หลัวอวิ๋นหยางยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในห้องหนังสือ ใบหน้าหล่อเหลาตีสีหน้าเรียบตึงอย่างไม่พอใจ เขาหงุดหงิด แต่ไม่รู้ว่าหงุดหงิดสิ่งใด ทั้งที่คิดไว้แล้วจะไม่ปรานีนาง แต่เมื่อทำให้นางลำบากกายและเจ็บปวด กลับรู้สึกไม่พอใจ
เมื่อหลังจากออกจากห้องหอ เขายืนมองนางที่เดินด้วยความอ่อนล้าแล้วก็กัดฟัน ต่อให้เขาจิตใจหยาบกระด้างแต่ก็ไม่เคยทำร้ายสตรีมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจึงรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจ
แต่ปากกลับมิปริออกหรือให้ผู้ใดเข้าไปช่วยเหลือนาง เพียงแต่สั่งให้แม่นมนำยาห้ามครรภ์ไปให้เพียงเท่านั้น
ใบหน้ามืดครึ้มคิดถึงยามเสียงหวานของนางครวญครางบนเตียง มันวนเวียนในหัวคล้ายกับเคยได้ยินมาก่อน
เสียงของนาง...
กลิ่นกายของนาง...
เหตุใดเหมือนเคยได้สัมผัสมาก่อนแต่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด และเมื่อไหร่กันแน่ ทั้งที่พยายามนึกจนปวดหัว
แต่เมื่อมีคนเข้ามาในห้อง เขาก็หยุดความคิดนั้นเสียแล้วหันไปตามเสียงคนเดินมา
“คารวะท่านโหว” แม่นมจี้ฉงจัดการตามที่ท่านโหวสั่งเรียบร้อยแล้วจึงคิดมารายงานให้ทราบ
“แม่นมเป็นอย่างไรบ้าง”
“จัดการส่งฮูหยินไปที่เรือนด้านหลังแล้วเจ้าค่ะ”
“ลำบากแม่นมแล้ว” หลัวอวิ๋นหยางกล่าวอย่างอ่อนล้า เขาเคร่งเครียดหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องแก้แค้นกับนาง
“ท่านโหวเหนื่อยแล้วควรพักผ่อนให้มาก” นางจี้ฉงเห็นสีหน้าที่แบกรับหลายสิ่งไว้บนบ่าก็เข้าใจ แต่ว่าควรจะรักษาสุขภาพตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน
“ข้าเพียงแต่กรำศึกมานาน”
“เช่นนั้นบ่าวจะให้คนจัดยาบำรุงทั้งอาหารให้ท่านโหวเจ้าค่ะ รีบไปพักเถิด” แม่นมที่ชราวัยผ่านร้อนหนาวมามากเห็นบุรุษสตรีในวัยหนุ่มสาวรักใคร่เข้าหอก็เข้าใจดี
แต่ที่ติดใจเหตุใดท่านโหวถึงทำกับฮูหยินเช่นนั้น ทั้งที่เป็นฮูหยินพระราชทาน แล้วฐานะเดิมนั้นสูงศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง หากไม่แต่งเข้าจวนหลัว คงได้เป็นถึงพระสนมในฝ่าบาท
แต่ท่านโหวทำเหมือนฮูหยินเป็นนางบำเรออุ่นเตียงที่ไม่ต่างจากสาวใช้ที่เหล่าคุณชายชั้นสูงเรียกใช้งานก่อนแต่งฮูหยินก็เท่านั้น
“เช่นนั้นแม่นมก็ไปพักเถิดลำบากมานานแล้ว” หลัวอวิ๋นหยางกล่าวกับแม่นม ก่อนจะนั่งที่เก้าอี้คิดทบทวนเรื่องที่ค้างคาใจ
แต่ไม่ทันได้คิดสักหนึ่งเค่อ เสียงโหวกโหวกโวยวายของสองบุรุษที่อยู่ข้างกายมาตลอดก็กอดคอกันเข้ามา กลิ่นสุราหึ่งมาตั้งแต่หน้าประตูทำให้คนที่ไม่ดื่มเหล้าเป็นอาจิน
อย่างอวิ๋นหยางโบกมือไปมาไล่ความฉุนออกจากจมูก
“คารวะท่านโหว...ข้าน้อยเสี่ยวหมิ่ง ส่วนนี่สหายร่วมดื่มของข้าโหยงเยี่ยน รายงานขอรับท่านโหว” คนเมาเปล่งเสียงด้วยอาการลิ้นเปลี้ย รายงานเหมือนกำลังอยู่ในกองทัพก็ไม่ปาน ทำเอาคนที่เป็นนายนั้นเอือมระอา
“ข้านึกว่าจะหอบผ้าไปสถิตอยู่หอเริงรมย์ จะได้เร่งให้คนเก็บของให้” เมื่อไหร่ที่กลับเมืองหลวงก็สิ้นลายกุนซือ ชาญอันฉลาด ฝีปากกล้าในกองทัพเสียแล้ว ยามนี้ต่างอันใดจากคนเร่ร่อนขี้เมาตามท้องถนนกัน แถมยังลากเจ้าเสี่ยว
หมิงไปเสียผู้เสียคนอีกด้วย
“ท่านโหว...ท่านมิรู้สิ่งใด ยามได้ดื่มสุราเคล้านารีมันช่างสร้างความสุนทรีย์ไม่น้อย วันนี้เสี่ยวหมิงได้รับรู้รสชาติแห่งความหวานล้ำของสตรีแล้ว ท่านดูใบหน้าเปี่ยมสุขนี่สิ...ส่วนท่านทำเหมือนไม่ได้เข้าหอ นอกจากหน้าตาไม่สดใสแล้วยังเหมือนโกรธใครมา” โหยงเยี่ยนกล่าวออกมาพร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะถากถางคนที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน
“หะ...หรือ...หรือว่า...ท่านโหวนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ...!” เสี่ยวหมิงเพิ่งเข้าใจว่านกกระจอกไม่ทันกินน้ำเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยเข้าหอเริงรมย์ ติดตามท่านโหวมานานหลายปี จนวันนี้เมื่อท่านโหวมีฮูหยิน ท่านกุนซือผู้เจนในตัณหาก็พาเขาไปสัมผัสความสุขแบบใหม่ที่ไม่เคยได้รับ
“เจ้า...!”
สามหาวนัก!
“ท่านโหวไม่เคยได้ฝึกซ้อม...เข้าหอต่างอันใดจากซ้อมรบ หากไม่เคยลงสนามก็พลาดได้” โหยงเยี่ยงถากถางต่อ
“ใครว่า ข้าได้กินหลายน้ำต่างหาก” คนที่ไม่ยอมแพ้ลูกน้องกล่าวออกมา จะให้พวกมันดูแคลนได้อย่างไร
เสียงของท่านโหว ทำเอาสองบุรุษที่กอดคอกันมาสร่างเมาทันที มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“หลงสตรีนอกด่าน”
“ขะ...ข้าไม่ได้หลง...เพียงแต่อยากแก้แค้นให้นางเจ็บต่างหาก” คนที่โดนกล่าวหาร้อนตัวพูดแก้ด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“แก้แค้นมีตั้งมากมาย เหตุใดถึงเข้าหอเล่าท่านโหว...ไม่สนใจ ส่งไปอยู่เรือนหลัง หรือไม่ให้มีอำนาจ หากเกลียดแล้วอยากใกล้ชิด...ปากท่านตรงกับใจหรือไม่” โหยงเยี่ยนผู้เจนจัดเรื่องกามราคะมองดวงตาไหวระริกอย่างจับผิด
“...”
“ข้าก็จะย่ำยีนางให้เจ็บอย่างไรเล่า อีกอย่างหนทางนี้เป็นการแก้แค้นได้ดี ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
“ผู้ใดแนะท่าน?” โหยงเยี่ยนรีบมานั่งใกล้ ๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาถาม แต่คนที่นั่งอยู่ก่อนรีบผลักไสออกไปไกล ๆ
เขาไม่อยากได้กลิ่นโสโครกของพวกมันสองคน เดี๋ยวกลิ่นนางที่ติดปลายจมูกของเขาอยู่จะจางเสีย
“ฝ่าบาท!”
หึ หึ...!
“ท่านมิต้องเชื่อทุกอย่างที่ฝ่าบาทบอกก็ได้เหตุใดท่านจึงเชื่อฟังนักเล่าท่านโหว” หรือที่จริงแล้วนิ่งอันโหวก็มีใจให้องค์หญิงต่างแคว้นผู้นั้น
“ข้าทำตามรับสั่ง”
“จงรักภักดีมาก!” โหยงเยี่ยนกล่าวอย่างระอาใจ ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงคนปากไม่ตรงกลับใจเขาเร่งไปพักสักสองชั่วยาม ก่อนจะตื่นมาทำงานสักหน่อย
แน่นอนว่างานของเขาคือเป็นคุณชายเจ้าสำราญ บ้านช่องไม่กลับสิงอยู่จวนนิ่งอันโหว พร้อมสอดส่องความเป็นไปของคนทุกผู้ในจวนนี้ โดยเฉพาะฮูหยินนิ่งอันโหว
“ข้าจะไปนอนแล้ว...กินไปหลายน้ำท่านก็พักเถอะ เดินตรวจแถวทหารขาอ่อนเหล่าแม่ทัพนายกองจะหัวเราะเยาะเอา” สาบานว่าเขาเตือนด้วยความหวังดี เพราะท่าทางอ่อนต่อเรื่องบนเตียงเช่นนี้คงต้องบำรุงร่างกายอีกมาก