มาพูดคุยพร้อมกับของหมั้น

1477 คำ
เสียงสาวใช้ที่เข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยภายในเรือนของอวี้หลิงดังขึ้น หวังหรงจื่อที่ซ่อนตัวอยู่ภายในห้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย “นางมิได้อยู่ภายในจวนตระกูลฮั่ว แล้วนางไปที่ใด” คงจะเหลือเพียงที่เดียวคือตระกูลซู แต่จะบุ่มบ่ามเข้าไปหานางก็เห็นจะไม่ได้ ด้วยยังไม่รู้ว่านางพักอยู่ที่เรือนใด อีกอย่างซูจ้านกับซูเหิง ต่างก็เรียนวรยุทธ์มาตั้งแต่เล็ก ผู้คุ้มกันภายในจวนก็ดูจะมากกว่าจวนตระกูลฮั่วถึงสามส่วน ในเมื่อต้องวางแผนให้ดีก่อนจะแอบเข้าจวนตระกูลซู หวังหรงจื่อจึงได้กลับไปที่จวนตระกูลหวังเสียก่อน “คุณชาย คุณหนูไป๋นางเพิ่งจะเดินทางกลับไปเมื่อครู่ขอรับ ยังฝากสิ่งนี้เอาไว้ให้ท่านด้วย” พ่อบ้านหวังยื่นถุงหอมส่งให้หวังหรงจื่อ “เอาไปเก็บ” เขาเดินเข้าไปในจวน โดยไม่สนใจจะหันไปมองเลยสักนิด ไป๋ซีม่าน มาพบหวงหรงจื่อที่จวนตระกูลหวัง ตั้งแต่หลังจากงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนตระกูลจาง ก็ไม่เคยได้พบเขาเลย นางรู้เพียงว่าหวังหรงจื่อมีงานที่ต้องจัดการ จะกลับเข้าจวนก็หลังจากฟ้ามืดเสียแล้ว จะไปพบที่ว่าการก็ไม่ได้ ด้วยหวังหรงจื่อสั่งห้ามนางเอาไว้ “ที่ข้าให้ไปสืบเรื่องหลิงหลิง ได้ความเช่นใดบ้าง” นางหันไปถามสาวใช้ “อีกสองวันตระกูลจาง จะส่งแม่สื่อไปพูดเรื่องหมั้นหมายที่จวนตระกูลฮั่วเจ้าค่ะ ตอนนี้ภายในจวนตระกูลฮั่ว เงียบสงบ บ่าวไม่อาจสืบเรื่องภายในจวนได้เลยเจ้าค่ะ” “หึ นางก็คงจะปิดเรือนร้องไห้เช่นเดิม ถึงได้ไม่มีบ่าวคนใดกล้าพูดถึง” ไป๋ซีม่านกดยิ้มเยาะเย้ย สหายของนางจะฉลาดวางแผนเช่นนางได้อย่างไร อวี้หลิงนางคิดสิ่งใด หรือรู้สึกเช่นใดนางก็แสดงออกมาเช่นนั้น สตรีเช่นนี้มีอันใดให้น่าสนใจ สองวันต่อมา จวนตระกูลจางก็เดินทางมาพูดคุยเรื่องสัญญาหมั้นหมายของจางสิงเทียนและอวี้หลิง มิใช่เป็นการมาพูดเพียงอย่างเดียว ยังขนของหมั้นมาให้ด้วยถึงยี่สิบหีบ “ซูซื่อ เจ้าอย่าหาว่าข้าใจร้อนเลย บุตรชายของข้าถึงวัยแต่งภรรยาแล้ว ข้าเองก็มีอาเทียนเป็นบุตรชายเพียงหนึ่งเดียว อยากจะอุ้มหลานเสียแย่แล้ว” ฮูหยินจางเอ่ยขึ้นมาก่อน ด้วยเห็นใบหน้าของตระกูลฮั่วที่กระอักกระอ่วนยามเห็นของหมั้นหมาย “ข้าจะว่าเจ้าได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเด็กทั้งสองเห็นตรงกัน ข้าเองก็แล้วแต่หลิงหลิงนาง” “เช่นนั้นก็แลกเปลี่ยนเทียบชะตากัน ข้าจะให้แม่สื่อส่งฤกษ์มาให้ทางเจ้าเลือก” ฮูหยินจางยิ้มออกมาอย่างพอใจ เรื่องของจางสิงเทียนที่เป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ เริ่มจะมีคนสงสัยเสียแล้ว ในจวนตระกูลจาง ยังมีอนุอีกถึงสามคน บุตรชายของพวกนางต่างก็อายุไม่ได้น้อยไปกว่าจางสิงเทียนเลย หากยังรั้งรอจนเรื่องแดงขึ้นมา ตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปที่ควรจะเป็นของจางสิงเทียนคงได้ตกไปอยู่ในมือของบุตรอนุ ไม่คนใดก็คนหนึ่งแน่ เช่นนี้ฮูหยินจางนางจะยอมได้อย่างไร หากจะโทษก็ต้องโทษท้องของนางที่ไม่ได้เรื่อง หลังจากคลอดจางสิงเทียน นางก็ไม่อาจจะตั้งครรภ์ใหม่ได้อีกครั้ง ข่าวลือเรื่องที่ตระกูลจางส่งของหมั้นมาที่จวนตระกูลฮั่วอย่างรวดเร็วเช่นนี้ กระจายออกไปถึงหูของจวนตระกูลไป๋และตระกูลหวังอย่างรวดเร็ว “ดูท่า หลิงหลิง นางจะออกเรือนก่อนข้าเสียอีก” ไป๋ซีม่านยกยิ้มอย่างพอใจ ผิดกับจวนตระกูลหวัง ที่เสียงขว้างปาข้าวของภายในเรือนพักของหวังหรงจื่อดังออกมาไม่ขาดสาย จนผู้เป็นแม่ต้องเดินมาดูด้วยความร้อนใจ “หยุด!!! บ้าเสียทีอาจื่อ” ฮูหยินหวังเดินไปดึงแขนของบุตรชายที่กำลังจะทุ่มเครื่องลายครามใบงามลงพื้น “ท่านแม่ ปล่อยข้า” ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ ที่ไม่อาจจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ “เป็นเจ้าที่ผลักให้หลิงหลิงนางออกห่างเช่นนี้ แล้วยังต้องการสิ่งใดอีก เจ้ามีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลไป๋อยู่จำลืมแล้วรึ” นางปรายตามองบุตรชายอย่างดูแคลน หวังหรงจื่อ ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี แม้เจอเรื่องร้ายแรงเพียงใด ผิดกับยามนี้ ที่เขาดูไม่เหมือนตัวเขาเลยสักนิด “ข้ายังจำได้ดี” เขาคำรามออกมาเบาๆ “เช่นนั้นก็เก็บอารมณ์ของตนเองเสีย อย่าให้เรื่องที่เจ้าอาละวาดหลุดออกไปด้านนอกได้” นางมองไปที่บ่าวและสาวใช้อย่างข่มขู่ “พวกเจ้าออกไปให้หมด” นางหันไปไล่บ่าวออกไปจากเรือนของหวังหรงจื่อ “อาจื่อ หลิงหลิงนางตัดใจจากเจ้าได้แล้ว เจ้าเองก็ควรจะตัดใจเช่นกัน” นางเดินเข้ามาลูบหลังปลอบประโลมบุตรชายอย่างเห็นใจ “ท่านแม่ เหตุใดนางถึงไม่ยอมเป็นฮูหยินรองของข้า” เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาอย่างไม่ยินยอม “เจ้าดูบุรุษในตระกูลฮั่วกับตระกูลซู มีผู้ใดที่รับฮูหยินรองหรืออนุบ้างเล่า” ฮูหยินหวังถอนหายใจออกมา สตรีทุกคนก็คงต้องการเพียงเท่านี้ การได้ครอบครองผู้เป็นสามีเพียงหนึ่งเดียว นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้คนทั่วแคว้นอิจฉาได้แล้ว “ข้าไม่มีทางยอมให้นางได้แต่งกับจางสิงเทียน” “อย่าได้คิดทำอันใดบ้าๆ เด็ดขาด เจ้าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับคนตระกูลไป๋แล้วรึ” เรื่องนี้หวังหรงจื่อไม่มีทางลืมอย่างแน่ เป็นเขาที่รับข้อเสนออย่างเต็มใจจากตระกูลไป๋ แล้วเขาจะไม่ทำตามได้อย่างไร ไม่มีคำตอบรับจากหวังหรงจื่อ มีเพียงเสียงแก้วชาที่เขาบีบแน่นอยู่ในมือจนเศษแก้วบาดเลือดไหลอาบออกมา ฮูหยินหวังได้แต่ร้องเรียกสาวใช้ให้ไปตามหมอทำทำแผลให้หวังหรงจื่อ ทั้งยังต้องเก็บกวาดข้าวของที่เสียหาย ก่อนที่หมอจะมาเยือนอีกด้วย ตระกูลซู เมื่อรู้ว่าตระกูลหวังส่งของหมั้นมาที่จวนตระกูลฮั่วแล้ว ต่างก็ตกตะลึงกันทั่วหน้า “เร็วนักเล่า” เกาซื่อเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนหน้านี้นางรู้เพียงทางตระกูลจางจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมาย แต่ไม่คิดว่าจะนำของหมั้นมาด้วยเลย “ช้าเร็วก็ต้องหมั้นอยู่ดี ส่งมาเมื่อใดก็ไม่เห็นจะต่างเจ้าค่ะ” อวี้หลิงหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ มีเพียงนางกับจางสิงเทียนที่รู้ดีว่า ทั้งสองแต่งงานกันเพื่อเหตุผลอันใด จึงไม่ได้แปลกใจมากนัก หากมันจะเกิดเร็วเช่นนี้ “หลิงหลิง เจ้าว่ามันไม่เร็วไปรึ ของหมั้นยังมาถึงพร้อมวันที่พูดคุย ฤกษ์แต่งมิใช่ว่าจะอีกไม่นานเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าก็ดูจะกังวลไม่น้อย งานสู่ขอในเมืองหลวง ยังไม่มีงานใดที่จะรวดเร็วเช่นงานของอวี้หลิงเลยสักงาน หากได้ฤกษ์แต่งมา ก็ต้องรออย่างน้อยหกเดือนถึงจะได้ออกเรือน แต่ดูท่าแล้ว ตระกูลจางคงเลือกฤกษ์ที่เร็วกว่านั้นส่งมาอย่างแน่นอน “ไม่หรอกเจ้าค่ะท่านยาย พี่เทียนบอกข้าเอาไว้แล้ว ถึงข้าแต่งเข้าไป หากข้ายังต้องการสิ่งใด หรือต้องการเที่ยวเล่นเช่นเดิม เขาล้วนแต่ตามใจข้า” “มันจะไม่ง่ายเช่นที่เจ้าคิดสิ ในเมื่อแต่งไปเป็นบุตรสาวตระกูลอื่นแล้ว ผู้อาวุโสในจวนจะคิดเช่นเดียวกับอาเทียนหรือไม่ก็ยังไม่รู้” เกาซื่อเอ่ยออกมา “ฮูหยินหวัง นางรับปากข้าแล้วเจ้าค่ะ นางจะไม่บังคับข้าให้ทำในสิ่งที่ข้าไม่อยากจะทำ” “หากเป็นเข่นที่เจ้าว่าก็ดี ข้าเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานสาวอย่างเป็นห่วง หลังจากที่ทุกคนในตระกูลซูเอ่ยเรื่องของหมั้นกับอวี้หลิงในมื้อเย็นแล้ว ก็ปล่อยให้นางกลับเรือนไปพักผ่อน “เตรียมน้ำให้ข้า ข้าจะแช่ตัว พวกเจ้าไปต้องเข้ามาช่วย ข้าอยากจะทำเอง” อวี้หลิงนำเครื่องหอม และสมุนไพรแช่ตัวที่จางสิงเทียนมอบให้ติดมาที่จวนตระกูลซูด้วย นางยังแบ่งให้ท่านยายและท่านป้าสะใภ้ของนางไปเสียกว่าครึ่ง อย่างไรหากหมดแล้ว นางเพียงแค่ขอจากสิงเทียนเพิ่มก็ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม