“ความผิดของคุณ”
“ทุเรศที่สุด ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะชั่วช้าได้ขนาดนี้”
“ไม่เอาน่า ผมชั่วช้ามาตั้งแต่เกิดแล้ว ไม่ได้เพิ่งจะเป็นซะหน่อย คุณเข้ามาหาผมเองนะ ทางที่ดี ไปทำแท้งซะ เรื่องของเราจะได้จบแบบน่าประทับใจหน่อย”
จูเลียร์ปากสั่นน้ำตาคลอเบ้า จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างผิดหวังระคนแค้น ภาพนี้ทำให้เมริสานึกถึงฉากหนึ่งในหนังที่จูเลียร์เคยแสดงและดังเป็นพรุแตก มาวันนี้ ชีวิตจริงของดาราสาวนั้นรันทดยิ่งกว่า เมริสารู้สึกแค้นแทนจนเดือดปุดไปทั้งร่าง
“ถ้าคุณไม่ทำ ผมจะช่วยคุณเอง” ไคล์จับแขนจูเลียร์แล้วลาก จูเลียร์กรีดร้อง พยายามทุบตีชายหนุ่ม แต่สู้แรงเขาไม่ได้ เขากำลังจะผลักเธอไปกระแทกกองลังไม้โอ๊กที่วางซ้อนเป็นกำแพง
แต่วินาทีนั้น หญิงสาวที่แอบมองอยู่นานก็กระโจนเข้าใส่ พร้อมถีบลำตัวของชายหนุ่มเข้าเต็มฝ่าเท้า จนทำให้คนถูกถีบตัวลอยหล่นตุ๊บลงบนพื้น จากนั้นเจ้าหล่อนก็กระโดดขึ้นคร่อมร่างกายกำยำแล้วต่อยชายหนุ่มไปหลายหมัดจนเลือดกบปาก
“ไอ้คนเลว ไอ้คนชั่ว!!!!” ต่อยด้วย ปากก็ด่าไม่หยุด จูเลียร์ยืนอึ้ง ตาค้าง “ไอ้คนไม่มีหัวใจ!!!”
เธอรัวหมัดลงไปอีกสองสามครั้งจนมือระบม ก่อนเสียท่าให้ชายหนุ่มเมื่อเขาคว้าหมับจับข้อมือเธอไว้ได้ เขารัดเธอแน่นอย่างกับคีมเหล็ก ดวงตาสีเขียวเข้มลุกวาว จ้องมองเธอแบบไม่กระพริบตา หญิงสาวใจหายวูบ สติมา เธอหาเรื่องซวยอีกแล้ว???
เมริสามองหาตัวช่วย ทว่า จูเลียร์หายไปจากห้องนี้แล้ว
“อ้าว...จูเลียร์คะ” เธอตะโกนเรียกชื่อดาราสาวโหวกเหวกลั่นห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ “หายไปไหนแล้ว” จังหวะนั้น คนที่เธอนั่งคร่อมอยู่ พลิกร่างเธอลงไปนอนหงายบนพื้น “โอ๊ย!!!”
ส่วนตัวเขาลุกขึ้นนั่ง ใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ซึมๆ ตรงมุมปากด้านซ้าย โชคดีที่หมัดเจ้าหล่อนไม่หนักมาก เขาถึงไม่เป็นอะไรมาก
“ไอ้คนซาดิสม์!!” หญิงสาวจับคลำก้นของตัวเองที่กระแทกพื้น ก่อนจะถลกดูรอยเขียวคล้ำที่ต้นขา “ฉันเจ็บไปทั้งตัวแล้ว ใครจะรับผิดชอบเนี่ย”
“ใครจะรับผิดชอบเหรอ...” ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ตวัดสายตาข้นมามองหญิงสาวที่ยังลูบคลำก้นตัวเองไม่หยุด
“ฉันไม่ได้ถามนะ แค่บ่นเฉยๆ”
เขากัดฟันกรอด “ได้ยินทั้งหมดสินะ!”
เมริสาอึกอักเหมือนแผ่นเสียงติดร่อง เธอจะทำอย่างไรดีเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปได้ เพราะเมื่อสำรวจจากสีหน้าของเขาแล้ว เธอต้องถูกเขาฆ่าตายหมกอยู่ในห้องนี้แน่ๆ เพราะดันไปรู้ความลับที่ไม่ควรรู้ของสองคนนี้เข้า
“ไม่นี่...ฉันเพิ่งเข้ามาตอนที่เห็นคุณพยายามทำร้ายเธอ” เธอไม่ควรอธิบายอะไรทั้งนั้น เขาไม่ฟังเธอหรอก เพราะขนาดจูเลียร์ที่ท้องกับเขา เขายังไม่ปราณีเลย เธอลุกขึ้นยืน แล้วสั่งตัวเองให้วิ่ง “ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ ไปล่ะ”
แต่เธอช้ากว่าเขาไปหนึ่งก้าว เขาดึงเสื้อเธอไว้จนเธอตัวปลิวกลับมากระแทกหน้าอกของเขาอย่างจัง หญิงสาวแทบจะห้อยต่องแต่งเลยทีเดียว
“จะหนีไปไหน!”
“ปล่อยฉัน!” เธอร้องขออิสระด้วยความหวาดกลัว เมื่อนึกไปถึงภาพที่เขาเหวี่ยงเธอด้วยมือเดียวจนตัวเธอกระเด็นไปติดที่ข้างฝาแล้วตายเหมือนจิ้งจกถูกประตูทับ “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เรื่องจูเลียร์ท้องฉันก็ไม่ได้ยิน เรื่องที่คุณบอกให้เธอไปทำแท้ง ก็ไม่ได้ยิน...” เธอเงียบกริบ เมื่อรู้ตัวว่าได้สารภาพออกไปจนหมดสิ้นแล้ว...
ขณะไคล์เฝ้าถามตัวเองว่าทำไมเขาจึงยังทนฟังเจ้าหล่อนพล่ามได้ยึดยาวขนาดนี้
“ไม่ได้ถามว่าได้ยินรึเปล่า ที่จะถามคือ คุณมีสิทธิ์ด่าผมเหรอ”
“ใครก็มีสิทธิ์ด่าคนเลวทั้งนั้นแหละ” เธอพรวดออกมาอย่างลืมตัว จะหุบปากก็ไม่ทันแล้ว เธออยากจะเอาหัวโขกกำแพงนัก หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะปกป้องมนุษยชาติอีกเหรอ
เขาผ่อนลมหายใจช้าๆ เหมือนเสียงอสรพิษขณะกำลังจะฉกเหยื่อ
“เลวเหรอ?”
เธอหวาดกลัว แต่ยังกล้าโต้ “ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก”
“ไม่ทำอย่างนี้” เขาหัวเราะหึๆ ฟังแล้วน่าขนลุก “แล้วต้องทำยังไง ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย”
เธอหลอกตัวเองว่าเขาอารมณ์เย็นลงแล้ว จึงอธิบายเสียงใสแจ๋ว “ขั้นแรกเลยนะ คุณต้องปล่อยฉัน นั่นแหละ ลูกผู้ชาย”
“ปล่อยแล้วไงต่อ...” เขาก็เริ่มสนุก...แบบไม่รู้ตัว
“จากนั้นคุณก็ขอโทษฉันที่ทำให้ฉันได้รับบาดเจ็บ”
“แล้ว...”
“ฉันออกมาจากครัวนานแล้ว คุณก็เลยปล่อยให้ฉันกลับไปทำงานต่อ”
เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ หญิงสาวเริ่มมีความหวัง
“ถ้าปล่อยแล้ว เธอจะเก็บเรื่องที่ได้ยินไว้เป็นความลับไหม”
“ไม่” เมริสาแทบไม่ต้องคิดเลย
ชายหนุ่มหยุดอึดใจหนึ่ง “ยืนยันคำตอบนะ”
“ค่ะ” หลังจากตอบว่าค่ะ เธอก็นึกได้ “ว๊ายตาย! ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย คุณไม่ต้องห่วง เรื่องที่คุณทำจูเลียร์ท้องแล้วไม่รับผิดชอบจะถูกฝังไว้ที่นี่”
“คุณคงไม่ได้ยินจริงๆ สินะ” เขาประชด แต่กลับปล่อยร่างเธอลง หญิงสาวพอได้รับอิสระกลับมา เธอถอยห่างจากเขาหลายก้าว เขาแค่ยืนมองเธอเฉยๆ ไม่หวาดกลัวว่าเธอจะหนีไปหรือไม่ “แต่ฆาตกรคงไม่ปล่อยให้เหยื่อที่เห็นหน้าแล้วรอดไปได้หรอกนะ ว่าไหม?”
เธอไม่ว่าหรอก แต่เธอไม่เห็นด้วยอย่างแรงเลย สำหรับกรณีของเธอนั้น เธอให้ความเห็นดังนี้...
“คุณอยากจะทำอะไรก็เชิญ จะฆ่าจะแกงฉันยังไงก็เชิญตามสบาย” เธอหยุดหายใจ “ขออย่างเดียว อย่าฆ่าลูกของตัวเองก็พอ”
ชายหนุ่มได้ฟังถึงกับอึ้งไปสามวิ ก่อนจะยิ้มอำมหิต
“ก็ได้”
เมริสาค่อยโล่งใจ อย่างน้อยเธอก็ได้ให้โอกาสเด็กคนหนึ่งได้มีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบเส็งเคร็งนี้
“ฉันจะปล่อยเด็กคนนั้นไว้ตามที่เธอขอ...แต่เธอต้องตาย!!!”
หญิงสาวหัวใจเต้นแรงแทบจะปลิดออกจากขั้ว เธอรู้สึกเหมือนสติหลุดลอยไปไกลลิบ หรือว่าเธอกำลังจะตายจริงๆ ตายบนเรือลำยักษ์ กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ตายแบบโรแมนติกสุดๆ
เมื่อคิดแล้วเธอก็อดที่จะโทษฟ้าโทษสวรรค์ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ชีวิตของเธอยังไม่เคยได้สบายกับเขาสักที ก็ต้องมาตายเพื่อปกป้องเด็กในท้องของดาราสาวที่มีพร้อมทุกอย่าง เธอ เคยติดหนี้อะไรจูเลียร์อย่างนั้นเหรอ?
“ถ้าฉันตาย ฉันคงไม่โชคร้ายมาเกิดเป็นลูกของพ่อใจยักษ์อย่างคุณหรอกนะ” เธอกระพริบตาหนึ่งครั้ง ก่อนหายใจลึกยาวเพื่อเรียกสติตัวเอง “บอกลูกคุณด้วยนะว่าฉันเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับลมหายใจไร้เดียงสาของเขา ขอให้เขามีสุขภาพที่แข็งแรง”
หญิงสาวก้มหน้านิ่ง เพื่อสงบจิตสงบใจ เธอเตรียมพร้อมแล้ว แตะผ่าหมากเท่านั้นคือทางรอดเดียว เอาให้จุกจนพูดไม่ออก และวิ่งตามเธอไม่ทัน
“ย๊ากกกกกก...” เธอกระโดดแตะผ่ากลางอากาศตรงหน้า ทว่า เขาหายไปจากตรงนี้แล้ว เธอชะงัก หันมองรอบกาย อย่างงงงัน “ไม่มีใครอยู่สักคน...ไม่มี...หายไปไหน!!!”
เขาไปแล้วจริงๆ แล้วเธอจะยังอยู่อีกทำไมล่ะ เธอไม่รอช้าให้ต้องมีเรื่องกับใครอีก สองเท้าวิ่งเร็วรี่ออกจากห้องเก็บไวน์นั้นไปโดยไม่เหลียวกลับมองหลังอีกเลย