บทที่ 09 ขาดสติ

1245 คำ
รถจักรยานยนต์สีเทาตัดแต่งด้วยลวดลายสีดำสุดโฉบเฉี่ยวจอดพร้อมกับเจ้าของรถที่รีบลงมา เขาจัดการถอดหมวกกันน็อกแล้วรีบก้าวยาว ๆ มาหาคนที่รีบร้อนลงบันไดจากหน้าประตูบ้าน "เกิดอะไรขึ้นครับ รีบร้อนขนาดนี้เดี๋ยวก็ล้มเอาหรอก" ชายหนุ่มในเสื้อช็อปเพิ่งเลิกเรียนหมาด ๆ รีบเข้าประคองคนเป็นแม่ "ไปโรงพยาบาลไคเลอร์ หนูแตม...หนูแตมเข้าโรงพยาบาล" คำตอบของเธอทำเขาเบิกตากว้าง "ว่าไงนะครับ!!" "อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ รีบไปกันก่อน" ก่อนที่จะฃคนเป็นพ่ออย่างไคโรที่ตอบแทน แล้วอ้อมไปอีกทางหมายจะเปิดประตูฝั่งคนขับ "ผมขับเอง" ทว่าไคเลอร์ก็แทรกตัวเข้ามาก่อน สถานการณ์เร่งรีบแบบนี้คนขับตีนผีแบบเขาเหมาะสมที่สุด ครอบครัวเคลวานมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่กี่นาที พวกเขารีบวิ่งไปยังห้องฉุกเฉินทันใด โดยไคเลอร์ก็ประคองคนเป็นแม่ที่น้ำตาคลอเบ้าตลอดทาง กระทั่งมาถึงหน้าห้องที่มีพี่ชายยืนรอ คนข้างกายของนานะจึงเปลี่ยนเป็นไคเรนที่ต้องการกำลังใจมากที่สุด "ไคเรน..." "นาน่า" สองแม่ลูกกอดกันกลม สถานการณ์ตอนนี้เริ่มตึงเครียดโดยยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรกับว่าที่พี่สะใภ้และหลานของเขา ทุกคนตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะไคเรนที่เดินวนไปวนมา กระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติดเบาะ กระทั่ง... "หมอเค้ก...คนไข้เป็นยังไงบ้าง ลูกล่ะ ลูกผมเป็นอะไรหรือเปล่า!" เสียงผลักประตูฉุกเฉินปรากฏร่างของหมอเจ้าของไข้ทำให้ทุกคนรีบกรูเข้าไปหา หมอเค้กตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังยืนนิ่ง ภายใต้หน้ากากอนามัยร่างสวยเต็มไปด้วยความกดดัน ยิ่งไม่กล้าพูดอะไรออกมาเมื่อเห็นสายตาไคเรนที่จดจ้องด้วยความหวัง "ว่าไงเค้ก พูดอะไรสักอย่างเถอะครับ ผมใจไม่ดี" ไคเรนเขย่าตัวเธออย่างคนที่คุมสติไม่อยู่ เธอแทบไม่เคยเห็นเขาในโหมดนี้มาก่อน ปกติคนใจเย็นราวกับน้ำแข็งขั้วโลก ทว่ากับเรื่องแฟนของเขากลับกลายเป็นคนละคนยิ่งเห็นก็ยิ่งทำเธอปวดใจ "เค้กขอโทษนะ เค้กช่วยสุดความสามารถแล้ว แต่เราช่วยลูกเรนไว้ไม่ได้" หมอเค้กเม้มปากแน่น การทำให้ใครสักคนผิดหวังมันรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด ไม่ใช่แค่กับไคเรนแต่กับคนไข้คนอื่น ๆ คนเป็นหมอไม่อยากพูดคำนี้ที่สุด แต่จะทำอย่างไรได้ เธอเป็นแค่หมอที่ทำสุดความสามารถที่มี ไม่ใช่เจ้าชีวิตที่จะตัดสินว่าใครควรอยู่ใครควรไป หวังว่าญาติคนไข้ที่ต้องสูญเสียคงจะเข้าใจเพราะเธอเองก็เสียใจไม่แพ้กัน "ถ้างั้นเค้กขอตัวก่อนนะคะ สู้ ๆ นะเรน" หมอเค้กทนยืนดูไม่ได้อีกต่อไป ยิ่งเห็นไคเรนเสียใจมากแค่ไหนเธอก็ยิ่งปวดใจกว่าเขาหลายเท่าตัว เท่านั้นร่างบางก็หันหลังเดินออกมา เข้ามานั่งในห้องพักแพทย์ส่วนตัวก็ทิ้งตัวเอนหลังอย่างคนหมดแรง หลายชั่วโมงกับการผ่าตัดที่เต็มไปด้วยความกดดันดูดพลังของเธอไปจนหมด ทั้งยังไม่ได้พักมาทั้งคืน บวกกับจิตใจที่รู้สึกอ่อนแอ หมอเค้กก็แทบไม่มีแรงหลงเหลือสักนิด แกร็ก! เสียงลูกบิดที่ดังพร้อมกับคนที่เปิดเข้ามาทำให้เธอรีบลืมตาขึ้น ก่อนที่จะหยัดยืนขมวดคิ้วชนกันเมื่อเห็นคนตรงหน้าที่ไม่ได้เข้ามาเพราะเรื่องดีแน่นอน "นายเข้ามาทำไม?" "ที่ผมเสียหลานไปเพราะหมอจงใจใช่ไหม?" ใช่...คนนั้นคือไคเลอร์ เขาตวาดเสียงกร้าวอย่างคนไม่พอใจทำเอาหมอสาวถึงกับหน้าเสียเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน "นายพูดอะไรของนาย" "หมอจงใจให้หลานผมตายใช่ไหม อยากให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้วใช่ไหม!" คนเดือดดาลเหมือนคนขาดสติทำให้หมอเค้กเริ่มกลัว เธอถอยหลังออกห่างจากเขา กลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่จะพยายามพูดออกมาด้วยสติมากที่สุด "ฉันว่านายกำลังอยู่ในช่วงเสียใจ จนเผลอคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ เชิญออกไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า" เธอเข้าใจถึงอารมณ์ของคนสูญเสียจนทำให้ใครบางคนขาดส่วนยับยั้งชั่งใจไปชั่วคราว "หมอตั้งใจฆ่าหลานผมใช่ไหม!?" ไคเลอร์ฉายแววตาวาวโรจน์ก้าวตามเข้ามาจนหมอเค้กเริ่มตัวสั่น "นี่นาย พูดอะไรออกมา ฉันฟ้องนายได้นะ" แต่ก็พยายามใจดีสู้เสือโดยการตะคอกใส่เขากลับบ้าง แม้ในใจจะกลัวมากก็ตาม "เอาสิ...ผมไม่กลัว อยากฟ้องก็ฟ้องเลย" ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มมุมปาก นาทีนี้เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าคนตรงหน้าจะใช้หน้าที่การงานในทางที่มิชอบ หวังทำเพื่อตัวเองเขาเองก็จะไม่ทน "นายออกไปก่อนดีกว่า อยากบ้าก็ไปบ้าคนเดียวฉันจะทำงาน" เสียงหมอเค้กอ่อนลง ขืนขึ้นไปตามเขาก็มีแต่จะทำให้อะไร ๆ มันแย่ลง "หมอทำได้ยังไงวะ กับเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยหมอทำลงไปได้ยังไง" แต่ไม่ใช่กับไคเลอร์ เขาผลีผลามจับแขนเธอไว้แน่น สาดคำพูดไม่ดีจนทำให้ความอดทนของใครบางคนหมดลง "พอได้แล้วไคเลอร์ มีสติหน่อย!" หญิงสาวตัดสินใจสะบัดแขนด้วยแรงทั้งหมดที่มี ผลักหน้าอกของคนตัวโตทั้งสองข้างจนเซถอยออกไป หวังว่าจะสามารถเรียกสติของเขากลับมาได้บ้าง แล้วมันก็เหมือนจะได้ผล เมื่อเขาเริ่มนิ่งลงจดจ้องใบหน้าสวยที่เริ่มน้ำตาคลอและพยายามอธิบายด้วยเสียงที่สั่นเครือ "ฉะ ฉันจะอธิบายให้นายฟังอีกรอบนะ หลานของนายไม่อยู่ก่อนที่จะมาเจอฉันแล้ว คุณเฌอแตมมีภาวะแท้งคุกคามเมื่อสัปดาห์ก่อนยิ่งวันนี้มาเจอเรื่องที่กระทบต่อจิตใจอย่างหนักและกระทบกับเด็กในท้องโดยตรงฉันยื้อเขาสุดชีวิต ฉันพยายามช่วยเขาทุกทางแล้ว ฉันทำทุกอย่างแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ นายคิดว่านายเสียใจเป็นคนเดียวหรือไง!" ว่าจบคนที่ไม่ชอบให้ใครเห็นน้ำตาก็รีบเงยหน้าขึ้น เพื่อไม่ให้มันไหลต่อหน้าคนอื่นที่ยิ่งเป็นไคเลอร์ที่ไม่ชอบหน้าเธอเลยสักนิดมีแต่จะทำให้เขาสะใจเพิ่ม หมอสาวรีบหันหลังแล้วเช็ดน้ำตาที่อาบท่วม และเมื่อไม่ได้ยินเสียงคนโวยวายอีกเธอก็เอ่ยอีกครั้งด้วยเสียงเรียบ และไม่คิดจะหันกลับมา "ถ้านายเลิกบ้าแล้ว ก็เชิญออกจากห้องฉันซะ" ไม่มีคำตอบใด ๆ เว้นแต่เสียงประตูห้องทำงานที่ปิดลง เท่านั้นคนที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ก็ทรุดตัวลงก่อนที่จะปล่อยโฮออกมากับความกลัว ความเสียใจที่สุดจะทนเก็บไว้อีกต่อไป "ฮึก...ฮือ ไอ้เด็กบ้า"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม