื่นในห้องนอนเล็กๆ แห่งนี้ ความคิดนี้ทำให้เธอตัวสั่นเทิ้ม ความละอายถาโถมเข้ามาจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“คุณภาส... คุณภาสคะ” พริมากระซิบเรียกเสียงเบา
“พอแล้วค่ะ...จะตีห้าแล้ว คุณต้องรีบออกไปตอนนี้... ก่อนที่แม่จะตื่น” เธอดันแผงอกเขาเบาๆ เป็นเชิงให้ขยับออกไป แต่ภาสกรกลับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น และซบหน้าเข้ากับซอกคอของเธออย่างพึงพอใจ
“อีกเดี๋ยวสิครับ...ผมขอผมนอนกอดคุณแบบนี้อีกสักแป๊บ” เสียงของเขาพร่าเล็กน้อย แสดงถึงความอิดโรยหลังความสุขสมเมื่อไม่นานมานี้
“ไม่ได้นะคะ..คุณภาส!” พริมาเริ่มเสียงดังขึ้นเล็กน้อยด้วยความร้อนใจ แต่ก็รีบหรี่เสียงลงเมื่อนึกได้ว่าจีน่านอนหลับอยู่ข้างๆ
“แม่ฉันใกล้จะตื่นแล้วค่ะ... แม่จะชวนฉันไปตลาดแต่เช้า... ถ้าแม่มาเห็น... จะให้ฉันตอบแม่ว่ายังไงคะ!”
เธอพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอดเขา แต่ภาสกรก็ยังคงรั้งเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“คุณก็ออกไปรอก่อนที่คุณแม่จะตื่นสิครับ แล้วก็บอกท่านว่า...ที่ผมต้องมานอนในนี้ ก็เป็นเพราะคุณกลัวน้องจีน่าจะตื่นมา...แล้วไม่เจอใคร” ภาสกรรีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คล้ายกับว่ามันเรื่องเล็กน้อย และไม่ได้ตระหนักถึงความกังวลของหญิงสาวในอ้อมกอดเลยแม้แต่น้อย
พริมาได้แต่กัดริมฝีปากแน่น มองความมืดสลัวภายนอกที่เริ่มมีแสงจางๆ ของรุ่งเช้าที่เริ่มจะปรากฏขึ้น ความพยายามทั้งหมดไร้ผล เธอมิอาจต้านทานแรงของเขาได้ สุดท้ายก็ทำได้เพียงนอนนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกท้อแท้เข้าครอบงำ
รอยยิ้มหวานละมุนแต้มบนใบหน้าของภาสกรเมื่อสังเกตเห็นท่าทีเงียบงันคล้ายแอบงอนของพริมา เขายื่นมือไปคว้ามือเรียวบางของเธออย่างถือวิสาสะ หมายจะนำทางให้สัมผัสกับความเป็นชายที่กำลังตื่นตัว ทว่า... เพียงปลายนิ้วแตะต้อง พริมาก็รีบสะบัดมือกลับทันที ราวกับสัมผัสโดนของร้อน
แววตาของเธอแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย เจือด้วยความไม่พอใจที่ถูกล่วงล้ำอย่างจาบจ้วง แม้ภายในใจจะยังคงมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ แต่สติสัมปชัญญะก็สั่งให้เธอต้องหยุดยั้งการกระทำที่อาจนำไปสู่ความผิดพลาดอีกครั้ง
ครู่ต่อมา สิ่งที่แข็งขืนและร้อนระอุภายใต้ผืนผ้าก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างชัดเจน มันสัมผัสเข้ากับร่องก้นนุ่ม ๆ ของพริมาอย่างจัง สร้างความตกใจให้หญิงสาวจนต้องรีบยกมือขึ้นมาขวางกั้นตามสัญชาตญาณ
ทว่า...เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับความแข็งกร้าวที่เต้นตุบๆ นั้น สัญชาตญาณอีกด้านหนึ่งก็เริ่มทำงาน มือที่อ่อนนุ่มของพริมาค่อยๆ เปลี่ยนจากการขัดขวางเป็นการสัมผัสและบีบเฟ้นอย่างแผ่วเบา ราวกับต้องมนต์สะกด
สัมผัสที่ไม่คาดฝันนั้นทำเอาเปลือกตาของภาสกรปิดลงทันที เขาซูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย แอ่นสะโพกน้อยๆ เพื่อส่งมอบความรู้สึกเสียวซ่านที่กำลังก่อตัว ให้ปลายนิ้วของเธอได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดถึงความปรารถนาที่กำลังปะทุ
ยิ่งปลายนิ้วเรียวบีบเฟ้นหนักขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกเสียวซ่านในกายของภาสกรก็ยิ่งทวีคูณราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ ความปรารถนาที่ซ่อนลึกในจิตใจของพริมาก็เริ่มปะทุขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
แต่ด้วยความตระหนักถึงรุ่งอรุณที่ใกล้เข้ามาทุกที หญิงสาวจึงตัดสินใจทำบางอย่างอย่างรวดเร็ว เธอค่อยๆ ทรุดกายลงขึ้นนั่งคุกเข่า ใบหน้าสวยหวานค่อยๆ โน้มต่ำลงสู่จุดหมายที่ปรารถนา
ริมฝีปากอิ่มชุ่มเปิดออกอย่างเชี่ยวชาญ ครอบคลุมแท่งเอ็นร้อนที่เต้นตุบๆ นั้นอย่างแนบสนิท เธอใช้เรียวลิ้นโลมเลีย ดูดดึง กลืนกินความปรารถนาที่กำลังปะทุของเขาอย่างตั้งใจ
ขณะที่ริมฝีปากและลิ้นทำงานอย่างขะมักเขม้น พริมาก็เงยหน้าขึ้นสบตาภาสกร แววตาของเธอเจือด้วยความยั่วยวนร้อนแรง ปนกับความเร่งรีบที่จะปลดปล่อยทุกสิ่งก่อนใครจะล่วงรู้ แก้มเนียนใสยุบลงเป็นรอยบุ๋มเล็กน้อยตามจังหวะการดูดดึงอันเร่าร้อน
ลีลาอันจัดจ้านเกินความคาดหมายของคุณแม่ลูกหนึ่ง ทำเอาเสียงครางต่ำลึกพลันดังกระหึ่มก้องในลำคอแกร่งของภาสกร ขาทั้งสองข้างสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ความสุขสมที่เอ่อล้นจนแทบจะทานทนไม่ไหว จวนเจียนจะระเบิดออกมาในวินาทีถัดไป
และแล้ว... ปลายทางแห่งความปรารถนาก็พรั่งพรูออกมาเป็นสายธารอุ่นๆ สู่โพรงปากนุ่มหยุ่นของเธอ พริมาโอบรับรสสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ เธอดูดกลืนทุกหยาดหยดอย่างไม่รังเกียจ ราวกับต้องการเก็บเกี่ยวความสุขสมของเขาไว้แต่เพียงผู้เดียว ลำคอระหงกลืนไหวเป็นจังหวะแผ่วเบา
ทุกอย่างสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นความลับที่ต้องรีบเร่งกระทำก่อนแสงอรุณจะสาดส่องเต็มบานหน้าต่าง ไม่ถึงสิบนาทีดี... ภารกิจรักเร้นลับยามเช้าก็จบลงด้วยความเร่าร้อนและเปี่ยมด้วยตัณหาที่ถูกปลดปล่อย ทิ้งไว้เพียงไออุ่นและความเหนื่อยอ่อนจางๆ ในห้องนอนเล็กๆ แห่งนั้น
ไม่ทันที่ความรู้สึกผิดจะจางหายไป เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังมาจากอีกฝั่งของห้อง หัวใจของพริมาเต้นระรัวราวกับกลองศึก! ความตื่นตระหนกแล่นปราดไปทั่วร่าง
พริมาสะดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นพรวดพราด สลัดอ้อมแขนที่ยังคงกักขังเธอไว้อย่างรวดเร็ว
“ปล่อยค่ะ..คุณภาส ฉันต้องไปตลาดกับแม่” เธอเอ่ยเสียงเรียบ ตัดบทความปรารถนาอันเร่าร้อนที่กำลังจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งจากความไม่รู้จักพอของชายหนุ่ม
ภาสกรขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววประหลาดใจระคนเสียดาย เขาลุกขึ้นนั่ง มองตามร่างบอบบางที่ลุกออกจากมุ้งไปอย่างรวดเร็วราวกับมีเงาตามตัว
พริมามือไม้สั่น รีบสวมเสื้อผ้าและจัดผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างลวกๆ หวังเพียงให้ดูเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้ภาสกรนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดสลัวเพียงลำพัง
บริเวณชานนอกบ้าน คุณปราณีกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมตะกร้าเพื่อไปจ่ายตลาดเช้า แสงเรืองรองของรุ่งอรุณเริ่มทอประกายอ่อนๆ เมื่อเห็นพริมาเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าซีดเซียวราวกับคนไม่ได้นอน คุณปราณีก็ชะงักมือ มองลูกสาวด้วยความสงสัย
“เมื่อคืนคุณภาสเค้าไม่ได้นอนตรงนี้เหรอลูก?” คำถามเรียบ ๆ ของผู้เป็นมารดาราวกับมีดกรีดลงกลางใจ พริมาสูดหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมสติ และเตรียมคำโกหกที่ภาสกรเคยแนะไว้ในยามคับขัน ก่อนจะเค้นเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุดแล้วเอ่ยออกไป...
“หนูมาปลุกเค้าเมื่อกี้นี้ค่ะ พอดีกลัวจีน่าตื่นมาแล้วไม่เจอหนู จะร้องไห้เอา”
“อ๋อ” ผู้เป็นมารดาฟังแล้วยิ้มอย่างรู้ทัน สายตาอบอุ่นมองมาที่บุตรสาวนั้นเต็มไปด้วยความเข้าใจในแบบของคนผ่านโลกมามาก
“ถ้าหนูไม่สะดวก แม่ไปเองก็ได้นะ แม่ขับมอไชค์ไปทุกวันอยู่แล้ว” คุณปราณีบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูยืมรถคุณภาสไว้แล้ว”
“ป่ะ งั้นก็ไปกันลูก” คุณปราณีเดินนำออกไป พริมาเดินตามหลังแม่ไปเงียบๆ ทิ้งให้ภาสกรยังคงอยู่ในบ้านกับจีน่าที่ยังหลับอยู่ แม้จะรอดพ้นจากการถูกแม่จับได้คาหนังคาเขา แต่คำพูดของผู้เป็นมารดาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว และความรู้สึกผิดก็ยังคงตามหลอกหลอนเธอ