ไนต์คลับ
น้ำสีอำพันแก้วแล้วแก้วเล่าถูกเทลงไปในลำคอหนาของเอเดรียน ผู้ร่วมโต๊ะที่นั่งโซฟาฝั่งตรงกันข้ามอย่างไบรอัน ผู้กองหนุ่มสังกัดหน่วยปราบปรามยาเสพติดถึงกับแสดงสีหน้าเหยเกราวกับรู้สึกว่าเหล้าเพียวๆ กำลังบาดคอของตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยห้ามปราม
“เอเดรียนเบาหน่อย นายดื่มไปเยอะแล้วนะ”
เจ้าของชื่อชะงักมือที่กำลังจะยกเทน้ำสีอำพันลงคอซึ่งไม่ทราบว่าเป็นแก้วที่เท่าไรเล็กน้อย ดวงตาคู่คมเหลือบมองใบหน้าเพื่อนสนิทอย่างไบรอัน
“นายก็รู้ว่าฉันคอแข็งแค่ไหนไบรอัน”
เสียงทุ้มให้คำตอบแล้วส่งน้ำสีอำพันลงคอไปจนหมดแก้ว ไบรอันทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างปลงตก ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่อีกฝ่ายชวนเขามาดื่ม ยังไม่รู้เลยว่าท่าทางคล้ายมีเรื่องที่กำลังหงุดหงิดใจนั้นเป็นเพราะอะไร
“ว่าแต่ที่นายดื่มเอาๆ นี่นายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าเอเดรียน”
เป็นอีกครั้งที่เอเดรียนสบสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของไบรอัน มือข้างที่จับแก้วเปล่าเอาไว้ขยับนิ้วหัวแม่มือบนแก้วไปมาเบาๆ คล้ายกำลังครุ่นคิด
“ฉันก็แค่พลาดโอกาสทางธุรกิจนิดหน่อยนะ”
เอเดรียนให้คำตอบเสียงราบเรียบ ทว่าใบหน้าหล่อเหลาที่ติดจะเคร่งขรึมนั้นช่างดูย้อนแย้งกับคำพูดราบเรียบของเจ้าตัว เป็นอีกครั้งที่คนสนิทกันมานานอย่างไบรอันอดจะถามออกไปไม่ได้
“นิดหน่อยจริงดิ”
คำถามของไบรอันทำให้คนถูกถามถึงกับถลึงตามอง ไบรอันแกล้งกระแอมในลำคอเบาๆ ก่อนจะยกน้ำสีอำพันในแก้วใสก้านสั้นขึ้นมาจิบไปหนึ่งอึกแล้ววางแก้วลง
“แหม ฉันก็แค่ถามไหมล่ะ เห็นท่าทางนายเครียดๆ”
เอเดรียนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่คมวาวโรจน์ตอนที่นึกถึงไปตัวต้นเรื่องที่ทำให้เขาพลาดโอกาสทางธุรกิจในครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดายซึ่งก็คือมุกดารา
“เออ ไม่นิดหน่อยก็ได้”
“นายช่วยเล่าอีกนิดสิ ฉันอยากฟัง”
“นายจะให้ฉันเล่าอะไร”
“ก็เรื่องที่นายกำลังเครียดไงเอเดรียน ฉันว่าแค่นายพลาดโอกาสทางธุรกิจอย่างเดียวน่ะคงไม่ทำให้นักธุรกิจที่คร่ำหวอดในวงการมานานต้องถึงกับมานั่งดื่มเพื่อระบายความกลัดกลุ้มแบบนี้หรอกมั้ง”
“ถ้านายรู้ดีขนาดนี้ ทำไมไม่พูดเรื่องของฉันออกมาเลยล่ะ” เอเดรียนกล่าวอย่างประชดประชัน
“ถ้าฉันรู้ลึกขนาดนั้นฉันคงไม่ถามนายหรอกใช่ไหมล่ะ”
“นายนี่มันกวนประสาทจริงๆ” เอเดรียนต่อว่าอีกฝ่ายอย่างไม่จริงจังนัก ใบหน้าหล่อเหลาส่ายน้อยๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปาก “ที่ฉันต้องเสียโอกาสทางธุรกิจเพราะมีคนในบริษัทของฉันทรยศ”
ยิ่งพูดออกมาแบบนั้นเอเดรียนก็ยิ่งเจ็บใจที่ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างมุกดาราลูบคมเอาได้ แต่แน่นอนว่าการปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระจากหูตาของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
เธอต้องชดใช้มากกว่านั้น
“แล้วนายจัดการดำเนินเรื่องทางกฏหมายหรือยัง มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า”
ได้ยินแบบนั้นไบรอันก็อดกังวลไม่ได้ ผู้กองหนุ่มถึงกับลอบขนลุกเบาๆ กับคนที่อาจหาญทรยศต่อฟรีเดล กรุ๊ป โดยเฉพาะในขณะที่มีเอเดรียนเป็นซีอีโอ
“แค่ขายข้อมูลบริษัท ถ้าฟ้องร้องเอาผิดทางกฏหมายสำหรับฉันคิดว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย เพราะต่อให้ฉันเรียกร้องค่าเสียหายไป ดูท่าทางแล้วคงไม่มีปัญญาชดใช้ให้ฉันหรอก”
เอเดรียนแค่นเสียงอย่างดูแคลน มุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นสูง แววตาคู่คมฉายแววบางอย่างอย่างที่ไบรอนเองก็คาดเดาไม่ถูก
“แล้วนายคิดจะจัดการยังไง”
“ตอนนี้ฉันคงยังไม่ทำอะไรหรอก นอกจากลดตำแหน่ง และให้อยู่ในสายตาของฉัน”
“ปล่อยไว้ใกล้ตัวแบบนั้นจะดีเหรอเอเดรียน แน่ใจนะว่าจะไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอีก”
“ฮึ” เอเดรียนกระตุกยิ้มมุมปาก มือหนายกแก้วขึ้นเทเหล้าลงคอไปอีกหนึ่งแก้วก่อนจะวางแก้วเปล่าลงพลางบอกเสียงหนัก “คนอย่างฉันจะไม่ยอมผิดพลาดในเรื่องเดิมๆ อีกหรอกไบรอัน นายวางใจได้”
“โอเค ถ้านายบอกแบบนั้นฉันก็วางใจ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วย ก็ให้รีบบอก ฉันอยู่ข้างนายเสมอ”
“อืม”
เอเดรียนครางรับ ทั้งคู่ยังไม่ทันได้เริ่มบทสนทนาใหม่ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็เดินมาหยุดเท้าที่โต๊ะทั้งคู่ เอเดรียนกับไบรอันหันไปมองผู้มาใหม่พร้อมกัน ก่อนที่เอเดรียนจะแค่นยิ้มเมื่อเห็นว่าเป็นเจสัน โดโนแวน
“ดูนายอารมณ์ดีจังเลยนะเอเดรียน ถึงกับต้องมาดื่มฉลองเลยงั้นเหรอ มีเรื่องอะไรที่น่ายินดีขนาดนั้นเลยหรือไงกัน”
ไม่มีการกล่าวทักทายตามมารยาทอย่างที่ควรจะเป็น เอเดรียนสบสายตากับเจสันอย่างไม่สบอารมณ์และเจ้าตัวก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการจะเสวนาด้วย แต่ถึงกระนั้นเจสันก็ไม่ได้หยุดพูดจาแม้ว่าคู่สนทนาจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจเสียเต็มประดา
“พอดีฉันพาลูกน้องมาเลี้ยงฉลองน่ะที่โดโนแวน กรุ๊ปได้สัมปทานเหมืองเพชรที่เวอร์จิเนีย อ่อ ฉันยังไม่ได้แสดงความเสียใจกับนายเลยที่พลาดโอกาสนั้นไป ฉันเสียใจด้วยจริงๆ นะ ราคาเสนอของเราต่างกันแค่เพียงสิบดอลลาร์เท่านั้น ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เจสันส่ายหน้าเบาๆ คล้ายให้ความเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา แต่เอเดรียนทราบดีว่านั่นคือการเสแสร้ง มือข้างหนึ่งกำเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บใจ แต่ถึงกระนั้นเอเดรียนก็เลือกที่จะไม่โต้ตอบออกไป ตอนนี้อารมณ์คุกรุ่นก่อตัวขึ้นในอก เขาเกรงว่าการต่อปากต่อเขาจะให้อารมณ์เดือดขึ้นมาจนยากจะควบคุม
“ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
เจสันไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินจากไปด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ไบรอันมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปจนลับสายตา ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาเอเดรียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม
“ไอ้หมอนั่นเป็นอีกคนที่ทำให้นายต้องอารมณ์เสียใช่ไหม”
“อืม”
เอเดรียนครางรับในลำคอ ความรู้สึกเดือดดาลยังคงอัดแน่นอยู่ในอก และไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไปได้ง่ายๆ เจสันจะไม่มีทางมาหยามหน้าเขาได้ขนาดนี้ถ้าไม่มีใครบางคนทรยศเขา
ซึ่งคนๆ นั้นก็คือผู้ช่วยเลขาฯ ที่ดูไม่มีพิษมีภัยอย่างมุกดารา และที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างว่าถูกเจสันข่มขู่เขาไม่เชื่อเธอเลยสักนิด ที่ทำไปเพราะความละโมบละสิไม่ว่า
‘อยากได้เงินอย่างนั้นเหรอ ฮึ’
เอเดรียนแค่นยิ้มอย่างดูแคลนยามที่นึกถึงใบหน้าของมุกดาราก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มไปอีกแก้ว ซึ่งคราวนี้ไบรอันก็ไม่ได้ห้ามปราม นอกเสียจากดื่มเป็นเพื่อน อย่างน้อยก็คงช่วยให้อีกฝ่ายระบายความหงุดหงิดใจได้บ้างไม่มากก็น้อย และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เอเดรียนต้องพลาดโอกาสทางธุรกิจอีก