ตอนที่ 3
บ่ายวันศุกร์
รถยนต์คันหรูของภาสกรจอดเทียบฟุตบาทหน้าหอพักเล็ก ๆ พริมาเดินออกมาจากตัวอาคาร เธอในชุดเดรสสั้นเข้ารูปสีขาวเรียบๆ แต่ขับเน้นทรวดทรงองค์เอวให้ดูชัดเจน ผมยาวสลวยถูกจัดทรงอย่างสวยงาม ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างเป็นธรรมชาติแต่ดูมีเสน่ห์ รูปร่างสมส่วน คางเรียวสวยรับกับลำคอระหง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจในแบบฉบับของเธอ
ภาสกรที่นั่งรอรออยู่ในรถ มองหญิงสาวที่เดินออกมาถึงกับตาค้าง อดใจไม่ไหวกับความสวยและทรวดทรงที่เย้ายวนของเธอ เขารีบลงจากรถทันที
“สวัสดีครับ คุณพริมา”
“สวัสดีค่ะ ไปกันเลยมั้ยคะ”
“ครับ เชิญครับ” ภาสกรรีบเปิดประตูรถให้พริมา ก่อนที่เขาจะอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ไฮโซหนุ่มแอบเหลือบมองพริมาอย่างพิจารณาอีกครั้ง พร้อมกับแววตาเต็มไปด้วยความต้องการอย่างเปิดเผย
“วันนี้คุณพริมา... ดูสวยเป็นพิเศษเลยนะครับ สวยจนผมแทบจำไม่ได้” หญิงสาวยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณค่ะ”
สองชั่วโมงต่อมา
รถยนต์คันหรูของภาสกรก็แล่นมาจอดภายในโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง พริมาลงจากรถด้วยท่าทีรีบร้อน เธอเห็นพิธีที่กำลังเริ่มมาได้สักพัก จึงรีบเดินไปบอกคุณครู ที่ดูแลกิจกรรมงานวันพ่อ พริมาและภาสกรมาทันในช่วงสุดท้ายของพิธีพอดี
“จีน่า! แม่มาแล้วลูก!” เด็กน้อยเห็นแม่ ก็วิ่งเข้ามากอดพริมาแน่น ด้วยความดีใจสุดขีด
“คุณแม่ขา! จีน่าคิดถึงแม่ที่สุดเลย!”
“แม่ก็คิดถึงหนูค่ะ” พริมากอดลูกสาวไว้แนบอก น้ำตาคลอเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิดและดีใจในเวลาเดียวกัน จีน่าเหลือบไปเห็นภาสกรที่ยืนอยู่ข้างๆ พริมา
“คุณแม่พาคุณพ่อมาหาจีน่าแล้วใช่มั้ยคะ” พริมาอึกอักเล็กน้อย ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดี ภาสกรยิ้มให้จีน่าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยปากเป็นคุณพ่อจำเป็นได้อย่างแนบเนียน
“สวัสดีครับน้องจีน่า คุณพ่อมาทันเวลามั้ยครับ” จีน่ามองหน้าภาสกรครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาถามพริมาด้วยความไร้เดียงสา
“คนนี้... เป็นคุณพ่อของหนูเหรอคะ..คุณแม่?” คำพูดของจีน่าทำให้พริมาถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่แล้วครับ คุณพ่อ..เป็นคุณพ่อของหนูไงครับ” ภาสกรรีบย้ำอีกครั้ง แล้วรีบสวมบทบาทเป็นคุณพ่อจำเป็นทันที ก่อนจะย่อตัวลงแล้วยิ้มให้จีน่าอย่างอบอุ่น แววตาเจ้าเล่ห์ไม่ได้ฉายออกมาให้เด็กเห็น
“มาครับ...มาให้คุณพ่อกอดหน่อยสิครับ จีน่า!!” เด็กน้อยยิ้มกว้างจนแก้มปริ ก่อนจะโผเข้ากอดภาสกร โฮโซหนุ่มรีบกอดเด็กน้อยเอาไว้หลวม ๆ
พริมามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน ทั้งโล่งใจและดีใจ และรู้สึกผิดอย่างรุนแรงกับการโกหกที่ภาสกรเป็นคนเริ่ม
เด็กน้อยดีใจสุดๆ ก่อนจะรีบตะโกนบอกเพื่อน ๆ ด้วยความดีใจ
“เย้ๆ จีน่ามีพ่อแล้ว!!”
รถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านไม้สักหลังเก่าที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายและความทรงจำในวัยเด็กของพริมา แสงตะวันยามเย็นสีส้มทองทาบทอเรือนไม้สักให้ดูอบอุ่น พริมาพาน้องจีน่าบุตรสาวที่กระโดดโลดเต้นลงจากรถอย่างร่าเริง พร้อมแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างภาสกร ทั้งสามคนเดินมาจนถึงบันไดขึ้นบ้าน
คุณปรานีคุณแม่ของพริมาปรากฏกายตรงบันได ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่ได้เห็นหน้าลูกสาว พร้อมกับกวาดสายตาอย่างใคร่ครวญไปยังบุรุษแปลกหน้า ดวงตาคู่คมของวัยกลางคนทอดมองภาสกรอย่างพิจารณา
“อ้าว!! ยัยปริมมาถึงแล้วเหรอลูก! เอ่อ..แล้วนี่!!...” ก่อนที่หญิงชรา มารของพริมาจะได้เอ่ยถามจนจบ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยก็ดังขึ้นทำลายความสงสัยนั้นเสียก่อน ซึ่งมันก็เป็นคำตอบได้อย่างดี
“คุณยายขา! หนูมีพ่อแล้วค่ะ!!” คำพูดไร้เดียงสานั้นราวกับคมมีดกรีดลงกลางใจของพริมา ใบหน้าสวยซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด เธอหันไปมองหน้าผู้เป็นมารก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ แล้วหันมาใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง ภาสกรเห็นท่าทีของพริมา ก็รีบเข้ามาสวมบทบาทอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจบอกกับผู้เป็นมารดา
“แม่คะ... นี่คุณภาสค่ะ...” เขายิ้มอย่างนุ่มนวล ก่อนจะยกมือใหว้ทักทายหญิงสูงวัยอย่างนอบน้อม คุณปราณีมองสลับทั้งสองคนด้วยความตกตะลึงชั่วขณะ
“สวัสดีครับคุณแม่” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาเจือไปด้วยความสุภาพจนน่าประทับใจ เรียกคะแนนจากแม่ของพริมาได้อย่างง่ายดาย
“เชิญค่ะ เชิญขึ้นบ้านก่อน แม่ทำกับข้าวไว้รอแล้วล่ะ” หญิงวัยกลางคนยังคงทำตัวไม่ถูก ที่อยู่ดี ๆ แขกไม่ได้รับเชิญก็มาเยือนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในห้วงความคิดของคุณปราณี ภาพต่างๆ ก็ประติดประต่อกันอย่างรวดเร็ว ท่าทีสุภาพของชายหนุ่ม คำพูดของหลานสาวที่บอกว่ามีพ่อ ทุกอย่างบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกัน รอยยิ้มแห่งความยินดี ความโล่งใจ และความหวังจึงค่อยๆ คลี่คลาย หลังจากเคยกังวลเรื่องลูกสาวมานาน
“มาค่ะ ๆ ขึ้นมาข้างบนบ้านกันก่อน” ความยินดีฉายชัดในแววตา หญิงชราที่รีบผายมือเชื้อเชิญด้วยความกระตือรือร้น ดีใจแทนลูกสาวที่มีชายหนุ่มมาดูแลเธอเสียที แถมดูจากรถราที่เขาขับมาแล้วก็คงมีฐานะพอสมควร
เมื่อทั้งสามก้าวขึ้นมาบนบ้าน ภาสกรก็เริ่มสำรวจสายตากวาดมองไปรอบๆ บ้าน บรรยากาศภายในบ้านไม้สักที่มีใต้ถุนยกสูงหลังนี้อย่างสนอกสนใจ แตกต่างจากความหรูหราที่เขาคุ้นเคย แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“ตามสบายนะคะ เดี๋ยวแม่ขอตัวเข้าครัวก่อน ตั้งหม้อแกงทิ้งเอาไว้”
“อ๋อ...เชิญครับคุณแม่” ภาสกรตอบก่อนจะยิ้มให้หญิงชรา ที่เดินจากไป
“ผมเพิ่งรู้นะครับเนี่ย!!!...ว่าคุณพริมามีชื่อเล่นว่าปริม” ภาสกรเอ่ยขึ้น ทำให้พริมารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“อ๋อ... ค่ะ ชื่อนี้มีแต่คนในครอบครัวฉันเท่านั้นที่เรียก คุณภาสเรียกพริมาเหมือนเดิมก็ได้ค่ะ”
“คุณแม่ของคุณท่านอยู่คนเดียวเหรอครับ” ภาสกรถามต่อ
“ค่ะ ฉันมีน้องชายอีกคน แต่เค้าไปทำงานที่เกาหลี ไม่ค่อยได้กลับมาหรอกค่ะ” พริมาตอบ
“บรรยากาศแถวนี้เงียบสงบดีนะครับ... เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ สงสัยว่าผมต้องหาโอกาสมาบ่อย ๆ ซะแล้ว” ภาสกรพูดพลางเหลือบมองพริมาด้วยแววตาที่มีประกายบางอย่าง
“จัดที่นอนให้คุณภาสเค้าหรือยังล่ะ ยัยปริม” เสียงของมารดาดังมาจากอีกฝั่งของบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เอาไว้สำหรับทำครัว
“อ๋อ!!!..ผมนอนที่ระเบียงก็ได้ครับ...คุณแม่ มันเย็นดี” ภาสกรรีบเอ่ยตอบอย่างเกรงใจ ไม่อยากให้เจ้าของบ้านต้องลำบากจัดเตรียมที่พักให้วุ่นววาย
“ด้านนอกคุณว่า...เค้าเรียกว่าชานค่ะ คล้าย ๆ กับระเบียงนั่นแหละค่ะ แต่มันกว้างกว่า” พริมาเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง
“อ๋อ ใช่ ๆ ผมลืมไปตามชนบทเค้าจะเรียกกันแบบนี้”
“ค่ะ..แต่ชาน...ตามพื้นที่แถวชนบท มันหมายถึงพื้นที่กว้าง ๆ ที่เชื่อมต่อจากตัวบ้าน ไม่เหมือนเฉลียงกับระเบียงนะคะ เป็นพื้นที่นั่งเล่นไม่มีหลังคาคลุม ให้ความรู้สึกที่เปิดโล่งและใกล้ชิดกับธรรมชาติค่ะ”
พริมามองไปยังพื้นที่ที่ภาสกรเรียกชื่อผิดเมื่อสักครู่ ก่อนจะแสงแดดยามเย็นสาดส่องลงมากระทบพื้นไม้
“ก็แบบนี้ไงครับ ผมถึงอยากนอนตรงนั้น จะได้นอนดูดาวไปด้วย”
หลังจากคุณปราณีทำอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็เดินมาเล่นกับหลานสาว น้องจีน่าก็รีบยื่นสมุดวาดเขียนเล่มน้อยให้กับคุณยายปราณี ดวงตาใสแจ๋วเป็นประกาย
“คุณยายขา คุณยาย! นี่รูปที่จีน่าวาดค่ะ!”
บนหน้ากระดาษปรากฏภาพวาดลายเส้นง่ายๆ ทว่าเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ เด็กหญิงบรรจงวาดรูปผู้หญิงสองคนยืนจับมือกัน เส้นดินสอสื่อถึงความผูกพันแนบแน่น เหนือศีรษะมีดวงใจดวงน้อยๆ ลอยเด่นอยู่ คุณปราณีรับสมุดมาพิจารณาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาคู่เก่าทอประกายแห่งความรักใคร่
“โอ้โห! เก่งจังเลยหลานยาย!!! สวยมาก ๆ เลย แต่เอ้..แล้วสองคนในรูปนี่ใครกันเอ่ย?” คุณยายเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงเอ็นดู น้องจีน่ายิ้มเขินๆ ก่อนจะรีบตอบคุณยาย
“ก็... จีน่ากับคุณแม่ไงคะ!” คุณปราณีเงยหน้าขึ้นมองไปยังพริมาบุตรสาว แววตาปลื้มปริ่มอย่างเห็นได้ชัด
“ดูสิ! ยัยปริม” พริมายิ้มบางๆ ทอดสายตาไปยังลูกสาวตัวน้อย ความรู้สึกผิดเล็กน้อยแล่นริ้วในอกที่ต้องพราดวงใจดวงน้อยมาเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สมควรจะเป็น... สถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าเด็กน้อยวัยห้าขวบจะเข้าใจได้อย่างหมดจด พอผู้เป็นยายพาหลานสาวไปวาดรูปต่อ ภาสกรจึงหันมาคุยกับพริมาแทน พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏกับคำพูดทีเล่นทีจริงของเขา
“ห้องนอนมีแค่สองห้องเอง...ผมขอนอนห้องคุณได้มั้ยครับ?” คำพูดนั้นทำให้พริมาถึงกับเบิกตาโต หน้าร้อนผ่าว
“จะบ้าหรือไงคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย!” พริมาตอบเสียงขุ่นทันที ภาสกรเห็นท่าทางตกใจของพริมาก็หัวเราะเบาๆ
“โอเค ๆ ครับ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ”
คุณปราณีมองทั้งคู่อยู่ตรงชานหน้าบ้านอย่างพิจารณา เธอรู้สึกดีที่เห็นพริมามีใครสักคนที่พร้อมจะดูแล และเข้าใจว่าภาสกรจะต้องเป็นคนรักของลูกสาวอย่างแน่นอน
ช่วงหัวค่ำคุณปราณี กับพริมาก็ช่วยกันจัดเตรียมสำรับกับข้าววางเรียงราย กลิ่นหอมฉุยของอาหารไทยบ้านๆ ลอยเตะจมูก มีทั้งแกงป่าไก่รสจัดจ้าน ที่ซดน้ำคล่องคอ น้ำพริกกะปิ เสิร์ฟพร้อมผักสดนานาชนิดและปลาทูทอดตัวอวบอ้วน เป็นปลาทูทอด ที่ทอดจนเหลืองกรอบน่ากิน และต้มจืดเต้าหู้หมูสับเมนูโปรดของจีน่าหลานสาว
ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกันที่โต๊ะไม้ภายในบ้าน คุณปราณีตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างยิ้มแย้ม จีน่าดูมีความสุขเป็นพิเศษ หนูน้อยนั่งข้างคุณแม่ และชี้ชวนให้ภาสกรชิมอาหารโน่นนี่อย่างสนิทสนม โดยเรียกภาสกรว่า ‘คุณพ่อ’ อย่างเต็มปาก ทำให้คุณปราณียิ่งปลื้มใจและยิ้มไม่หุบ ขณะที่พริมาได้แต่มองหน้าลูกสาวและภาสกรสลับกันไปมา พร้อมกับรู้สึกผิดในใจกับการแสดงบทบาทที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของภาสกร ซึ่งไฮโซหนุ่มเองก็ทำตัวได้ดีเยี่ยมในสายตาของคุณปราณี เขาชิมอาหารทุกอย่าง และชมว่าอร่อยมากๆ
ภาสกรคอยดูแลตักนั่นตักนี่ให้พริมาและจีน่าอย่างเอาใจใส่ พร้อมพูดคุยอย่างสุภาพและเป็นกันเอง จนทำให้คุณปราณีเชื่อสนิทใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นเหมาะสมที่จะเป็นพ่อที่ดีของหลานสาวและสามีที่ดีของพริมา