สัมผัสแรก

1390 คำ
ตอนที่ 8 สัมผัสแรก ...แต่มือหนากลับตรึงท้าทอยเธอไว้ให้หันหน้ามาใกล้ ก่อนจะโน้มหน้าลงประกบจูบยังเรียวปากอิ่มของเธออย่างหนักหน่วง “อ๊ะ...” เสียงของธารทิพย์ หลุบหายไปในลำคอ และเมื่อเธอเผยอริมผีปากออก ลิ้นสากร้อนก็สอดแทรกเข้ายังโพรงปากนุ่มบดเคล้าดูดดุนตวัดรัดรึงลิ้นเล็ก มือหนาตรึงร่างเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับหนี กลิ่นยาสูบจางๆผสานกับเหล้าต้มจากปลายลิ้นนั้นสร้างความรู้สึกวาบหวามแสนประหลาด มือที่เหมือนจะผลักใสเขาในคราแรก เอื้อมขึ้นโอบต้นคอที่มีปรอยผมหยักศกสลวยไว้แน่น และแอ่นกายเบียดชิดกับแผงกายแน่นเครียดของเขา จูบของนายฮ้อย เร่าร้อนรุนแรงจนร่างบางสั่นระริก “อืม” นายฮ้อยคำรามต่ำในลำคอ ริมผีปากหนาอุ่นบดเคล้าจูบอย่างเนิบนาบความวาบหวามจากรสสัมผัสแรกทำให้เขารู้สึกราวจะคลั่งจนแทบควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ยิ่งยามตวัดรัดเรียวลิ้นเล็กที่แสนละมุนนั้น จิตใจเขาคล้ายจะเริ่มกระเจิดกระเจิง มือหนาบีบเคล้นสะโพกเธอหนักหน่วงขึ้น ขณะที่เขาจูบเธออย่างดูดดื่มราวจะดูดกลืนลมหายใจเธอไปด้วย ธารทิพย์รู้สึกราวกับตัวเองกำลังโดนต้องมนต์ด้วยเหมือนว่าจะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ชั่วขณะเธอจูบตอบเขากลับอย่างเร่าร้อน จนอุ้งมือหนาของเข้าเลื่อนเข้าไปยังสาบเสื้อหม้อฮ่อมตัวหลวม สำรวจแผ่นหลังและหน้าท้องแบนราบและลูบไล้เบาๆอย่างหลงไหล ก่อนจะเลื่อนยังฐานหน้าอกด้านล่าง หญิงสาวชะงักเล็กน้อย เธอไม่ได้ใส่ชั้นในเพราะตากไว้ “นะ..นายฮ้อย พะพอแล้ว” เธอเป็นฝ่ายผละเขาออก เมื่อรู้สึกคล้ายลมหายใจเริ่มจะขาดห้วง หน้าเนียนใสแดงก่ำระเรื่อราวลูกตำลึงสุกเมื่อสบตากับดวงตาคมปลาบของเขา และมองเขาอย่างตัดพ้อคล้ายไม่เข้าใจ แม้เมื่อครู่จะหวั่นไหวไปรสจูบที่แสนเร่าร้อนนั้น แต่ก็สงสัยยิ่งนัก ....เขาจูบเธอทำไม? “เหมือนเอ็งจะไม่ได้เป็นไรมากอย่างที่คิด ทั้งอุณหภูมิภายในและชีพจรก็ปกติดี” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ กวาดสายตามองกรอบหน้างามของเธอและไล้ทั่วร่างที่ผละออกห่างอย่างสำรวจ พลันหญิงสาวก็รู้สึกเห่อร้อนทั่วกายขึ้นมาอีกรอบ แม้เพียงสายตาของเขาที่มอง อย่าบอกนะว่า เขาเช็คอุณหภูมิในร่างกายเธอด้วยวิธีนี้ “ฉันไปนอนก่อนนะ” เธอบอกเขาเบาๆเตรียมจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในเพิงพักด้วยไม่อยากจะรู้สึกร้อนรุ่มไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขาคงเป็นบุรุษแห่งไฟอย่างที่หลวงพ่อบอกไว้กระมัง เพราะใกล้เขาแล้วเธอคล้ายจะโดนแผดเผาแทบเป็นจุล “เดี๋ยวก่อน” เขาจับไหล่บางของเธอไว้ให้หันกลับมา ก่อนจะคล้องสร้อยที่มีวัตถุรูปร่างประหลาดใส่ในคอ นั่นทำให้เธอมองหน้าเขาอย่างฉงน แต่คาดเดาได้ว่านี่อาจเป็นเครื่องรางของขลังอย่างหนึ่งที่เอาไว้เพื่อติดตัวอย่างแน่นอน “งาช้างป่ากับเขี้ยวหมูตันปลุกเสกแล้ว จะช่วยป้องกันเอ็งจากภัยตรายรอบด้านในบางสิ่งที่เห็นและมองไม่เห็น ใส่ไว้ติดตัวไม่ต้องถอด” เขาบอกเสียงราบเรียบ และจัดสายสร้อยที่ปัดเกี่ยวปรอยผมสลวยนั้นให้อยู่ระหว่างลำคอระหงของเธอ “ขอบคุณมาก” เธอเอ่ยเบาๆ ก้มหน้าหลบสายตาคมเข้มของเขาด้วยความเขินอาย มุมปากหยักได้รูปของนายฮ้อยเพลิงยกยิ้มเล็กน้อย และโน้มหน้าลงมาใกล้ก่อนกระซิบเสียงแหบพร่า “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นตะโกนเรียกข้าด้วยนะข้านอนอยู่ใกล้ๆนี่เอง อย่าลืมหลับฝันถึงข้าด้วยละ” เอ่ยเสร็จร่างหนาก็ผละห่าง และเดินกลับยังเพิงตัวเอง ทิ้งให้ธารทิพย์ได้แต่ยืนมองตามอยู่เพียงครู่ จึงเดินกลับเข้ามาในเพิงอีกครั้งอย่างระมัดระวัง เห็นว่าคะนิ้งและรำพึงหลับไหลไม่ได้สติ จึงเอนกายลงนอนตรงมุมเสื่อ และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว แผ่นไม้บางๆที่มีเพียงเสื่อปูอยู่นั้นทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเท่าที่ควร แต่เพราะความเหนื่อยล้าทำให้เธอเข้าสู่ห้วงนิทราภายในเวลาไม่นานนัก ...คืนนี้เป็นคืนแรกที่เธอหลับไหลในภพนี้ . . เสียงโหวกเหวกโวยวายดังรอบด้านเพิงตั้งแต่ไก่โห่ ขณะที่ ธารทิพย์ ยังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม คาดว่าคนงานบางส่วนกำลังก่อไฟจัดเตรียมอาหารมื้อเช้ากัน เท่าที่ทราบคือทัพควายของนายฮ้อยนั้นจะมีทีมเสบียงที่ใหญ่มาก ทั้งข้าวสารอาหารแห้งและเครื่องครัวสำรับต่างๆที่ใส่บรรทุกมาในเกวียนประหนึ่งดังห้องครัวเคลื่อนที่เลยทีเดียว คนงานทุกคนทัพจะต่างมีหน้าที่ของตนที่ต้องรับผิดชอบในแต่ละวันและช่วงเวลาโดยไม่ต้องคอยบอกย้ำหลายรอบ เมื่อตื่นมากระบวนการทำงานจะดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ทั้งการหุงหาอาหาร การดูแลวัวควายให้กินอิ่มหนำสำราญ การเฝ้ายาม ตรวจเช็คความเรียบร้อยแต่ละจุด การจัดการที่พัก รวมถึงการดูแลนายฮ้อยที่เป็นประมุขหลักของทัพอีกด้วย “นอนต่อเถอะยังไม่ต้องรีบลุกดอกเมื่อคืนเอ็งนอนดึกไม่ใช่รึเห็นว่าบอกว่ามัวแต่ดูแลข้า ขอบใจเอ็งมากเลยนะทิพย์” รำพึงที่มีสีหน้าแช่มชื่นเอ่ยบอกเธอขณะปรือตามอง และพยายามจะพยุงกายลุกขึ้น แต่เห็นคะนิ้งเองก็ยังนอนคุดคู้อยู่ไม่ห่างนัก “แล้วเราไม่ไปช่วยพวกเขาทำกับข้าวเหรอ” เธอเอ่ยถามเบาๆ ด้วยรู้สึกว่าคนงานเพิงรอบด้านต่างตื่นกันหมดแล้วแม้จะเป็นเวลาเช้ามืดก็ตาม “ไม่ต้องดอก นายฮ้อยสั่งไว้ให้พวกเราที่เป็นผู้หญิงอยู่แต่ในเพิงพักเท่านั้น ไม่ให้ไปยุ่มย่ามคลุกคลีสุงสิงกับคนงานให้อยู่ใกล้ๆกับเพิงนายฮ้อยตลอดเวลาที่ร่วมทัพ” อาจเป็นเพราะความปลอดภัยกระมัง อย่างที่บอกว่า ทัพควายส่วนใหญ่จะมีกฎไม่ให้ผู้หญิงเข้าร่วมทัพ แต่หากจำเป็นจริงๆผู้หญิงที่ติดตามต้องทำตัวมิดชิดอยู่ใกล้กับนายฮ้อยมากที่สุดและไม่ออกไปเพ่นพ่านด้านนอกที่จะเกิดอันตรายกับตัวเอง เพราะอย่างไรก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มชายฉกรรจ์มากมาย “นอนต่อเถอะ เดี๋ยวมื้อเช้าเสร็จพี่บากคงจะยกมาให้พวกเราเองแหละ” รำพึงบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ธารทิพย์มองหน้าหล่อนแล้วพยักหน้าเล็กน้อยด้วยรู้สึกเพลียจริงๆ จนแทบไม่อยากจะลุก แต่ก็พยายามพิจารณารูปร่างหน้าตาของ รำพึง อย่างละเอียดเห็นว่าหล่อนเองมีหน้าตาผิวพรรณที่สะสวยไม่ต่างจากคะนิ้งน้องสาวของหล่อน เรียกได้ว่าสวยงดงามทั้งพี่และน้อง จึงใคร่อยากรู้นักว่าทั้งคู่เดินทางรอนแรมใกล้ชิดกับนายฮ้อยเช่นนี้ เขาจะไม่หวั่นไหวบ้างหรืออย่างไร? แค่คิดใบหน้าเธอก็ผ่าวร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงสัมผัสจากจูบที่ดูดดื่มของเขาเมื่อคืน ..นี่ขนาดเจอกันแค่วันแรกเขาก็ยังประทับจูบอย่างเร่าร้อนกับเธอแล้ว นั่นทำให้เธออดคิดไม่ได้ เมื่อมองหน้าสวยผุดผาดของสองสาวตรงหน้า “ทำไมเธอทั้งสองถึงได้มาร่วมขบวนกับนายฮ้อยเหรอ?” ธารทิพย์เอ่ยตามตามตรงด้วยความอยากรู้ เพราะเมื่อวานถามคะนิ้งผู้เป็นน้องสาวแล้วหล่อนคล้ายจะบ่ายเบี่ยงจนไม่อาจรู้ข้อมูลที่แท้จริงได้ “ข้ากับน้องมีเหตุจำเป็นต้องมาร่วมทัพ แต่นายฮ้อยบอกพวกข้าไว้แล้วแหละ ..ว่าระหว่างทางจะมีผู้หญิงจากลำน้ำมูลมาสมทบด้วยในระหว่างทาง” รำพึงเอ่ยเสียงราบเรียบ นั่นทำให้ธารทิพย์ตาเบิกโพลง บอกว่าจะมีผู้หญิงจากลำน้ำมูลมาสมทบ ...หมายความว่าเขารู้มาก่อนอยู่แล้ว ว่าเธอจะมาปรากฏตัว .....มันยังไงแล้วเขารู้ได้อย่างไรกัน? ******************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม