บทที่ 5
อยากจับขึ้นเตียง
ณ โรงพยาบาล
เลน็อกซ์เดินทางมายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทันทีที่เลิกงาน เขาบอกอาการของตัวเองให้กับหมอทั้งหมด
“นอกจากจูบแล้ว อยากทำอย่างอื่นด้วยหรือเปล่าครับ?”
ชายหนุ่มจ้องหมอตาเขม็ง ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะหวาดกลัว เขากลับหัวเราะเสียงดังแล้วถอดแว่นสายตาออกเพื่อเช็ดน้ำตา จากการหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
“สรุปคือ?”
“อยากจับขึ้นเตียง พอใจหรือยัง”
“คิกคิกคิก”
หมอหนุ่มยังคงหัวเราะไม่เลิก หลังจากเห็นเพื่อนคนนี้เป็นพระไม่แตะต้องสีกามานาน ดูเหมือนจะถึงเวลาที่เตียงของเพื่อนเขาจะไม่เว้นว่างได้แล้ว ที่ผ่านมาเขาเสียดายหน้าหล่อๆ ของเลน็อกซ์เหลือเกิน เกิดมาหล่อรวย แต่กลับไม่ชอบผู้หญิง ในขณะที่ตัวเขาสลับสับเปลี่ยนผู้หญิงข้างกายไม่เว้นว่าง
“ฉันว่านายน่าจะต้องรักษาตัวเองสักหน่อย”
“นายต่างหากที่ต้องรักษา ผู้ชายบ้าอะไรกลัวผู้หญิง เพราะแบบนี้ไงผู้หญิงคนนั้นถึงคิดว่านายเป็นพวกรักร่วมเพศ”
“ไม่ได้เกลียด แค่ขยะแขยง”
“เออๆ ตามนั้น แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้วก็ถือว่าดี”
“…”
“ทำไม?”
“ทำไมอยู่ดีๆ อาการนั้นมันถึงหายไป?”
“อืม… โรคของนายมันเกิดขึ้นเพราะสภาวะทางจิตใจ ค่อนข้างซับซ้อน เท่าที่ฉันฟังนายเล่ามาอาจจะเป็นเพราะเธอไม่มีเจตนาอื่นกับนายก็ได้ เธอเป็นเลขาทำงานให้นายมาสองปี อาจจะเป็นเพราะเห็นกันมานานจนเกิดความเคยชิน ไว้ใจ อะไรประมาณนี้”
“นายเป็นหมอแน่เหรอ?” เลน็อกซ์เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก
เขารู้สึกแปลกใจที่ตัวเองไม่รู้สึกรังเกียจสัมผัสของผู้หญิงเหมือนอย่างเคย แต่คำตอบของหมอคนนี้กลับไม่ช่วยไขข้อสงสัยให้เขาเลย
“ก็ใครใช้ให้นายเป็นโรคประหลาดล่ะ ถ้าจะเป็นก็เป็นโรคที่คนอื่นเขาเป็นกันสิจะได้รักษาง่ายๆ มาเป็นโรคที่ไม่มีใครเขาเป็น ก็ต้องศึกษาอาการก่อนแล้วรักษาตามอาการไป แล้วนี่ก็เล่นหายไปหลายปีไม่ยอมรักษา อยู่ดีๆ ก็มาเรียกตัว ฉันก็ต้องถามรายละเอียดหน่อย”
“แล้วควรทำยังไง?”
“ทำตามใจไปเถอะ อีกฝ่ายก็ไม่มีแฟนนี่ ไม่เสียหายสักหน่อย”
…ทำตามใจงั้นเหรอ? เรื่องถนัดเลย…
“รอฉันเลิกงานก่อน จะพาไปฉลอง”
Night club
สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงเพลง แสงสี เครื่องดื่มมึนเมา รักและผู้คนรวมกันราวกับคนในเมืองส่วนใหญ่มารวมกันอยู่ที่นี่จนหมด สถานที่ที่แม้ผู้คนจะยืนกันอย่างเบียดเสียดก็ไม่มีใครว่า อีกทั้งยังผูกมิตรกันอย่างง่ายดาย
นานมาแล้วที่เลน็อกซ์ไม่ได้มาไนท์คลับ ตั้งแต่ที่เขาเป็นโรคประหลาด ก็หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและเสี่ยงในการสัมผัสโดนตัวกัน
ทันทีที่เข้ามาสาวๆ ก็เข้าเข้ามาเอนเตอร์เทน แต่ก็ถูกเลยน็อกซ์สะบัดแขนแถมมองดุ ทำเอาหญิงสาวกลัวจนตัวสั่น เพื่อนสนิทอย่างปุณต้องรีบพาเพื่อนเข้าไปด้านใน ห้องวีไอพีทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวบ้าง
“ผ่อนคลายหน่อยเพื่อน” เขารินเบียร์ใส่แก้วก่อนจะยื่นไปตรงหน้าเลน็อกซ์ ชายหนุ่มเมินหน้าหนีก่อนจะหยิบไวน์ขึ้นมาเปิดแล้วจิบมันช้าๆ พลางกดสายตามองลงไปด้านล่าง
ความรู้สึกน่าขยะแขยงกลับมารุมเร้าเขาอีกครั้ง เลน็อกซ์พยายามสงบสติอารมณ์ทว่าไม่ได้ผล เขาวางแก้วลงบนโต๊ะก่อนจะปลดกระดุมถอดเสื้อออกแล้วเขวี่ยงจนมันไปกองอยู่บนพื้น
“อะไร? อย่าบอกนะว่า… มันกลับมาแล้ว?”
“อือ…”
“อ่า…” ปุณหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามกับเพื่อน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง เพราะรู้ดีว่าอาการของเลน็อกซ์เป็นอย่างไรและเกิดจากอะไร ฉะนั้นแล้วเขาจึงต้องระมัดระวังทั้งในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งและในฐานะของหมอ “นายโอเคมั้ย?”
“…ไม่”
“ไม่เป็นไร คิดในแง่ดี ทุกอย่างก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“อืม”
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ กระทั่งสานตาของเลน็อกซ์สังเกตเห็นร่างบอบบางที่คุ้นเคยกำลังเต้นอยู่ด้านล่างนั่น ถึงแม้ว่าเขาจะจำได้พนักงานของบริษัทได้ไม่ทั้งหมด แต่ช่วงที่เลน็อกซ์จับตาดูเฌอลินน์ ข้าเขาก็จำหน้าพนักงานที่เฌอลินน์สนิทได้หมดแล้ว ชายหนุ่มจึงแน่ใจว่าเฌอลินน์ไม่ได้มากับเพื่อนพนักงาน ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอมากับใคร?
เลน็อกซ์อดสงสัยไม่ได้และจ้องมองเธออยู่แบบนั้นโดยไม่ละสายตา ปุณที่เห็นว่าเพื่อนหนุ่มจ้องมองด้านล่างไม่วางตาก็รู้สึกแปลกใจ แต่พยายามมองตามสายตาของเพื่อนเท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าเขาจ้องมองใคร เพราะคนด้านล่างมันเยอะเหลือเกิน
“Damn!!” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป
“เฮ้ย! จะไปไหน!?”
ชายหนุ่มผู้แสนรังเกียจสัมผัสจากผู้หญิง เดินจ้ำอ้าวแหวกผู้คนทั้งชายหญิงไปยังกลางฟลอร์เต้นรำ ในตอนนี้เขาเต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่างซึ่งแปลกใหม่สำหรับชายหนุ่ม มันทำให้เขาลืมเลือนสัมผัสของผู้คนและจดจ้องอยู่กับร่างบอบบาง ที่กำลังถูกผู้ชายลวนลามอยู่ตรงหน้าเขา!!
หมับ!
ฝ่ามือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือของชายหนุ่มเจ้าชู้ ที่พยายามฉุดคนตัวเล็กท่ามกลางผู้คน ก่อนจะออกแรงบิดจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลง เจ้าของดวงตากลมช้อนขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะเบิกกว้าง
ตกใจที่ผู้ชายที่ช่วยเธอคือประธานของเธอ และตกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยแผ่นอกยืนโชว์อย่างไม่อายใคร
แต่มันก็ไม่น่าอายจริงๆ นั่นแหละ ไม่มีอะไรให้ต้องอับอายเลย ในเมื่อทั้งแน่น ทั้งขาวแบบนี้ จนหญิงสาวเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก
กร๊อบ!
คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงคล้ายกับกระดูกหัก เธอหันกลับไปมองคู่กรณีที่ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“ท่าน…!”
ไม่ทันที่เฌอลินน์จะพูดอะไร เลน็อกซ์ก็สะบัดข้อมือของอีกฝ่ายทิ้งจนล้มลงไปโอดครวญครางบนพื้น แล้วหันมาคว้าข้อมือคนตัวเล็กให้เดินตามตัวเองไป
เขาลากเธอขึ้นมายังห้องวีไอพีที่จองเอาไว้ แล้วเหวี่ยงร่างบอบบางจนเธอเสียหลักล้มลงบนโซฟา ราวกับเขากะระยะเอาไว้แล้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะย่างกรายเข้ามาหาเธอ
ดวงตากลมลักเลิ่กมองซ้ายทีขวาอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะอยู่ดีๆ ก็ถูกลากตัวขึ้นมา แถมภายในห้องก็ไม่ได้มีแค่พวกเขา กลับมีหนุ่มหล่อเข้มอยู่อีกหนึ่งคน หมอหนุ่มมองคนตัวเล็กยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นจรดริมฝีปาก หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่มีเวลาให้เธอถาม เลน็อกซ์ก็ยิงคำถามใส่ทันที
“มาทำอะไรที่นี่?”
“คะ? เอ่อ มาเที่ยวค่ะ”
“มากับใคร?”
“เพื่อนค่ะ”
“เพื่อนเหรอ? คนไหน?”
“ก็ ไม่สิ” เฌอลินน์เตรียมที่จะตอบคำถาม แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่จำเป็นที่จะต้องตอบคำถามของเขาเลย “แล้วท่านประธานจะอยากรู้ไปทำไมคะ นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันนะคะ อีกอย่างเราก็ไม่ได้อยู่ในเวลางานด้วย”
“…”
เลน็อกซ์ถึงกับเงียบไป ราวกับคำพูดของเธอช่วยดึงสติเขาให้กลับคืนมา ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกลงมา ก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น ใบหูขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อเริ่มรับรู้ถึงการกระทำของตัวเอง ก่อนจะเหลือบสายตามองคนตัวเล็กที่นั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่บนโซฟา
เขาถอนหายใจเสียงดังเฮือก ราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะคว้าเสื้อสูทของตัวเองที่เหสี่ยงลงพื้นก่อนหน้านั้นขึ้นมา แล้วตวัดคลุมร่างบอบบาง
“ใส่ไว้ซะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ใส่ไว้!”
“ละ แล้วท่านประธานจะมาอารมณ์เสียใส่ฉันทำไมคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!” ถึงแม้จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปค่อนข้างมาก ทำให้เฌอลินน์มีความกล้าในการต่อปากต่อคำกับเจ้านายหนุ่ม
หมอหนุ่มมองคนทั้งคู่ด้วยนัยน์ตาแพรวพราว ริมฝีปากผุดเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบาย
ดูเหมือนตอนนี้ปุณจะรู้แล้วว่าทำไมเลน็อกซ์ถึงไม่รังเกียจสัมผัสของผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่ว่าโรคประหลาดของเขาหายไป แต่มันไม่มีผลกับเฌอลินน์ต่างหาก เฌอลินน์ดูไม่สนใจ ไม่พยายามเข้าหา เธอพยายามที่จะถอยห่างด้วยซ้ำ ในขณะที่ผู้หญิงที่เลน็อกซ์พบเจอส่วนใหญ่มักหวังผลจากเขา แต่กับเฌอลินน์ไม่ใช่
…น่าสนุกดีนี่…