ตอนที่ 12 แม่บ้านจำเป็น
หลังจากการถ่ายแบบและทำคลิปโฆษณาแอมบาสเตอร์ของมหาวิทยาลัยได้จบลง หนูยิ้มก็ไม่ได้เข้าใกล้วาตะอีก แม้ว่าหนูยิ้มจะพยายามไปดักรอวาตะในที่ต่าง ๆ แต่พออีกฝ่ายเห็นเธอก็ทำเป็นไม่สนใจ เรียกว่าหนทางจะทำคะแนนจีบวาตะแทบเป็นศูนย์
“ดูทำหน้าเข้า บอกแล้วว่าพี่วาตะไม่มา” น้อยหน่าพูดขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนสนิทที่มุ่ยลงเอาต่อมองตรงไปยังตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ของวาตะ
“วันนี้น่าจะเสียเที่ยวจริง ๆ” หนูยิ้มคอตกทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่ตัวเองนั่งเฝ้ามาหลายชั่วโมงไม่ได้เข้ามาที่คณะ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ” หนูยิ้มนั่งอยู่อีกหลายนาที ก่อนจะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทางโผล่มาให้ได้เห็นเหมือนอย่างที่หวัง
“ตกลงเรื่องที่จะเข้าหาพี่วาตะนี่จริงจังใช่ไหม”
“ใช่”
“อ้ะ” น้อยหน่าที่ได้ยินคำตอบของเพื่อนสนิทก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้หนูยิ้ม
“อะไรเหรอ”
“ที่สนามแข่งเขาเปิดรับแม่บ้าน เข้าไปดูแลเพนท์เฮาส์ของเจ้าของสนามแข่ง”
“เราอยากเข้าหาพี่วาตะไม่ได้อยากทำงาน”
“ยัยหนูยิ้ม ยัยโง่ แกอยากเข้าหาพี่วาตะแล้วรู้อะไรเกี่ยวกับพี่เขาบ้างไหม เอาแบบรู้ข้อมูลพี่เขาตอนนี้น่ะ แกรู้อะไรบ้าง ไหนเหลามาสิเพื่อนสาว” หนูยิ้มส่ายใบหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบให้เพื่อนสนิทของเธอ
“เพนท์เฮาส์ที่ว่าเนี่ย พี่วาตะเป็นเจ้าของรวมถึงสนามแข่งนั้นด้วย” น้อยหน่าค่อยๆบอกข้อมูลให้หนูยิ้มฟัง
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นเราไปสมัครงานได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้ พอดีว่าได้แม่บ้านไปแล้ว”
“อ้าว แล้วจะเอามาให้เราดูทำไม” หนูยิ้มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อนสนิท
“แกนี่นะ...แล้วซื่อจริง ๆ ถ้าอยากเข้าหาพี่วาตะก็ต้องโผล่หน้าไปหาพี่เขาค่ะ”
“ก็ใช่ไง จะเข้าไปยังไงเล่า”
“งั้นก็ควรพาตัวเองเข้าบ้านพี่วาตะสิถูกไหม” หนูยิ้มพยักหน้ารับคำพูดของเพื่อนสนิทพร้อมมองใบหน้าของอีกฝ่ายราวกับกำลังรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องดักดีลกับแม่บ้าน แค่จ่ายเงินให้แม่บ้าน แล้วเข้าไปทำงานแทน อีกอย่างถ้าจะเข้าไปทำงานเลย พอดีมหา’ลัยไล่เธอออกก่อนแน่ ๆ ต้องไปทำวันที่แกไม่มีเรียน ” น้อยหน่ารู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังบอกให้เพื่อนทำมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่เธอไม่อยากให้หนูยิ้มต้องมานั่งรอแบบหวังลม ๆ แล้ง ๆ แบบนี้แล้ว
หลังจากที่หนูยิ้มรับฟังแผนการของน้อยหน่าอย่างละเอียดแล้ว หนูยิ้มก็เริ่มลงมือโดยการไปดังรอแม่บ้านที่ทำงานให้กับวาตะทันที
ซึ่งตอนแรกอีกฝ่ายจะไม่ยอมทำตามเพราะถ้าถูกจับได้เธอจะถูกไล่ออก แต่หนูยิ้มกลับเสนอเงินให้เธอในจำนวนมาก ทำให้อีกฝ่ายยอมตกลง
“แล้วแกรู้ได้ยังไงน้อยหน่า เล่ามาเลย ไม่เอาข้อมูลขนาดนี้มาได้ยัง” หนูยิ้มอดสงสัยไม่ได้จึงถามน้อยหน่าออกไป
“เพื่อนที่เล่นเกมส์ด้วยกันพอดีเขาคุ้นเคยกับสนามแข่ง เลยถามมาให้”
“แล้วแกเซฟตัวเองดีใช่ไหม เพื่อนในเกมส์ไว้ใจได้ไหม”
“ก็แค่เล่นเกมส์ทีมเดียวกันแล้วเราก็ไม่ได้บอกว่าเป็นผู้หญิงน่ะ”
“โอเค เล่นเกมส์ก็อย่าเสียการเรียนล่ะ”
“แกก็รู้ว่าเราหาเงินจากสตรีมเกมส์” น้อยหน่ามีรายได้จากการสตรีมเกมส์ที่เป็นช่องของเธอเองแต่ไม่ได้เปิดเผยตัวตน
“จ้า แม่คนเก่ง ”
อาทิตย์ต่อมา
ทางด้านของวาตะตอนนี้เขาก็ยังคงใช้ชีวิตปกติแต่ที่ดูเหมือนจะทำให้เขารู้สึกแปลกไปคือคนที่เคยมาดักรอเขากลับหายไปอย่างไม่มีวี่แววเลย หนูยิ้มหายไปจากวงจรชีวิตของเขามาได้ 1 สัปดาห์แล้ว
“มองหาอะไรว่ะ” อคิณณ์เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นวาเพื่อนของเขากำลังมองหาอะไรบ้างอย่างอยู่หน้าตึกคณะ ซึ่งตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว
“ไม่มีอะไร”
“ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่ามองหาน้องลูกครึ่งคนสวยคนนั้นหรอกคะ” โจฮันเดินเข้ามากอดคอของวาตะก่อนเอ่ยแซวเพื่อนออกมา
“จะว่าไปไม่เจอมาจะอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ” ธามเอ่ยเสริมออกมา เพราะเขาไม่เจอหนูยิ้มมาเป็นอาทิตย์แล้ว
“กูว่านะ น่าจะมีแฟนไปแล้วแหละ สวยขนาดนั้น ใครจะมานั่งรอคนอย่างไอ้วาตะดีที่หล่อแต่สันดานแบบนี้เป็นกู กูก็ไม่เอา” คำพูดของโจฉฮันทำเอาวาตะทั้งโมโห ทั้งหงุดหงิดมากกว่าเดิม
หึ…ยัยคนหลอกลวง ไหนบอกว่ารักไหนบอกว่ารอมาตลอดวะ
“วาตะ วาตะ…ไอ้วาตะ” ธามเรียกเพื่อนที่อยู่ ๆ ก็เงียบไปด้วยเสียงที่ดัง ทำเอาวาตะถึงกับสะดุ้ง
“เป็นอะไร อยู่ ๆ ก็เรียกกูเสียงดัง” วาตะมองใบหน้าของวาตะอย่างไม่เข้าใจ
“มึงอะเป็นอะไร กูเรียกตั้งนาน ไม่ใช่เหม่อคิดถึงน้องหนูยิ้มอยู่หรอกนะเว้ย”
“ประสาท” วาตะเอ่ยด่าเพื่อนสนิทก่อนจะเดินตรงยังรถของตัวเองด้วยท่าทีหัวเสีย อารมณ์ของเขาตอนนี้เรียกว่าเสียขั้นสุด
ทางด้านของหนูยิ้ม
วันนี้เธอตั้งใจมาดักรอแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดเพื่อทำการดีลงานเพราะอย่างไรแล้วหนูยอ้มก็ไม่อยากให้แม่บ้านต้องเดือนร้อนทีหลังจึงจำเป็นต้องมีการพูดคุยก่อน
“สวัสดีค่ะคุณป้าแม่บ้าน คือหนูชื่อหนูยิ้ม หนูอยากเข้าไปทำความสะอาดที่เพนท์เฮาส์แทนคุณป้าโดยที่คุณป้ารับเงินค่าจ้างปกติแล้วหนูให้คุณป้าเพิ่มอีก 1000 บาท คุณป้าสนใจไหมคะ” หนูยิ้มเข้าไปแนะนำตัวเองและวันนี้เธอเลือกใส่ชุดนักศึกษามาก่อน
“ป้าจะแน่ใจได้ยังไงว่าหนูจะไม่ใช่มิจฉาชีพ เผื่อเข้าไปในบ้านนั้นแล้วทำให้ป้าเดือดร้อน”
“สำเนาบัตรนักศึกษาของหนูค่ะ หนูอยากเข้าไปเพื่อ...”
“ป้าตกลงค่ะ แต่ขอรับเงินก่อนได้ไหม ป้าจำเป็นต้องใช้เงินทันทีแถมตอนนี้ แม่ของป้าไม่สบายป้าก็อยากกลับบ้านไปดูแล” ป้าแม่บ้านบอกความจริงอย่างซื้อตรงกับหนูยิ้มเพราะเธออยากกลับบ้านไปดูแลแม่ที่ป่วยเช่นกัน
“ได้ค่ะป้านี่เงิน 1000 บาทค่ะ” หนูยิ้มหยิบเงินจากกระเป๋าแล้วยื่นให้คุณป้าแม่บ้าน
“หนูยิ้ม นี่เป็นเอกสารที่ระบุว่าจะทำงานส่วนไหน และทำงานวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ต้องทำงานให้เสร็จก่อนบ่ายสี่โมงเย็นนะคะ” ป้าแจ้งรายละเอียดงานและเอกสารที่ทางเจ้าของบ้านแจ้งไว้
“ได้ค่ะป้า หนูยิ้มจะไม่ทำให้ป้าเดือดร้อนค่ะ”
“ป้าขอบคุณหนูมากๆนะคะ”
หนูยิ้มยิ้มให้ป้าแม่บ้านก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกจากันไป หนูยิ้มหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการใส่หมวกปิดแมสทันทีก่อนเดินเข้าสนามแข่งรถและมุ่งหน้าเป็นทางเพนท์เฮาส์ของวาตะ
การทำความสะอาดวันนี้ราบรื่นเพราะเหมือนว่าช่วงเวลาที่เข้าไปเป็นคนที่วาตะไม่อยู่ หนูยิ้มสำรวจเพนท์เฮาส์ เดาความชอบของวาตะจากของสะสม เธอไม่ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ดู โดยที่ตั้งใจว่าจะไม่มีการเผยแพรืเด็ดขาด
สองสัปดาห์ต่อมา
วันนี้หนูยิ้มต้องไปทำความสะอาดที่เพนท์เฮาส์ของวาตะ ซึ่งปกติเธอจะไปทำงานความสะอาดที่เพนท์เฮาส์ในวันที่ไม่มีเรียนหรือไม่ก็เป็นช่วงบ่ายหลังเลิกเรียน แต่วันนี้เธอกลับเรียนล่วงเวลาจนเป็นช่วงเย็นของวัน ทำให้งานบ้านที่เธอต้องทำเหมือนดูจะช้ากว่าทุกวัน
ซึ่งการมาทำงานความสะอาดที่เพนท์เฮาส์ของวาตะหนูยิ้มเจอวาตะแบบผ่าน ๆ เพียงไม่กี่ครั้ง อีกอย่างเธอจะปิดแมสปิดบังใบหน้าและสวมหมวกคลุมผมตลอด และเวลาเจออีกฝ่ายก็จะพยายามหลบเลี่ยงตลอด ทำให้วาตะไม่ได้สงสัยในตัวของแม่บ้านจำเป็นแบบเธอเลย
จากการสอบถามแล้วนั้น แม่บ้านที่เข้ามาทำงานจะเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆนานครั้งจะเป็นคนเดิมที่มาทำงานต่อเนื่อง
“ทำไมวันนี้ยังอยู่อีก” วาตะที่เดินเข้ามาภายในเพนท์เฮาส์แล้วเจอว่าแม่บ้านของเขายังไม่กลับไปทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เย็นมากแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามขึ้น
หนูยิ้มที่ไม่คิดว่าวาตะจะกลับมาตอนนี้ทำได้แค่หลับตาลงพยายามหายใจเข้าออกให้ยาวมากกว่าเดิม เพื่อปรับให้ตัวเองไม่ประหม่าจนแสดงพิรุธออกมา
“เอ่อ…คือว่าวันนี้มาช้าค่ะ” หนูยิ้มพยายามดัดเสียงของตัวเองให้ไม่เหมือนเดิม เพื่อเอ่ยตอบอีกฝ่าย
แม้ว่าวาตะจะสงสัยในท่าทีของอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกมา
“รินน้ำให้ผมแก้วหนึ่ง”
“ได้ค่ะ” หนูยิ้มรีบเดินเข้าไปในห้องครัว เพื่อรินน้ำให้วาตะตามที่ชายหนุ่มต้องการ เมื่อได้น้ำมาแล้วหนูยิ้มได้วางลงตรงหน้าของวาตะโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่ขณะที่หนูยิ้มกำลังจะเดินกลับไปทำงาน วาตะกลับสบสายตาของอีกฝ่ายอย่างบังเอิญและสีของนัยย์ตาคู่นั้นมันชัดเจนเหลือเกิน วาตะได้แต่คิดในใจ
‘นี่เธอกล้ามากนะ...ที่หาทางเข้ามาที่นี่’