บทที่1 สะสาง
บทนำ
“งั้นทบทวนหน่อยไหม?” แววตาของชายหนุ่มหรี่ลงอย่างชั่วร้าย สายตาคู่นั้นเลื่อนผ่านลำคอขาวผ่องขึ้นไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มชื้น
“ทบ...ทวนอะไร”
“ก็ที่เธอทำคืนนั้นไง”
“ไม่…” พิชชาจะอ้าปากพูดกลับถูกธนาฉวยโอกาสแทรกสอดลิ้นอุ่นร้อนของตนเองเข้าไปในโพรงปากแล้วบดเบียดในทันที ลิ้นร้อนระอุครูดสีไปกับเรียวลิ้นของเธอเนิบช้าแต่ไม่นุ่มนวล
ด้วยชั้นเชิงอันโชกโชนของเขาส่งผลให้พิชชาต้องพยายามขืนตัวอย่างหน่วงหนักหากแต่ทำไม่ได้ ทั้งร่างร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาด
คนตัวเล็กพยายามผลักไสจะส่งเสียงร้องห้ามออกมา สองมือยกขึ้นทุบอกรัว ๆแต่ก็โดยรวบเอาไว้ที่ตรงนั้น ธนาใช้มืออีกข้างรั้งท้ายทอยบังคับให้พิชชารับจูบอันแสนดูดดื่มจากตนเอง
ชายหนุ่มเลาะชิมดูดดึงริมฝีปากของเธออย่างไม่รู้จุดสิ้นสุด อาศัยประสบการณ์ของเขาทำให้เธอยอมโอนอ่อนและจูบตอบในที่สุด
“อื้ออ” พิชชาส่งเสียงครางในลำคอ ร่างเล็กเบียดเข้าหาร่างล่ำสันโดยไม่รู้ตัว
เป็นเพราะฤทธิ์สงของไวน์ชั้นเยี่ยมหรือเป็นเพราะรสจุมพิตวาบหวามที่จู่โจมเธอสติของเธอถึงกระเจิดกระเจิง เนื้อตัวร้อนรุ่มอย่างควบคุมไม่ได้ในขณะที่ยังแลกน้ำลายกันอยู่
กว่าที่เขาจะยอมถอนปากออกก็ทำเอาพิชชาเกือบหมดลมหายใจ คนที่เพิ่งจะถูกล่อลวงด้วยจุมพิตร้อนแรง แทบไม่รู้ตัวว่ามือของเธอสัมผัสอยู่บนแผ่นหลังเรียบตึงของเขาตั้งแต่เมื่อไร
ไม่รู้กระทั่งว่าขาที่พาดอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยหลังการปฐมพยาบาลลงมาเหยียบพื้นตอนไหน
ไม่กี่วินาทีต่อมา ลมหายใจร้อนลวกที่หลงเหลือกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ก็โชยผ่านในยามที่เขาขยับตัวถอนฝ่ามือที่สัมผัสหลังคอของเธอออก ปลายนิ้วเรียวยาวเฉียดผ่านแก้มเนียนราวกับจงใจทำนั้นชวนให้เธอหวิวหวาม
“ทีนี้จำได้รึยัง?”
บทที่1
ว่ากันว่า…คนที่ใช่ มักจะมาในเวลาที่เหมาะสม
“กลับมาอีกทำไม หรือว่าจะกลับมาเอาของขวัญวันเกิดคืน” ใบหน้าของแทนไทราบเรียบไร้อารมณ์ แม้ในใจจะรู้สึกผิดกับพิชชาอยู่ไม่น้อย
“ใช่ ลืม…” หญิงสาวในชุดเดรสยาวลายดอกไม้พริ้วให้คำตอบในทันที ตอนนี้พิชชาคงจะเหมือนนางฟ้าในสวนดอกไม้ยามค่ำคืน หากว่าเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอไม่ได้เพิ่งจะมาบอกเลิกเขา แถมยังพูดชัดเจนว่าชาตินี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก
ทว่า ไม่ทันที่แทนไทจะก้าวขาไปหยิบกล่องนาฬิกาที่อยู่ในห้องนอน พิชชาก็บอกจุดประสงค์ของตัวเอง
“ไม่ได้จะมาเอาของ” เธอพูดด้วยแววตาเฉยชา คนอย่างพิชชา ลองได้เจ็บแล้วจำไปจนตาย
“แล้วกลับมาทำไม” เขามันเป็นคนสารเลวที่หลอกใช้ความรู้สึกของผู้หญิงเป็นเครื่องมือแก้แค้นคนอีกคน แต่ตอนนี้เขาก็ได้รับกรรมนั้นแล้ว พิชชายังต้องการอะไรจากเขาอีก
“ฟินน์กลับมาทำไมน่ะเหรอ?” น้ำเสียงเธอเย็นเยียบไร้ซึ่งอาการเศร้าเสียใจ ต่างจากเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน และเสี้ยววินาทีต่อมาพิชชาก็ทำให้แทนไทรู้ว่า การที่เขาหยามศักดิ์ศรีของเธอ ต้องโดนอะไร
พลั่ก
เชี่ยย!!!
แทนไทยืนตัวงอ มือกุมที่เป้ากางเกงของตนเอง ทั้งเจ็บและจุกจนน้ำตาเล็ด เพราะเมื่อกี้พิชชาเพิ่งจะเตะกล่องดวงใจของเขาไปเต็มแรง
*** *** ***
ก่อนหน้าที่พิชชาจะกลับไปสั่งสอนคนสารเลวอย่างแทนไท เธอกลับไปเก็บข้าวของจำเป็นที่บ้านกิจธาดาวงศ์มาแล้ว สามชั่วโมงต่อมาเธอจึงขับรถกลับมาถึงบ้านพักที่หัวหิน
ติ๊ด!
พิชชากดล็อกโฟล์คสวาเกนสีแดงฉูดฉาดคู่ใจแล้วเดินเข้ามาในบ้าน พอถึงโซฟารับแขกก็วาง หลุยส์ วิตตอง ใบกลางไปที่ฟูกนุ่มก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นไม้ปาร์เก้อย่างคนหมดแรง
ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าที่ไร้ดวงดาว ช่างเหมือนกับใจเธอที่ไร้แสงสว่าง
ความเงียบและความมืดมิดกลืนกินทุกสิ่งรอบกาย พิชชาซบหน้าลงกับฝ่ามือ ริมฝีปากเม้มแน่นกลั้นเสียงสะอื้น ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา นอกจากไหล่ที่กำลังสั่นสะเทือน
ตั้งแต่รู้ความจริง
แทนไทเข้าหาเธอเพราะต้องการจะเอาคืนพิชยะ เธอก็ได้แต่เก็บซ่อนความเสียใจไว้ในซอกลึก ไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตา แม้แต่คนเดียว
ทว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอก็มีหัวใจ เจ็บได้ ร้องไห้เป็น
ในช่วงเวลาที่หัวใจไม่อาจจะรับเรื่องราวร้าย ๆ ได้อีกต่อไป จึงปล่อยให้น้ำตาที่มาจากความโง่เขลาของตัวเองไหลออกมาในที่สุด
หญิงสาวจมอยู่กับกองน้ำตาพักใหญ่ ก่อนจะเดินสะโหลสะเหลเข้าไปในห้องนอน ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดก็เข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย
พอหัวถึงหมอนก็เอื้อมไปปิดไฟที่หัวเตียง ปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งลงช้า ๆ พยายามข่มตาข่มใจให้หลับ
พรุ่งนี้เธอยังต้องไปฝึกงานตามปกติ จะมัวมาคร่ำครวญเสียน้ำตาให้ผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่งไปทำไม
เมื่อทุกอย่างในหัวเริ่มทุเลาลง ไม่นานเธอก็รู้สึกผ่อนคลาย ค่อย ๆ เข้าสู้ห้วงนิทรา
นับตั้งแต่ที่พิชชาจำใจต้องมาฝึกงานไกลถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่เจ้าของรีสอร์ทเป็นเพื่อนรุ่นน้องของบิดา จนถึงวันนี้ก็เกือบจะครบกำหนดสามเดือนแล้ว
ตามกฎระเบียบของที่นี่ นักศึกษาฝึกงานทุกคนต้องเรียนรู้งานทั้งหมดสามแผนก โดยจัดให้หมุนเวียนไปเมื่อครบสามสิบวัน
เดือนแรกพิชชาเรียนรู้งานในส่วนของพนักงานต้อนรับส่วนหน้า เดือนถัดมาคือฝ่ายบุคคล เพราะเธอคิดว่าการจะขึ้นเป็นผู้บริหารจำเป็นต้องเรียนรู้งานด้านนี้ สองสัปดาห์ที่เหลือต่อจากนี้จึงเป็นแผนกแม่บ้าน
แม้ว่าพิชชาจะจัดการเรื่องของแทนไทจนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก แต่หากจะให้กลับมาเป็นปกติอาจต้องใช้เวลาอีกหน่อย
“อ่ะ กินสักหน่อยจะได้ไม่ง่วง” ปิยาภรณ์คือหนึ่งในนักศึกษาที่เลือกมาหาประสบการณ์ไกลบ้าน และคือคนที่พิชชาคุยถูกคอที่สุด ตอนนี้ฝึกงานอยู่แผนกเครื่องดื่มและอาหาร
สาวจากแดนอีสานใต้รูปร่างสมส่วน ผิวสองสีเดินเข้ามานั่งกับพิชชาที่โต๊ะอาหารของแผนก ‘แคนทีน’ พร้อมกับขนมครกและผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติเปรี้ยวปรี้ดจนขึ้นสมองอย่างมะม่วงน้ำดอกไม้ลูกดิบ ๆ ที่เจ้าตัวตั้งใจจะเอามากินแก้ง่วง
“ขอบคุณนะแยม แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า” เสียงของพิชชาฟังดูเนือย ๆ ไม่สดใสร่าเริงเหมือนเช่นปกตินัก
“ไม่ได้ ต้องกินตอนนี้เลย เดี๋ยวก็ไม่มีแรงปูเตียงหรอก” ปิยาภรณ์หยิบขนมครกเจ้าอร่อยในถุงออกมาให้เพื่อนด้วยความหวังดี
หน้าที่หลักของแผนกห้องพักหรือแม่บ้านที่พิชชาต้องเรียนรู้ในเดือนนี้คือการเตรียมห้องพัก ดังนั้นการปูเตียงให้เรียบตึงทั้งสี่มุม พร้อมสำหรับการพักผ่อนให้กับลูกค้า เปรียบเหมือนหัวใจสำคัญที่พนักงานทุกคนในแผนกนี้ต้องทำให้ได้ตามมาตรฐาน
หากมีมุมใดมุมหนึ่งผ้าปูไม่เรียบตึง จะโดนไล่ให้ไปฝึกใหม่และต้องทำการทดสอบจนกว่าหัวหน้าจะให้ผ่าน
“กินก็ได้” หญิงสาวเอื้อมไปหยิบมะม่วงที่ปิยาภรณ์วางไว้ใกล้กับถุงขนมครก เคี้ยวผลไม้ที่ทำให้หลายคนน้ำหูน้ำตาแตกเพียงแค่ได้กินคำแรก
“ถามจริง ไม่เปรี้ยวเหรอ” ปิยาภรณ์แปลกใจที่เห็นพิชชาเคี้ยวตุ้ย ๆ เหมือนกำลังกินของหวานอยู่
“มันเปรี้ยวเหรอ?” พิชชามองมะม่วงชิ้นโตในมือที่ผ่านการกัดมาแล้วคำหนึ่ง ทำหน้าเหมือนเพิ่งรู้ว่าตัวเองกินอะไรเข้าไป
“เอาที่สบายใจ” เคยถูกผู้ชายทำให้เจ็บช้ำน้ำใจมาก่อน ปิยาภรณ์เลยเข้าใจได้ ถ้าหากต่อมรับรสของพิชชาจะทำงานบกพร่องในช่วงเวลาแบบนี้
เนื่องจากเป็นช่วง ‘High Season’ ของการท่องเที่ยว ที่รีสอร์ตจึงมีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศตบเท้ามาเข้าพักกันจำนวนมาก นักศึกษาฝึกงานของแผนกแม่บ้านอย่างพิชชา จึงแทบจะหมดเรี่ยวแรงในแต่ละวัน
ตลอดสัปดาห์นี้พิชชาเข้างาน ‘กะเช้า’ เลิกงานตอนบ่ายสามโมง ช่วงเวลาเดียวกันกับปิยาภรรณ์ เพียงแต่อยู่คนและแผนกกัน
ด้วยความที่ขี้เกียจออกไปไหน พอถึงวันหยุดหรือหลังจากเลิกงานแล้วเธอจึงขลุกอยู่แต่ในบ้าน
มีแค่ช่วงแรกที่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตากับนักศึกษาฝึกงานด้วยกัน เพราะทิวทัศน์ของท้องทะเลและแหล่งช็อปปิ้งก็พอจะทำให้เธอคลายเครียดได้บ้าง
การฝึกงานสำหรับเธอไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเธอเป็นถึงทายาทของเจ้าของ ‘Tada Riverside’ โรงแรมชื่อดังระดับเจ็ดดาวที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เธอก็ยิ่งรู้สึกกดดันตัวเอง อยากทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด
พิชชาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาตัวเอง อะไรที่เคยทำพลาดหรือยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทุกวันเธอก็จะกลับมาทบทวนความผิดพลาดในวันนั้นเพื่อจะได้นำไปปรับปรุง
ดั่งคำที่ ‘พิชยะ’ พี่ชายบังเกิดเกล้าของเธอคอยสอนเป็นนัย ๆ ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กัน
หากแต่วันนี้เธอกลับไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ก็ยังไม่สามารถขจัดความขัดข้องในใจออกไปได้
สุดท้ายจึงหยิบมือถือใส่ลงไปในแอร์เมสแล้วสะพายออกมาข้างนอก เดินเลาะริมชายหาดห่างจากบ้านเช่าออกมาเรื่อย ๆ ในหัวมีเรื่องให้ขบคิด
--------------
ตามมาอ่านตอนต่อไปได้เลย พระเอกเรื่องนี้ร้อนเงิน มาไวมากค่ะ